ต้นยามซื่อ [09.00-10.59] เยว่เทียนเรียกคนสนิทของตนมาพบแล้วสั่งให้ไปบอกกับนางที่เรือนว่าวันนี้เขาจะพานางไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกให้นางเตรียมตัว อีกครึ่งชั่วยาม [1ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง ]จะรอที่หน้าจวน
" ไปบอกฮูหยินน้อยว่าให้เตรียวตัว ข้าจะพาไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาข้างนอก อีกครึ่งชั่วยามจะรอที่หน้าจวน "
" ขอรับ " เหวินชวนรับคำแล้วเดินไปยังเรือนตะวันตกตามคำสั่งของเจ้านาย เมื่อมาถึงก็เจอกับสาวใช้ทั้งสองที่กำลังช่วยกันรดน้ำดอกไม้หน้าเรือน
" เอ่อไม่ทราบว่าฮูหยินน้อยอยู่หรือไม่ คุณชายสั่งความมา " เขาเอ่ยถาม
" อยู่เจ้าค่ะ ท่านเหวินชวนรอสักเดี๋ยวนะเจ้าคะ " เป็นซูลี่ที่เอ่ยตอบออกไป นางเดินเข้าไปในเรือนนอนเพื่อบอกว่าคนสนิทของสามีมาขอพบ
" คารวะฮูหยินน้อยขอรับ "
" ตามสบาย "
" คุณชายให้ข้าน้อยมาเรียนท่านว่า อีกครึ่งชั่วยามจะรอที่หน้าจวนขอรับ ให้ท่านเตรียมตัว ออกไปเที่ยวข้างนอก "
" ไปเที่ยวงั้นหรอ "
" ขอรับ "
" ขอบใจเจ้ามาก " นางเอ่ยบอกกับคนสนิทของสามีจากนั้นก็เข้าไปแต่งตัวเสียใหม่ ครึ่งชั่วยามนางก็เดินมาที่หน้าจวนพบว่าเขายืนรออยู่ก่อนแล้ว โดยมีรถม้าคันเล็กจอดรออยู่ด้วย
" ขึ้นรถม้าเถอะ สายแล้วแดดจะร้อน " เขาเอ่ยบอกกับนางด้วยเสียงที่นุ่มนวล น่าฟัง
" เจ้าค่ะ " นางก็ตอบรับพร้อมกับส่งยิ้มสดใสไปให้เขาด้วย ซูมี่จึงเดินขึ้นไปนั่งข้างหน้ารถม้ากับเหวินชวน ส่วนซูลี่นั้นอาสาอยู่เฝ้าเรือน
รถม้าแล่นออกมาถึงตลาดแล้ว ฟางซินเปิดม่านหน้าต่างรถม้าเพื่อมองดูสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจ นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้สัมพัสกับบรรยากาศของตลาดยุคจีนโบราณ
" เก็บหน้าเข้ามา " เยว่เทียนเอ่ยบอกกับนาง ฟางซินจึงต้องกลับเข้ามาในรถม้าอย่างช่วยไม่ได้ รถม้ายังคงแล่นออกไปอีกสักพักใหญ่ๆในที่สุดก็จอดสนิทเสียที
เยว่เทียนลงจากรถม้าก่อนที่จะยื่นมือไปให้นางจับ เพื่อที่จะให้นางลงจากรถม้าอย่างปลอดภัย ภาพเบื้องหน้าปรากฏสู่สายตาของฟางซิน นางไม่คิดมาก่อนเลยว่าที่ชายแดนแห่งนี้จะมีทะเลที่กว้างใหญ่อยู่ที่นี่ด้วย
"ทะเลนี่เจ้าคะ "
" อืม อีกฝั่งของทะเลคือที่ตั้งของแคว้นหาน ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีต่อแคว้นของเรา หากออ้มไปอีกฝั่งจะเจอท่าเรือที่ใช้สำหรับแลกเปลี่ยนและค้าขายกับแคว้นหาน แต่ข้าพาเจ้าไปที่นั่นไม่ได้ เพราะต้องใช้เวลาสองวันในการเดินทาง " เขาเอ่ยบอกกับนางที่ตอนนี้เดินเล่นอยู่ริมทะเล ใบหน้าของนางในยามนี้ทำให้เขารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เมื่อสัมพัสได้ว่านางชอบที่นี่
ฟางซินเงยหน้ารับลมเย็นๆจากทะเล เวลานี้นางรู้สึกสบายใจ เหมือนได้ปลดปล่อยตนเอง แม้เป็นเพียงแค่ชั่วครั้งคราวก็ยังดี และเมื่อหันไปมองเขาก็เห็นว่าเขาจ้องมองตนเองอยู่
" ท่านพี่จ้องข้าทำไมเจ้าคะ "
" ข้าแค่สบายใจที่อยู่ใกล้เจ้าก็เท่านั้น " เยว่เทียนเอ่ยตอบ แต่ฟางซินกลับใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้แค่เพียงคำพูดที่ออ่นโยนของเขานางก็เผลอใจเต้นแรงแล้วหรือเนี่ย
" อีกสองวันข้าจะต้องเข้าไปอยู่ในค่ายทหาร ท่านพ่อต้องยกทัพไปเฝ้าแนวชายแดนเอาไว้ แต่ไม่ใช่ฝั่งนี้หรอก อีกฝั่งเป็นศัตรูกับแคว้นของเรา และก็เป็นพวกชอบลอบกัด หากไม่จำเป็นอย่าออกมานอกจวนเข้าใจหรือไม่ซินเอ๋อ "
" เจ้าค่ะ ท่านเองก็ระวังตัวด้วย "
" อืม "
ทั้งสองกลับมาที่จวนในช่วงยามเว่ย[13.00-14.59] เพราะลมจากทะเลทำให้รู้สึกเหนียวตัวนางและเขาจึงแยกกันไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ ฟางซินอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่วันนี้นางสวมชุดสีฟ้าออ่นไล่สี ออ่นไปเข้มที่ชายกระโปรงมองดูแลออ่นหวานน่ารัก
" ฮูหยินน้อยเจ้าคะ นายท่านส่งคนมาเรียกพบเจ้าค่ะ "
" งั้นไปกันเถอะ " แม้ว่าจะแปลกใจที่พ่อสามีเรียกพบในวันนี้ก็ตาม นางก็ไปตามคำสั่งของเขา เมื่อมาถึงก็พบกับสามีของตนเองที่นั่งรออยู่ในห้องแล้ว
" คารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ "
" ไม่ต้องมากพิธี นั่งสิ พ่อมีเรื่องจะพูดคุยกับพวกเจ้า "
" ขอรับ/เจ้าค่ะ "
" อย่างที่เจ้ารู้ว่าตอนนี้พวกนั้นเข้ามารุกรานชายแดนของเราแล้ว พ่อต้องยกทัพไปในคืนพรุ่งนี้ แต่พ่อจะทิ้งทหารฝีมือดีเอาไว้คุ้มครองพวกเจ้าส่วนหนึ่ง ส่วนเจ้าอาเทียนคงต้องไปติดตามท่านอ๋องใช่หรือไม่ เช่นนั้นพ่อจะให้พ่อบ้านปิดจวนเอาไว้ งดรับแขก ส่วนเจ้าเรื่องในจวนยกให้เจ้าดูแลแล้วนะฟางซิน "
" เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าจะดูแลในจวนเป็นอย่างดี "
" อืม ดี "
" นี่คือตราประจำตระกูลของเรา เก็บไว้ให้ดี หากวันหนึ่งที่พ่อจากไป จงเก็บตรานี้ไว้ให้หลานชายคนโตของพ่อด้วยนะ "
" ท่านพ่อ " ไม่รู้ทำไมคำพูดของพ่อสามีถึงทำให้นางรุ้สึกไม่สบายใจเช่นนี้กันนะ หวังว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาหรอกนะ
หลังจากที่กลับมาถึงเรือนตะวันตกของตนเองแล้ว ฟางซินครุ่นคิดอยู่ลำพังในห้องนอน นางไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้นหรือไม่ และไม่รู้ว่าทำไมชายชราถึงมองมิติพร้อมกับให้นางเตรียมข้าวของมากมายไปทำไมกัน ในเมื่อร่างนี้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ได้อดอยากหรือลำบากอะไร ?
‘เฮ้อ คิดไปก็ปวดหัว อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยมันไป เอาไว้ค่อยคิดแล้วกัน ‘ ในเมื่อคิดไม่ออกนางก็ไม่อยากจะคิดให้ตนเองรกสมอง ปวดหัวเปล่าๆ แต่นางกลับฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนเองมีเนื้อแดดเดียวติดมาหลายกิโลกรัมนี่น่า นางจึงหยิบออกมาจากมิติ จากนั้นก็นำไปที่ห้องครัวพร้อมทั้งบอกให้แม่ครัวและคนอื่นๆช่วยกันทอดให้สุก รอให้หายร้อนจากนั้นก็จัดการห่อเป็นเสบียงให้พ่อสามีที่จะไปออกทัพ ติดตัวไว้กินอย่างน้อยก็ประทังความหิวได้