บทที่8
มักม่วน
อีกด้าน
พะแพงนั่งแกะหอมกระเทียมเพื่อเตรียมทำเครื่องแกงสูตรของคุณยายเธอ ไม่ว่าจะงานบุญบ้านไหนชาวบ้านก็มักจะมาตามเธอไปทำเครื่องแกง วันนี้พะแพงมีอาการเหม่อลอยแต่พอมีใครพูดหรือเอ่ยชื่อหนุ่มกรุงเทพอย่างณภัทรคนแค้นใจจึงโขลกน้ำพริกอย่างรุนแรงเล่นเอาครัววัดโหนกสวยสั่นสะเทือน
"อีนี่โบราณเขาว่าจะมีลูกดก" หนึ่งในชาวบ้านเอ่ยขึ้นแต่พะแพงก็ไม่สนเธอตำพริกแกงต่อไม่สนใจใคร
กว่างานที่วัดจะเสร็จก็ปาไปบ่ายโมงพรุ่งนี้งานทุกอย่างต้องเสร็จทั้งเวทีหมอลำ ลานรถแห่และของทำครัวชาวบ้านที่มีหน้าที่หาปลาก็เตรียมนำปลามาต้มเพื่อช่วยกันแกะเนื้อปลามาทำเครื่องแกง
"ชะนีน้อยทำไมไม่ชวนคุณณภัทรมาด้วยล่ะ" จิมมี่ถามเวลาไม่มีผู้ชายหล่อๆเธอมักจะหมดเรี่ยวแรงทำงาน
"ผีอีบัวหักคอไปแล้วมั้ง!"
จิมมี่มองหน้าเพื่อนด้วยความสงสัยดูเพื่อนไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาแถมยังใส่อารมณ์ตำน้ำพริกอย่างเดือดดาล พะแพงรีบทำงานของตัวเองจนเสร็จเธอก็รีบกลับบ้านไปเก็บกวาดบ้านตามคำสั่งของน้าเสกแต่ใครจะไปคิดว่าณภัทรจะทำเรื่องงามหน้าเอาไว้
กางเกงชั้นในสีดำที่เธอซื้อทางออนไลน์ตัวละ19บาทตัวที่เธอสวมใส่เมื่อวานแถมยังม้วนเป็นเลขแปดถูกห้อยไว้หน้าบ้านพร้อมป้ายเขียนกำกับเอาไว้ว่า "ของผีอีบัว" ชาวบ้านที่เห็นต่างยืนหัวเราะบ้างก็ถ่ายรูปแต่เจ้าของกางเกงตัวจริงยืนหน้าแดงอยู่ข้างประตู
"บักปอบมึงคือซั่วคัก!!!"
"อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนผีอีบัวโดนไอ้หนุ่มเมืองกรุงเล่นไปแล้วฮ่าาา"
"เออว่ะกูก็ว่างั้นแหละไปบอกพวกที่วัดกันดีกว่าโว้ยย"
ชาวบ้านรีบพากันเดินไปวัดพะแพงจึงรีบวิ่งไปดึงกางเกงชั้นในของเธอกลับเข้าบ้าน คนตัวโตกำลังทดลองเครื่องชงกาแฟหน้าระรื่นแถมยังมองกางเกงในมือของพะแพงด้วยสายตาเลศนัย
"คุณบ้าหรือเปล่าเอากางเกงไปห้อยไว้หน้าบ้านแบบนั้นได้ยังไง!"
"ทำไมล่ะ ของเธอหรือไง"
"ก็.... ไม่ใช่แต่มันก็ไม่ควร!"
"งั้นเหรอ โอเคๆรอบหน้าถ้าน้องบัวมาหาฉันอีกฉันจะได้บอกให้แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนกลับ"
"ใครมันจะโง่เข้าไปอีก" พะแพงพูดพึมพำอยู่คนเดียว
"อะไรนะ" ณภัทรยืนหน้าเข้ามาใกล้ๆแต่พะแพงเบี่ยงหน้าหลบ เธอรีบวิ่งขึ้นบ้านหยิบตะกร้าลงมาเพื่อซักผ้าของเธอแต่ณภัทรยกตะกร้าของเขาให้เธอด้วย
"อะไรของคุณ!"
