“ไม่มีทาง ทำไมฉันต้องหึงคนอย่างเธอด้วย เอาสิ! เอาเลย! เชิญไปอ่อยผู้ชายให้ทั่วๆ ชอบแบบนั้นอยู่แล้วนี่”
เผียะ!
หนึ่งตบเรียกสติจากริษาทำเอาภากรตาสว่าง เขาจ้องคนที่ทำเขาเจ็บตัว จ้องหล่อนนิ่งๆ ไม่ได้เอาคืนหรือว่าพ่นวาจาว่าร้ายให้หล่อนต้องโกรธเขามากกว่าที่เป็น
“ริษาไม่เคยอ่อยผู้ชายค่ะ แต่ถ้าคุณเสนอละก็ ริษาจะลองๆ ดูก็แล้วกัน มันคงสนุก คุณว่าไหม” ท้าทายเขาแล้วเดินหนี ภากรยังสาวเท้าก้าวตามมา เขาคว้าแขนเธอไว้ ดึงร่างเธอเข้าหาแผงอกอุ่น
“ขอโทษ”
“คะ?”
“ขอโทษไงเล่า ทุกเรื่องนั้นแหละ เธออย่าโกรธสิ”
“โกรธไปแล้วค่ะ”
“งั้น...ฉันง้อนะ”
“หือ...”
“ก็ง้อไง ง้อแล้วเนี่ย หายโกรธไม่ได้เหรอ”
ริษาส่ายหน้าระรัว เหนื่อยใจกับความผีเข้าผีออกของภากรนัก
“ผู้ชายคนนั้นชื่ออธิปใช่ไหม เหมือนฉันจะเคยเห็นที่บริษัทบ่อยๆ ทำไมต้องไปคุยกันตรงนั้นสองต่อสองด้วย ฉันไม่ชอบ”
“แล้วไงคะ คุณไม่ชอบแล้วริษาต้องไม่ชอบด้วยเหรอ”
“ริษา...”
“เราอย่ามาเถียงกันอย่างนี้เลยค่ะ เข้าไปในงานเถอะ เดี๋ยวคุณท่านเรียกหาไม่เจอแล้วจะอารมณ์เสียอีก”
“ทุกทีอะ เธอก็เห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉันทุกที”
ภากรบ่นใส่หน้าริษา ก่อนจะก้าวขาเข้าไปในงานด้วยความขุ่นเคือง
ริษาได้แต่ถอนหายใจแรงๆ ดูเหมือนว่าเธอกำลังหาเรื่องใส่ตัวนะ เรื่องใหญ่เสียด้วย เธอจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไรดี น่าหนักใจจริงๆ
งานเต้นรำอย่างชนชั้นไฮโซยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ทั้งดนตรีนารีและเครื่องดื่มพร้อมพรั่ง แต่มิได้ทำให้ภากรหายจากความขุ่นเคือง เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงได้ผูกติดความรู้สึกไว้กับริษานัก รู้แค่ว่าแม้บางครั้งมันจะน่าหงุดหงิดไปสักหน่อย แต่เขาก็ยังชอบอยู่ดี
“ไอ้กร หายไปไหนมาวะ”
เสียงเพื่อนรักถามไถ่ขณะเดินมาใกล้จุดที่ภากรยืนอยู่ ในมือของอีกฝ่ายมีแก้วเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างที่เจ้าตัวโปรดปราน
“ก็แถวนี้แหละน่า!”
“เป็นอะไรวะ อารมณ์ไม่ดี?”
