“คุณนี!/คุณแม่!” สองพ่อลูกต่างตกใจไม่น้อยกับคำขาดที่ดังขึ้น แม้แต่คณานางค์ก็ยังตกใจ แต่เธอจะพูดอะไรได้ในเมื่อเวลานี้ทุกคนต่างลงความเห็นว่าเธอผิด ถึงพูดอะไรไปตอนนี้ก็คงกลายเป็นแก้ตัว
“ถ้าคุณไม่ไล่มันไป ฉันกับลูกนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายไปเอง ไปลูกดวง ที่เหลือให้คุณพ่อเขาเลือกเอาเอง” สินีทิ้งท้ายไว้ก่อนจะดึงมือลูกสาวสุดที่รักหายเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้หน้าที่ตัดสินใจเป็นของสามี
สามีที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เธอเจ็บร้าวไปถึงกลางใจด้วยการแอบมีผู้หญิงอีกคนลับหลังกัน และผู้หญิงที่ว่าก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนเลยนอกจากนังเลขาฯ หน้าห้องของเขาเอง
กว่าเธอจะรู้เรื่องนังนั่นก็ตั้งท้องแล้ว มันทำให้เธอตัดสินใจขอหย่า แต่เพราะเขาที่ลงทุนคุกเข่าขอร้องพร้อมกับให้สัญญาว่าจะเลิกยุ่งกับสองแม่ลูกนั่นอย่างเด็ดขาด
แน่นอนว่าเธอเชื่อ เชื่อทุกคำโกหกพวกนั้นเพราะว่ารักคำเดียว แต่ความจริงเขายังคงติดต่อกับพวกมันสองแม่ลูกอยู่ จนกระทั่งแม่มันถูกรถชนตาย เขาก็ยังไม่วายพาอีเด็กนั่นเข้ามาอยู่ร่วมชายคา
ด้วยให้เหตุผลที่ทำให้เธอไม่กล้าปฏิเสธว่าลูกที่เกิดจากนังชู้รักไม่มีญาติที่ไหน ซึ่งเธอก็ยอมใจอ่อน แต่ครั้งนี้มันจะไม่เป็นแบบนั้น ถ้าหากเขาไม่เลือก เธอกับลูกนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายเดินออกไปจากชีวิตเขาและไม่กลับมาอีก ให้มันรู้กันไปเลยวันนี้ว่าระหว่างพวกเธอกับนังลูกชู้นั่นเขาจะเลือกใคร
“คุณพ่อคะ” ความหนักใจตกมาอยู่ที่บวรในทันที ยอมรับว่าคำขาดของภรรยาทำให้เขารู้สึกลำบากใจไม่น้อย แต่หากจะให้เลือกระหว่างคนสองคนที่เพิ่งพากันเดินหายเข้าไปในบ้าน กับลูกสาวที่เกิดมาจากความไม่ได้ตั้งใจ เขาต้องเลือกสินีกับดวงกมลอย่างไม่ต้องสงสัย
“ครั้งนี้ฉันคงจะช่วยอะไรแกไม่ได้ แกเลือกเอาเองก็แล้วกัน” คณานางค์ไม่โกรธที่ผู้เป็นพ่อจะให้ทิ้งท้ายไว้เช่นนี้ เธอแค่เสียใจเท่านั้นที่สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ไม่มีทางออกไหนให้กาฝากอย่างเธอได้เลือกเลย
แน่นอนว่าเธอเลือกที่จะไป เห็นชัดว่าทุกคนต้องการให้ปัญหาจบลงแบบนี้ ซึ่งมันก็สาสมแล้วกับสิ่งที่เธอทำกับพี่สาว พี่ที่ไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจกันเลยสักครั้งนับตั้งแต่วันที่เธอก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบ้านหลังนี้
พี่สาวที่มักจะมอบหลาย ๆ สิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของเล่นให้กันเสมอ สิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกเกลียดตัวเองไปทั้งชีวิตเห็นชัดว่าคงเป็นเรื่องที่เธอทำให้พี่สาวเสียใจ และเธอจะชดใช้ให้ด้วยการไปจากชีวิตของทุกคน
หญิงสาวตัดสินใจออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าใบเล็ก ที่ภายในมีเพียงข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวไม่กี่ชิ้นเท่านั้น แม้จะยังไม่รู้ว่าจะไปไหน แต่ก็ดีกว่าอยู่สร้างความอึดอัดใจให้ครอบครัวของพ่อ
พ่อที่ไม่ว่าจะเมื่อไรท่านก็ไม่เคยมอบความรักให้เธอเลยสักครั้ง ที่เป็นแบบนั้นคงเพราะเธอคือลูกที่ท่านไม่ได้ตั้งใจจะมี ต่างจากพี่สาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของทุกคน
เธอไม่โทษใคร เธอเข้าใจจุดยืนของตัวเองดีว่าไม่เคยเป็นที่ต้องการไม่ว่าจะวันไหน แม้จะเสียใจ แต่ก็ต้องก้มหน้ายอมรับความจริง ความจริงที่บางครั้งก็ทำให้เธอปวดร้าวจนไม่อยากมีชีวิตอยู่
“คุณนาง” เสียงเรียกจากใครบางคนทำให้คนหมดสิ้นหนทางหันกลับไปมอง ตกใจไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอเขาในเวลาแบบนี้
“คุณภาม!”
แม้จะไม่ได้สนิท แต่เธอก็เคยเจอเขาอยู่หลายครั้ง ได้พูดกันอยู่หลายประโยค ทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนเลวร้าย ออกจะใจดีซะด้วยซ้ำ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ แล้วนี่คุณจะไปไหน” ภวินทร์ถามพร้อมมองคนตรงหน้าที่เขาบังเอิญขับรถผ่านแล้วเห็นเธอเข้าอย่างสงสัย
เชื่อตามที่เห็นว่าคงเกิดเรื่องขึ้นมาแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ออกมาเดินอยู่ข้างถนนในเวลาแบบนี้หรอก ที่น่าแปลกใจคือดวงกมลปล่อยให้น้องสาวออกมาจากบ้านได้ยังไง ในเมื่ออีกฝ่ายทั้งรักทั้งหวงน้องสาวอย่างกับอะไรดี
“นางไม่รู้ค่ะ” คำตอบนั้นสั้นเกินกว่าจะเข้าใจอะไรได้ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ถามต่อ เพราะคิดว่าคงเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นที่หัวหินแน่ แต่ไม่คิดว่าผลจากเรื่องในวันนั้นจะส่งผลร้ายได้มากขนาดนี้
“ถ้าคุณนางยังไม่รู้จะไปไหน ไปอยู่บ้านผมก่อนไหมครับ” คำชวนนั้นสร้างความตกใจแก่คนไร้ที่พึ่งไม่น้อย มันทำให้เธอแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่
ความโดดเดี่ยวที่กำลังเผชิญทำให้รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งกายและใจ แต่เป็นเขาที่ยื่นมือเข้ามาช่วย ทั้งที่เธอกับเขาคุยกันแทบจะนับคำได้ ความช่วยเหลือที่ไม่คาดคิดนี้ของเขาทำให้เธอซาบซึ้งอย่างถึงที่สุด แล้วมันจะผิดมากไหมถ้าเธอจะขอรับความช่วยเหลือนี้เอาไว้
“คิดเสียว่าผมเป็นเพื่อนคนหนึ่งของคุณก็ได้นะครับ” เธอไม่เคยมีเพื่อน ถึงต่อให้มีทุกคนก็คบหาเพียงเพราะอยากได้ผลประโยชน์ เมื่อถึงคราวหมดประโยชน์คนเหล่านั้นก็ค่อย ๆ ตีตัวออกห่างไปทีละคน