ต้าหมิงคุนเอนกายมองใบหน้างดงามที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเกลียดชังเหยียดหยามและดูถูกนาง
“ไท่จือ หลันเล่อวันนี้เข้าครัวทำขนม ที่ไท่จือทรงโปรดมาถวาย” รอยยิ้มที่งดงามแต่ยามนั้นเขากลับมองว่า เสแสร้ง และไม่ได้ออกมาจากหัวใจ
“เมิ่งเม่ย ขนมนี่อร่อยทีเดียว วัตถุดิบล้วนมีแต่ของที่ข้าคัดสรรมาอย่างดีมไม่ว่าจะถั่วหรือแป้ง”
ยื่นขนมในมือให้กับเมิ่งเม่ยที่นั่งข้างๆ ต้าหมิงคุน เมิ่งเม่ยรับเอาขนมรอยยิ้มอ่อนหวาน ที่เข้ามองว่างดงามจริงใจ อีกทั้งยังอ่อนหวานในแบบของหญิงงามที่ได้รับก่ารอบรมมาอย่างดีต่างจากหลันเล่อที่ห้าวหาญดุจบุรุษหนุ่ม ต้าหมิงคุนดึงมือของเมิ่งเม่ย ยัดขนมใส่ปากตัวเองหลันเล่อยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
“ข้าไม่ได้ อยากจะกินขนมพวกนี้แต่ที่ข้าแย่งขนมจากมือเมิ่งเม่ยเพราะกลัวว่าในขนมจะมีสิ่งใดแอบแฝงหรืออาจมียาพิษ”ลี่หลันเล่อ หุบยิ้มทำสีหน้าเศร้าสร้อย
“ไท่จือท่านกล่าวเกินไปแล้ว เอาแบบนี้เมิ่งเม่ยจะลองชิมดูอีกทีว่าขนมนี้ไม่ได้ปนเปื้อนสิ่งใด คุณหนูลี่คงไม่คิดปองร้ายข้าเพียงนั้นในเมื่อเราสองคนเป็นสหายที่ดีต่อกัน”เมิ่งเม่ยหยิบขนมใส่ปากเคี้ยว เบาๆ อย่างที่ถูกสอนเรื่องมารยาทมาอย่างดี
“ไส้ถั่วแดง”ลี่หลันเล่อพยักหน้ายิ้มๆ ดวงตาเป็นประกาย
“คุณหนูลี่เจ้าไม่รู้หรือไรว่าข้าแพ้ถั่วแดง ข้าเคยบอกเล่าเรื่องนี้กับเจ้าแล้ว”เพียงพริบตา ใบหน้างดงาม ของ เมิ่งเม่ยก็ปรากฏผื่นแดงทั่วไปมองเห็นได้ชัดเจน เสียงหายใจหอบเหนื่อย
“เมิ่งเม่ย ข้าขอโทษ ข้าลืมคิดไปเรื่องนี้ข้าข้าโทษ ถลาเข้าพยุงเมิ่งเม่ย ที่ หายใจหอบถี่เหมือนจะขาดใจ ต้าหมิงคุนผลักลี่หลันเล่อลงไปกองกับพื้น
“ไปให้พ้น เจ้าจงใจ ทำให้นางเป็นแบบนี้ ความริษยาของเจ้ามันมีมากจนข้า ไม่อาจให้อภัย”ลี่หลันเล่อ้าปากค้าง ต้าห
มิงคุนอุ้มร่างบางของ เมิ่งเม่ยวิ่งไปยังตำหนักใหญ่
“หมอหลวงใครก็ได้ตามหมอหลวง”จื่อจื่อวิ่งเข้ามา ประสานมือ
“จื่อจื่อให้คนนำตัวคุณหนูลี่ผู้นั้นไปให้พ้นหน้าข้าเสีย ไม่อย่างนั้นหากข้าเผลอทำร้ายนาง เพราะนางเพราะเมิ่งเม่ยเป็นอะไรไปจะมาโทษข้าไม่ได้”จื่อจื่อประสานมือต้าหมิงคุนจ้องมองหลันเล่อที่คุกเข่ากับพื้นไม่ได้ขยับกายไปไหน ยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะ
“ฝ่าบาทคงต้องพักที่นี่ เพราะข้างหน้านั่นกำลังมีพายุทรายพัดกระหน่ำเกรงว่าขบวนเสด็จจะได้รับอันตราย”จื่อจื่อ ชะโงกจากบนหลังม้า ต้าหมิงคุนขยับตัวเดินลงจากเกี้ยว
“อืม คงต้องจัดขบวนเสียใหม่ เพื่อต้านพายุทะเลทราย”จื่อจื่อประสานมือ ถงหมิ่นชะโงกหน้าเข้าไปในเกี้ยว
“องค์หญิง องค์หญิงตื่นได้แล้ว”
หลันเล่อนอนหลับสนิท ต้าหมิงคุนซ้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน พาเดินลงจากเกี้ยวแล้ววางร่างเล็กลงบนผ้าที่จื่อจื่อปูไว้ให้ ล้อมรอบด้วยขบวนม้าและอูฐที่คุกเข่าป้องกันพายุทะเลทรายที่กำลังบ่ายหน้าเข้ามา
เสียงอื้ออึงราวกับฟ้าจะถล่ม ท้องฟ้าที่มีแสงจันทรากับมืดมิดในทันที ต้าหมิงคุนดึงผ้าฝืนใหญ่ คลุมด้านหลังครอบไว้ทั้งตัวเขาและหลันเล่อเศษฝุ่นเศษทรายเข้าไปในดวงตาหลันเล่อสะดุ้งตื่นตกใจไม่น้อยเมื่อร่างใหญ่ของต้าหมิงคุน ทาบทับร่างเล็กของหลันเล่อไปจนสิ้น
“ปล่อย”
“อย่าดิ้น”
พายุยังพัดกระหน่ำ อ้อมกอดกลับกอดกระชับปกป้องอบอุ่นจนหลันเล่อรู้สึกว่าตัวเองไร้เรี่ยวแรง แม้จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญแต่กลับรู้สึกถึงความปกป้องและใส่ใจจากต้าหมิงคุน เสียงลมยังพัดอื้ออึงเสียงม้าร้องด้วยความตกใจ อูฐกลับนอนนิ่งเป็นกำแพงที่มีชีวิต บดบังพายุให้กับร่างสองร่างของต้าหมิงคุนและหลันเล่อที่บัดนี้หลันเล่อเผลอสบตาคมนิ่งภายใต้ผ้าผืนใหญ่ที่คลุม ร่างทั้งสองให้รอดปลอดภัยนิ่งงันเพราะรู้สึกว่าใจสั่นไหวกับสายตาคมคู่นั้นที่จ้องมองมากความหมาย นานเท่าไหร่ไม่รู้ได้จนกระทั่ง
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทปลอดภัยหรือไม่”เสียงจื่อจื่อและถงหมิ่นเรียกพร้อมๆ กัน ต้าหมิงคุนขยับตัวเปิดผ้าผืนใหญ่ออก หลันเล่อลุกขึ้นยืนใบหน้าแดงระเรื่อ ถงหมิ่นสังเกตุอาการของหลันเล่อ ต้าหมิงคุนลุกขึ้นปัดอาภรณ์ของตัวเอง
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”เอ่ยปากถามเบาๆ ปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเสีย
“ปะ ปะเปล่า หลันเล่อปลอดภัยดี”ตะกุกตะกัก
“เฮ้อ ข้ารึอุตส่าห์คิดว่าเจ้าจะต้องโดนฝุ่นทรายถาโถมเข้าใส่ใบหน้าถึงได้แดงขนาดนั้น”ถงหมิ่นถามด้วยสีหน้าห่วงใยยิ่งนัก
“ก็แบบนั้น ก็ประมาณนั้น”หลันเล่อตอบรัวเร็ว
“องค์หญิงรอง แต่ไหนแต่ไรเจอพายุทรายมานับครั้งไม่ถ้วนไม่เคยมีอาการเช่นนี้วันนี้ทำไมถึงได้ ปล่อยให้ตัวเองโดนฝุ่นทราย ซัดเข้าใส่”
ถงหมิ่นพูดยิ้มๆ
“คงเป็นเพราะนางเพิ่งจะตื่น ข้าพยายามจะปลุกแต่นางก็ไม่ยอมตื่นจนกระทั่งพายุพัดมาจำต้องคลุมผ้าให้นางเสียด้วยกัน”
ถงหมิ่นยิ้ม ไม่รู้ว่าต้าหมิงคุนพยายามพูดไปเสียอีกทาง หลันเล่อเบ้ปากรู้สึกว่าสิ่งที่ต้าหมิงคุนพูดไม่ถูกต้อง
“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”ถงหมิ่นยื่นผ้าเช็ดหน้าให้หลันเล่อเช็ดฝุ่นทรายออกจากใบหน้า
“อาจารย์ เป็นฝ่าบาทนี่ต้องดีกับฮองเฮาใช่ไหม”ถงหมิ่นยิ้มกับคำถามเมื่ออยู่กันเพียงลำพัง