“เออ!” ตอบเพื่อนแล้วกวักมือเรียกบริกร ก่อนจะคว้าแก้ววิสกี้มาสองแก้ว แล้วสาดมันลงคอติดๆ กัน
แทนไทมองเพื่อนรักแล้วเลิกคิ้วสูง สงสัยจะอารมณ์ไม่ดีจริงๆ
“ทำไม ทะเลาะกับน้องสาวตัวแสบเหรอ”
“เปล่า ยุ่งยากกว่านั้นเยอะ”
“อะไรวะ”
“เออน่า ไม่ต้องรู้หรอก มันน่ารำคาญ”
“อ้าว? ไอ้เหี้ยนี่ ถามก็ไม่ได้” ด่าเพื่อนที่เอาแต่อมพะนำไม่ยอมเล่าดีๆ
“เฮ้อ…เรื่องยัยนั่นน่ะ”
ภากรพยักพเยิดใส่คนที่ยืนอยู่ข้างมารดา แทนไทโบกมือห้ามในทันใด
“ถ้าเรื่องนี้ไม่ต้องเล่า ฉันไม่อยากรู้”
“ไอ้สัส!”
แม้ถูกเพื่อนด่าแต่แทนไทยังยิ้มได้ ก็คนมันอารมณ์ดีอ่านะ
“ฉันไม่อยากมีเอี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าน้ายุภารู้เข้าว่าฉันรู้เห็นเป็นใจกับแก มีหวังงานเข้าว่ะ ไม่เอาหรอก ฉันชอบให้แม่แกรักฉันมากกว่า”
“ไอ้เพื่อนเลว”
“ขอบใจ” แทนไทยิ้มพร่ำเพรื่อ ยิ้มจนสาวๆ กลุ่มหนึ่งมองมาที่เขาแล้วกระซิบกระซาบพร้อมรอยยิ้ม
“มีอะไรดีวะ วันนี้ยิ้มเรี่ยราดเชียว”
“ก็…เปล่า เพลียๆ น่ะ ได้ดื่มแล้วมันก็รู้สึกดี”
ภากรมองเพื่อนอย่างสงสัย แต่ไร้ข้อสันนิษฐานที่ควรมีเลยต้องเงียบเสีย
“เออ...ได้ข่าวว่าป้ามัทมาหาเหรอ”
“อือ”
“ลุงไตรรู้ไหม”
“ยัง ยุ่งอยู่มั้ง แม่เลี้ยงฉันเยอะ แกก็รู้” บอกเพื่อนแล้วมองหาบิดา ชายผู้รวยคารมกำลังเจรจากับสาวๆ กลุ่มหนึ่งอย่างออกรส เห็นความแตกต่างไหมล่ะ ในขณะที่บิดามารดาของเพื่อนรักมางานนี้เพื่อหาผู้ร่วมลงทุน แต่บิดาเขามาเพื่อการอื่น
“เอาน่า แกก็...ปล่อยๆ ไปเถอะ ผู้ชายก็งี้”
“อะแฮ่ม! คุยอะไรกันอยู่คะ”
ยุริญดาโผล่หน้ามาร่วมวง บนฟลอร์เริ่มจะกร่อยเพราะร้างคู่เต้น ดนตรีในงานจึงเปลี่ยนมาบรรเลงเพลงที่สนุกสนานขึ้นมาอีกนิด
“ไม่เสนอหน้าได้ปะ ไปๆ ไปหาขนมกินโน่น”
“พี่กร ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ!”
