ตอนที่ 3 สะใภ้เฉิน

1297 คำ
หลี่หยุนฟางไปที่ห้องของโจวชิงหลิน ช่วยพยุงหญิงวัยสี่สิบสองนั่งที่รถเข็นไม้ที่มีล้อ จากนั้นก็พาเธอไปที่ห้องน้ำที่ด้านหลัง “รบกวนเธอแล้วนะอาฟาง” “ไม่เป็นไรเลยค่ะป้าโจว ฉันเป็นลูกสะใภ้ของป้านี่คะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล เธออยู่ที่นี่ก็ต้องช่วยงานบ้านและทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพราะนั่นหมายถึงอนาคตและความอยู่รอดของเธอเอง อีกอย่างเท่าที่จำได้ โจวชิงหลินก็เอ็นดูตนอยู่มาก “เป็นสะใภ้แล้ว เรียกแม่เถอะ” “ค่ะ แม่” เธอเรียกสรรพนามนั้นอย่างไม่มีเขินอายหรือว่าแสดงความไม่เต็มใจ เมื่อถึงห้องน้ำ เธอพยุงโจวชิงหลินให้นั่งยังเก้าอี้ไม้ที่ทำรูเอาไว้ ครอบเหนือส้วมซึมแบบเก่าเพื่อใช้ขับถ่าย ดูคล้ายกับเก้าอี้ขับถ่ายของผู้ป่วยในปัจจุบันที่ยายของเธอเคยใช้ เลื่อนถังน้ำมาวางที่ข้างๆ เธอแล้วตักน้ำให้ พร้อมกับช่วยถอดเสื้อผ้าโดยไม่ได้มีท่าทีรังเกียจ “แม่อาบน้ำรอฉันก่อนนะคะ ฉันจะไปทำความสะอาดที่นอน เดี๋ยวกลับมา” “อืม” โจวชิงหลินพยักหน้าด้วยความกระดากอาย ปกติแล้วเธอจะร้องเรียกลูกชายให้พาไปห้องน้ำยามดึก แต่เมื่อคืนนี้เป็นคืนเข้าหอ เธอไม่ได้เรียก จึงปัสสาวะรดบนที่นอน ลูกสะใภ้ก็ไม่ได้รังเกียจแล้วยังช่วยทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจ หลี่หยุนฟาง เดิมทีเธอคือ เมี่ยวซาน หญิงสาวเคยดูแลยายที่แก่ชราเป็นผู้ป่วยติดเตียงตั้งแต่เธอยังเด็ก จนกระทั่งยายของเธอเสียไปก่อนหน้านี้เพียงสามปี แค่ดูแลแม่สามีในยุคนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร พอเธอทำความสะอาดห้องและนำที่นอนมาตากเสร็จแล้ว จึงกลับไปหาแม่สามีที่รออยู่ ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วใช้รถเข็นพาไปนั่งที่หน้าบ้าน ท่ามกลางสายตาที่ชื่นชมของเพื่อนบ้าน ที่เห็นลูกสะใภ้ดูแลแม่สามีดีจนผิดคาดจากที่เคยพูดนินทาเอาไว้ “แม่นั่งเล่นอยู่นี่นะคะ ฉันจะไปทำกับข้าวในครัว” หญิงสาวบอกด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ จากนั้นจึงเดินเข้าไปในบ้านเพื่อที่จะทำอาหารเช้าในวันนี้ ด้วยความทรงจำของหลี่หยุนฟาง ผสานกับฝีมือการปรุงอาหารในยุคปัจจุบันที่เธอจากมา “หลี่หยุนฟางไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเราคิดเอาไว้เลยคุณนายจาง ดูสิเธอไม่ได้รังเกียจฉันแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้หรือเป็นฉันเองที่คิดมาก” โจวชิงหลินพูดด้วยน้ำเสียงที่วางใจ “นั่นสิ ใครๆ ก็รู้ว่าลูกสะใภ้เธอมีใจให้กับลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านข้างๆ ใครจะไปคิดว่าถูกบังคับให้แต่งงานกับอาเซียนแล้ว นอกจากจะไม่ต่อต้าน ยังทำตัวเป็นลูกสะใภ้ที่ดีอีกอย่างนี้ เฉินเซียนถือว่ามีวาสนาแล้ว” คุณนายจางพูดเอาใจเพื่อนบ้าน โจวชิงหลินพยักหน้ายิ้มอย่างพอใจ แค่อีกฝ่ายดีกับตนและลูกชาย และเป็นสะใภ้ที่ดีของสกุลเฉิน อดีตจะรักใครชอบใคร หรือเป็นอย่างไรเธอก็ไม่สนใจทั้งนั้น เพราะทุกคนย่อมผิดพลาดกันได้ ไก่ทอดราดซอสเปรี้ยวหวาน ไข่ผัดมะเขือเทศ และแกงจืดผักกาดขาว เป็นอาหารอย่างง่ายที่เธอทำเป็นมื้อแรกหลังจากที่มาอยู่ที่นี่ “แม่กินเยอะๆ นะคะ ตอนสายๆ ฉันจะพาแม่ทำกายภาพบำบัด” เธอบอกแม่สามีด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังดี เฉินเซียนถึงกับยิ้มไม่หุบ เมื่อภรรยาและแม่เข้ากันได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ “จริงสิ ครอบครัวเธอ เขาย้ายไปต่างเมืองแบบนั้น