“ฝ่าบาท ก็จะต้องดีกับฮองเฮากว่าใคร เพราะไม่ใช่ว่าใครจะเป็นฮองเฮาก็เป็นได้ คนที่จะเป็นต้องเป็นคนที่ฮ่องเต้โปรดปรานและสมกับฐานะฮองเฮา ใครที่ได้ตำแหน่งฮองเฮานับว่าโชคดีกว่าหญิงใด” หลันเล่อถอนหายใจ
“ไม่จริงหรอกเสด็จแม่แต่เดิมก็เป็นที่โปรดปรานแต่พอเสด็จพ่อรับพระสนมมาเสด็จแม่ก็กลายเป็นคนที่ทำอะไรก็ไม่ถูกใจเสด็จพ่อไปเสียหมด อะ ข้าไม่ได้ว่าพระสนมนะ แต่เป็นเพราะบุรุษมักหลายใจมากรัก รวนเร แล้วก็ได้ใหม่ลืมเก่า”ถงหมิ่นยิ้ม
“แค่เพียงบางคน ข้าได้ยินเรื่องราวหนึ่งของฝ่าบาทเชื่อว่าฝ่าบาทก็มิใช่คนที่ใจรวนเรหรือมากรักแต่ด้วยไม่รู้ตัวว่ารัก แสร้งเกลียดนาง จนสุดท้ายก็ต้องระทมทุกข์ถึงสิบแปดปีเต็มๆ ”
“เรื่องราวใดกัน”...
………
“ถงหมิ่นข้าไว้ใจท่าน ให้ช่วยเกลี้ยกล่อมองค์หญิงให้เชื่อในฝ่าบาทให้ภักดีในฝ่าบาทมีเพียงท่านที่จะทำเรื่องนี้ได้เพราะหลันเล่อไว้ใจท่านยิ่งนัก”
“พระสนม ถงหมิ่นจะพยายาม”
“ไม่ใช่จะพยายามแต่ท่านจะต้องทำให้ได้ ตอนนี้หลันเล่อยังเดียงสานัก นั่นเองทำให้ข้าห่วงใยนางแม้่ไม่ใช่ลูกแต่นางก็ไม่เคยเกลียดข้าอีกอย่างนางก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาทก็ไม่ต่างจากเป็นลูกของข้าเช่นกัน”
“พระสนมโปรดวางพระทัย”
“ถงหมิ่นข้ารู้ว่าท่านหนักใจท่านคิดอย่างไรกับหลันเล่อข้ารู้แก่ใจแต่ บางอย่างไม่อาจฝืนบัญชาสวรรค์ได้ หลันเล่อเป็นฮองเฮาจึงเหมาะกับนางอีกทั้งต้าหมิงคุนไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะแต่งนางเป็นฮองเฮาข้าเชื่อว่าด้วย ความน่ารักของนางต้าหมิงคุนจะต้อง แอบมีใจให้กับนางหรือหวั่นไหวกับความน่าเอ็นดูของนางบ้าง เพียงแต่เจ้า ให้นาง ภักดีและวางใจในตัวของต้าหมิงคุน”
“ถงหมิ่นน้อมบัญชา”
“วังหลวงของแคว้นหานมี เมิ่งเม่ยรออยู่ที่นั่น เป็นตายร้ายดีท่านจะต้องปกป้องนางและช่วยนางรนับมือกับเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น จำไว้เ่อ่อหลันเล่อเหมาะกับตำแหน่งฮองเฮาเท่านั้นหากเจ้าหวังดีกับนางจำคำนี้ของข้าไว้”
◢
จำนวนตัวอักษร 6,085 ตัวอักษร
จำนวนคำ 1,440 คำ
ณ เวลา 2021-11-28 13:27
ตรวจคำผิด
อนุญาตให้ผู้อ่านแสดงความเห็น
อนุญาตให้ผู้อ่านแสดงความเห็นด้วยสติกเกอร์
อนุญาตให้ผู้อ่านที่ไม่ Log in แสดงความคิดเห็นได้
รายละเอียดการแก้ไข * เพิ่มเนื้อหา ปรับปรุงเนื้อหา(รีไรท์) แก้ไขคำผิด อื่นๆ
บันทึกแบบร่าง
อ่านเรื่องฮิตมาใหม่หมวดหมู่อ่านล่าสุดMy Reading
เขียนMy Writingเพิ่มงานเขียนใหม่ทำไมต้อง readAwriteรู้จัก meb
คุยกระทู้ฮิตกระทู้มาใหม่หมวดหมู่
ติดต่อติดต่อเราข้อตกลงการให้บริการHow to Buy
© 2022 readAwrite.com by MEB Corporation Public Company Limited