“ผู้ชายจะคุยกัน จะมายุ่งทำไม”
“ก็ฉันเซ็งนี่ แม่จะให้ฉันมาทำไม คุยกับผู้ชายก็โดนสกัดดาวรุ่งตลอด”
สองหนุ่มยักไหล่ใส่กันเพราะไม่ยี่หระต่อความทุกข์ที่ยุริญดาต้องพบเจอ แล้วก่อนที่สาวน้อยจะได้เอ่ยต่อ แทนไทก็เห็นบางอย่างเข้า
“นั่นริษาคุยกับใคร ท่าทางสนิทเชียว”
ภากรหันขวับ ทันได้เห็นว่าริษากับอธิปคุยกันอยู่ใกล้บิดามารดาเขา เพิ่งแยกกันเมื่อกี้ ไปหากันอีกละ
“เบื่อไอ้คนดีนี่จริงๆ เลย”
“ใครวะ”
“ไอ้นั่นไง ชื่ออธิป ทำงานที่บริษัทฉัน อายุเยอะกว่าเราหลายปี คงจะรู้จักกันตอนริษาไปทำงานละมั้ง”
“อือ…ก็ดูดีนะ เหมาะกับริษาดี”
“ไอ้เหี้ยแทน! ไปไกลๆ ตีนเลย”
แทนไทยิ้มขันที่กวนบาทาเพื่อนได้สำเร็จ ก่อนที่ภากรจะสาวเท้าก้าวไปทางนั้น ทางที่ริษากับอธิปยืนอยู่
ยุริญดายื่นหน้าไปหาเพื่อนพี่ชาย
“มีอะไรที่ฉันควรรู้ไหม”
เธอถามด้วยสงสัย และแทนไทก็ตอบกลับมาทันใด
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
“อ้าว? ถ้าฉันเด็ก พี่ก็ไม่ควรทำแบบนั้นกับฉันสิ แบบในห้องน้ำน่ะ”
พอถูกโต้คืนแทนไทก็ไร้คำจะแย้ง เขาทำเป็นมองไปทางอื่น สบตากับสาวๆ ลูกหลานคนวงการเดียวกันก็ยกแก้วชนกลางอากาศ อย่างมีไมตรี
ยุริญดาเห็นอย่างนั้นก็เบะปากใส่ แต่แทนไทไม่เห็น
“แหม…ยิ้มกันใหญ่ ชะตาขาดไม่รู้ตัวนะพวกหล่อนน่ะ”
แทนไทส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างรำคาญใจเมื่อได้ยินยุริญดาเอ่ยเช่นนั้น
“ฉันไม่ได้ชั่วร้ายขนาดนั้นเสียหน่อย”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละ อย่างพี่น่ะ ยิ้มสักหน่อยอ่อยสักนิด ขี้คร้านสาวๆ จะคลานขึ้นไปรอบนเตียง”
“ฉันจะถือว่านั่นคือคำชม”
“ถูกใจละสิ หมั่นไส้! โอย…พูดมากแล้วคอแห้งจริงๆ” บ่นแล้วแลหาบริกรที่ยกแก้วเครื่องดื่ม แต่ไม่มีใครผ่านมาสักคน
“ฉันไปชนแก้วกับสาวๆ กลุ่มนั้นหน่อยดีกว่า”
“แล้วแต่…ฉันก็ว่าจะอ่อยผู้ชายอยู่แถวๆ นี้แหละ เผื่อฟลุกแม่มองไม่ทัน”
“ยุ!?”
“อะไร ฉันอ่อยบ้างทำเป็นมีปากมีเสียง”
“ก็เธอจะพูดออกมาทำไมล่ะ”
“ก็ปากฉันนี่ พี่ไม่อยากให้ฉันทำอย่างนั้นก็อยู่เป็นเพื่อนฉันสิ เนี่ย…หิวด้วย มีคนทำฉันเสียพลังงาน หิวมากๆ ตาลายเดี๋ยวเป็นลมพอดี”
แทนไทฟังแม่ตัวแสบเจื้อยแจ้วแล้วส่ายหัว สองขาออกเดินจากตรงนั้น
“พี่แทน! พูดขนาดนี้แล้วยังจะเดินหนีอีก!”
“จะไปหาอะไรมาให้กิน!”
“อ้อ…โอเคๆ พี่นี่น่ารักจริง ไปๆ ขอเค้กจานใหญ่ๆ นะคะพี่ขา น้องจะรอค่า...”
“เฮ้อ…อย่ามาทำเสียงแบบนั้นได้ปะ ขนลุกอะยุ” ร้องว่าแม่ตัวแสบที่ยืนยิ้มแป้นรออยู่ สงสัยว่าวันนี้จะไม่ได้สาวๆ ไปนอนกกแล้วล่ะ เพราะยัยตัวแสบนี่แท้ๆ เชียว ฮึ่ม!
แม้ปากจะครางฮึ่มๆ ขัดใจ แต่สองขาก็เดินหาของกินให้ยุริญดา จนสุดท้ายเค้กส้มชิ้นพอเหมาะในจานสวย ก็ถูกวางใส่มือแม่คนงาม อย่างที่เจ้าตัวต้องการ