"ซักให้ฉันด้วยฉันให้เงินกับน้าเธอไปแล้วแต่น้าเธอไม่เคยทำเลย"
"จ้างใครไม่จ้าง วางไว้นี่แหละเดี๋ยวหนูทำให้ส่วนคุณไปไกลๆเลยหนูไม่อยากเห็นหน้าคุณ"
"ชิ! ก็ได้ๆ ไกลพอหรือยัง" เขาถามขณะที่ก้าวถอยหลังไปเพียงหนึ่งก้าว
"ไกลๆ ไกลอีกกก!"
"พอยังอะ" ถอยไปอีกก้าวเขาก็ถามคราวนี้พะแพงหยิบขวดน้ำพลาสติกขว้างใส่จนณภัทรรีบวิ่งหนีออกไปนั่งทำงานด้านนอก
เมื่อถึงวันงานประจำปีช่วงเช้ามีการทำบุญหมู่บ้านแต่ก็ยังไม่มีใครพูดถึงผีอีบัวเลย ณภัทรถ่ายรูปภาพบรรยากาศที่เขาเกิดมาพึ่งจะเคยเก็บเอาไว้ ขนมจีนน้ำยาสูตรของคุณยายพะแพงถูกแจกจ่ายให้ชาวบ้านได้ทาน ณภัทรคุ้นเคยดีเพราะป้าสวยแม่นมของเขาก็ชอบทำให้ครอบครัวของเขาทานตอนอยู่กรุงเทพฯ
"แซ่บบ่?" ผู้เฒ่าของหมู่บ้านเดินค้ำไม้เท้ามาหา เขาเห็นหนุ่มหน้าตาดีนั่งอยู่คนเดียวไม่รู้ว่าลูกหลานใคร
"แซ่บหลายครับยาย"
"ลูกเขยบ้านใครล่ะพ่อหนุ่ม"
"ผมมาอาศัยที่บ้านป้าสวยกับน้าเสกครับ ผมเป็นลูกชายของเจ้านายป้าสวยพอดีผมมาเปิดผับในเมืองเลยมาพักอาศัยชั่วคราวแล้วก็มารับพะแพงไปเรียนที่กรุงเทพฯด้วยครับ" เขาตอบอย่างสุภาพผู้เฒ่าจึงรับขวัญด้วยการให้พร ณภัทรยกมือไหว้ขอบคุณจนพะแพงเดินมาพร้อมถุงน้ำยาและขนมจีน
"อะคุณ"
"อะไรฉันอิ่มแล้ว"
"คุณจะไปในเมืองไม่ใช่หรือไงเอาน้ำยาไปฝากพวกช่างด้วย เขาทำงานให้ก็หัดมีน้ำใจบ้าง"
"ฉันจ่ายค่าแรงเรื่องพวกนี้ไม่ต้องก็ได้"
"คุณคนอีสานไม่ใช่คนในเมืองกรุงนะ คุณมาลงทุนลงแรงที่นี่ก็หัดทำตัวให้ชาวบ้านเขารัก คุณเข้าใจคำว่าปากต่อปากไหม ช่างที่ทำงานให้คุณก็เป็นคนในพื้นที่มันดีต่ออนาคตเชื่อหนูสิ"
"อืม ขอบใจนะ" ณภัทรยอมรับถุงขนมจีนน้ำยาถุงใหญ่มาวางไว้วันนี้เขาต้องเข้าไปดูระบบภายในจึงต้องขับมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างเข้าเมืองคนเดียว
หลังจากที่ณภัทรขับรถออกไปชาวบ้านก็เตรียมตัวแยกย้ายกันช่วงบ่ายจะมีขบวนรถแห่รอบหมู่บ้านสาวๆหนุ่มๆต่างตั้งหน้าตั้งตารอ สุรา ยาดองมีเพียบไม่ต้องกลัวขาด จิมมี่ ใบปอ พะแพง สามสาวตัวตึงประจำหมู่บ้านก้าวเดินออกมาด้วยชุดเก่งของพวกเขา ใบปอใส่เสื้อเกาะอก กางเกงขาสั้นสวมใส่รองเท้าช้างดาว จิมมี่สวมใส่ชุดเกาะอกมีขนมุ้งมิ๊งกางเกงขาสั้นสวมใส่รองเท้าช้างดาวแถมยังทำท่าหวีผมสะบัดไปด้านหลังทั้งๆที่ตัวเองหัวเกรียนนักเรียนไทย
ส่วนพะแพงใส่สายเดี่ยวสีแดงกางเกงขาสั้นสวมใส่รองเท้าช้างดาวโชว์จิวสะดือที่พึ่งถอยมาจากตลาดสัญจรหน้าหมู่บ้าน ทั้งสามก้าวออกมาประจันหน้ากับวงรถแห่ ด้านหลังก็มีแก๊งกะเทยหัวโปกและวัยรุ่นภูธรยืนเรียงราย วงรถแห่เองก็ไม่น้อยหน้ามือกลองควงไม้เคาะจังหวะสามที เบส คีย์บอร์ด กีตาร์ไฟฟ้าจึงเริ่มบรรเลงเพลงแรกนั่นคือเพลง อัปสราหลงฟ้า
คืออัปสราหลงฟ้ากายตาพญาเผิ่น
เข้าใจว่าโลกเป็นเดิ่นหย่างเซิ่นจนหลงส่าว
ผลาผู้ข้าดั่งดินถืกกลิ่นดาว
จนว่าลืมคราวความหลังครั้งเก่า
ชาติแต่กี้หล่ะแมนเอาหยังทานวัด
จังงามจนย้อยหยาดหยาด
แสนอัศจรรย์ใจเจ้า
หล่ะจักแมนบุญอันดั๋ยจังได้ไกล้หรือไผจ่อง
เจ้าจังล่องมาให้ยืนทาบเคียงเงา
คือถืกมนต์ต้องให้หลงไหลมัวเมา
ผิดบ่ถ้าฮักเจ้า หรือต้องเอาไปคืนฟ้าเพิ่น
Cr.หนุ่ม มีซอ
สาวๆหนุ่มๆโยกย้ายยืดเส้นยืดสายเพราะเพลงต่อไปเป็นเพลงแนวอีสานมักม่วนทุกคนสนุกสนานถูกอกถูกใจ สุรายาดองวนเวียนแจกจ่ายโดยน้าเสกที่รับหน้าที่ดูแลตัวเองก็เดินเซแทรดๆแต่ก็ยังไหวอยู่ พะแพงยิ่งเมายิ่งเต้นเธอกระโดดตัวลอยเด้งบนฟ้าเด้าๆแข่งกับแก๊งดอกจอกที่ชอบมามั่วบ้านงานเหมือนทุกปี
"พวกมึงฮู้จักบ่ ท่าเด้าเขย่าโลก"
--------------------------
น้องมักม่วนคัก ท่าเด้าเขย่าโลกก็มา
ไรท์ไม่อยากให้ดราม่าว่านิยายมันออกแนวไร้สาระ พระเอกไม่ควรมาเจอนางเองแบบนี้
ไรท์อยากบอกว่าวัฒนธรรมของคนอีสานน่ารักมากนะ ไรท์เป็นคนภาคกลางแต่ชอบดูหนังชอบฟังเพื่อนเว่าอีสานมันตลกมาก และเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งช่วงชีวิตของไรท์สมัยอายุ15 ช่วงนั้นก็มักม่วนแบบนี้แหละค่ะ อิอิ
ช่วงนี้ดราม่านิยายตลาดมีเพิ่มขึ้นทุกวันขนาดไรท์เขียนมาเฟียยังรู้สึกเบื่อเลยขอเขียนนิยายเบาสมองบ้างไม่ว่ากันนะคะ