ส่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวแทนที่ครอบครัวฝ่ายหญิงจะตามมา กลับขนของย้ายบ้านไปพร้อมกับสินสอด แบบนี้เกินไปแล้ว แต่เธอไม่ต้องคิดมากนะอาฟาง แม่กับอาเซียนจะเป็นครอบครัวให้เธอเอง” โจวชิงหลินบอกลูกสะใภ้ แล้วคีบไก่ทอดชิ้นใหญ่ที่สุดให้เธอ หลี่หยุนฟางยิ้มรับด้วยความดีใจ เธอเองก็ไม่ต่างจากเจ้าของร่างที่อาศัยอยู่ ไม่มีญาติมิตรที่ไหนเหลืออยู่ และยิ่งมาอยู่ที่นี่ก็เหมือนกับตัวคนเดียว แปลกที่แปลกทาง วิถีชีวิตก็ต่างจากปัจจุบันมาก การที่มีคนรักและต้อนรับอย่างอบอุ่น เธอซาบซึ้งใจ และต้องรับโอกาสนี้เอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับไปตอนไหน หรือไม่ได้กลับไปอีกเลย “ขอบคุณค่ะแม่” เธอตอบรับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มหวาน คีบอาหารให้แม่สามีอีกครั้ง และครั้งนี้หันไปคีบให้เฉินเซียนด้วย ทำให้เขาถึงกับอมยิ้มอย่างพอใจ “จริงสิ วันนี้ลูกต้องเอาคูปองไปแลกในเมือง งั้นก็ให้อาฟางช่วยเฝ้าร้านแทนสิ” เฉินเซียนหันไปมองหน้าภรรยาด้วยความเกรงใจ กลัวว่าเธอจะอึดอัดที่แม่ของตนจุ้นจ้านและชอบจัดแจงอะไรแบบนี้ เธอรับรู้ได้ถึงความลำบากใจของเขา แต่ก็ยิ้มรับด้วยความเต็มใจ “เอาสิ ฉันจะเฝ้าร้านเอง อันไหนที่ไม่ได้ใช้คูปองนายเขียนราคาไว้ก็แล้วกัน” “ตายจริง พวกลูกแต่งงานกันแล้ว จะเรียกกันแบบตอนสมัยเด็กได้อย่างไรเล่า ใครเขามาได้ยินเข้าจะนินทาเอาได้ เรียกใหม่ให้เป็นทางการขึ้นดีกว่า” “แม่ครับ” เฉินเซียนปรามมารดาเอาไว้ เพราะสิ่งที่ขอนั้นอาจจะทำให้ภรรยาลำบากใจ เขาอยากให้เธออยู่ที่นี่อย่างมีความสุขที่สุด “ไม่เป็นไรค่ะ คุณ” เธอเรียกสรรพนามที่ดูเป็นทางการตามที่โจวชิงหลินบอก เฉินเซียนหน้าแดงด้วยความเขินและประทับใจ หัวใจของเขาเต้นรัวเมื่อได้ยินสรรพนามที่ดูเหมือนสามีภรรยามากกว่าเพื่อนเล่นวัยเด็ก “อาฟางน่าเอ็นดูจริงๆ เลยเชียว เห็นไหมว่าสะใภ้ของแม่เชื่อฟังและเป็นคนช่างเอาใจมากแค่ไหน ลูกต้องดูแลเธอดีๆ นะอาเซียน” โจวชิงหลินยิ้มกว้างอย่างชอบใจ จริงๆ แล้วเธอแค่แกล้งทดสอบดูเท่านั้นว่าหลี่หยุนฟางจะรับมือกับเธอในแบบที่ขี้จุกจิกอย่างไร ตอนนี้รู้แล้วว่าลูกสะใภ้วัยสิบแปดปีคนนี้ เป็นคนอ่อนน้อมและเชื่อฟังกว่าที่คิด “เดี๋ยวผมเขียนรายการไว้ให้นะ” เขาใช้สรรพนามแทนตัวนั้นด้วยความตื่นเต้น หลี่หยุนฟางที่มีความเป็นสาวสมัยใหม่ที่ติดตัวมาแต่แรก เธอไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือเหนียมอายกับสรรพนามเหล่านี้ แต่กลับมองท่าทีของสามีที่ดูน่าจะเขินกับสรรพนามนี้เสียเองด้วยความเอ็นดู หลังมื้ออาหาร สะใภ้สาวก็เข็นเก้าอี้ไม้รถเข็นของแม่สามีเพื่อไปส่งที่ห้องนอน ก่อนหน้านี้หลี่หยุนฟางไม่ได้มาเยี่ยมเยียน จึงไม่ค่อยได้คุยกันอย่างตอนเป็นเด็กที่เธอเคยมาวิ่งเล่นกับลูกชาย จึงชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปทั่ว แต่ส่วนใหญ่จะเล่าเรื่องเฉินเซียนให้เธอฟังเสียมากกว่า หลี่หยุนฟางไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ว่าแม่สามีต้องการจะทำอะไร โจวชิงหลินคงกังวลกับความพิการของตนแล้วกลัวว่าเธอจะทิ้งลูกชายคนเดียวไป “อาเซียนรักเธอมากนะอาฟาง” “ฉันรู้ค่ะ ฉันจะดูแลแม่กับอาเซียนเป็นอย่างดี แต่งเข้าสกุลเฉิน แม้ตายก็เป็นผีสกุลเฉิน ฉันไม่มีวันทอดทิ้งเขาไปแน่” หญิงสาวตอบรับให้แม่สามีวางใจ เธอจะไปไหนได้ล่ะ ในเมื่อเธอไม่มีที่ไปเลยสักที่ ************************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม