ฤกษ์แต่งงาน

1212 คำ
เดินขึ้นมาจากจุดที่จอดรถ ผ่านบันไดหินราวๆ หนึ่งร้อยขั้นแล้วเดินต่อขึ้นมาบนเชิงเขาอีกหน่อย ก็จะพบกับถ้ำหินขนาดใหญ่พอประมาณ ด้านหน้ามีรูปปูนปั้นเป็นรูปพญานาคสองตัวแสดงเป็นสัญลักษณ์ของทางเข้าถ้ำ "คุณมาที่นี่บ่อยเหรอ ดูเหมือนจะชำนาญทาง" อิงนรีเอ่ยถาม อันที่จริงเธอก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ทำไมวัดแห่งนี้ถึงไม่เป็นที่ท่องเที่ยวดังๆ อย่างเช่นที่อื่น เพราะสภาพแวดล้อมโดยรอบ ก็ถือว่าสวยงามเหมาะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมได้ อีกทั้งธรรมชาติโดยรอบก็ยังสมบูรณ์ดี "พาแม่มาน่ะครับ แต่ก็ไม่บ่อยหรอก อย่างที่รู้ ผมงานค่อนข้างยุ่ง" "อ๋อค่ะ" "อยากจะไปดูดวงไหมครับ" เหนือภูผาหันไปถามอีกฝ่าย หลังจากที่ไหว้ขอพรพระพุทธรูปประจำวัดเรียบร้อยแล้ว "คุณอยากไปเองแต่มาแกล้งชวนอิงหรือเปล่าคะ เห็นพูดเรื่องนี้บ่อยจัง" อิงนรีแกล้งแซว เพราะเห็นอีกฝ่ายวนพูดเรื่องนี้หลายรอบแล้ว คนถูกย้อนถามอมยิ้มก่อนจะส่ายศีรษะไปมา "ผมแค่ลองถามดูน่ะครับ "จริงๆ อิงไม่ใช่สายมูหรอกนะคะ แต่ถ้าคุณเหนือแนะนำกันขนาดนี้ ลองดูสักหน่อยก็ได้ค่ะ" "สายมู...คืออะไรเหรอครับ?" เหนือภูผาหันไปถามทันที อิงนรีเมื่อได้ฟังก็หัวเราะออกมาเล็กๆ เธอตลกที่ตัวเองดันเผลอลืมตัวพูดศัพท์เฉพาะกลุ่มไปกับผู้ชายอย่างเหนือภูผาได้อย่างไร "ก็เป็นการบูชา ความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เครื่องราง ของขลัง พิธีกรรมต่างๆ ที่ให้ความหมายเชิงบวก การเสริมดวงชะตาต่างๆ อะไรประมาณนั้นค่ะ" "อ๋อ เรื่องการใช้คำพวกนี้ ถ้าเราต้องแต่งงานกันจริงๆ ผมคงต้องหาสมุดมาจดแล้วละ ไม่งั้นคงคุยกับคุณไม่รู้เรื่อง เพราะผมมันไม่ค่อยทันสมัย" เหนือภูผาเอ่ยขึ้นยิ้มๆ อิงนรีรู้สึกว่าเวลาได้ยินประโยคทำนองนี้ เกี่ยวกับการแต่งงานจากปากของฝ่ายชาย แล้วมันรู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเวลาเขาพูดจาถ่อมตัวมันยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์ ทั้งสองคนพากันเดินไปที่กุฏิของเจ้าอาวาส ซึ่งอยู่ห่างจากถ้ำไกลพอสมควร เมื่อมาถึงอิงนรีต้องสวมผ้าถุงที่ทางวัดเตรียมไว้ให้พุทธศาสนิกชนที่มีจิตศรัทธาอยากมากราบพระที่วัด แต่แต่งตัวมาไม่ค่อยเหมาะค่อยควร ซึ่งชุดที่อิงนรีสวมใส่ในวันนี้ ก็ค่อนข้างที่จะเข้าข่าย เมื่อมาถึงพระท่านก็ออกมานั่งที่แคร่ใต้ต้นไม้ข้างกุฏิ โดยมีเหนือภูผากับอิงนรีนั่งพนมมือไหว้ที่บนเสื่อด้านล่าง "คนนี้เหรอ ที่แม่โยมเพิ่งจะมาขอฤกษ์แต่งงานไป" ทันทีที่จัดแจงท่านั่งเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อท่านก็หันไปถามเหนือภูผาทันที หลายครั้งแล้วที่แม่ของเขาจะแวะมาหาท่านเพื่อขอฤกษ์แต่งงานให้กับลูกชาย เดิมหลวงพ่อก็เข้าใจว่าภูผานั้นแต่งงานหลายรอบ ก่อนจะมารู้ทีหลังว่าไม่ใช่ แต่ที่แม่ของเขามาขอฤกษ์บ่อยๆ เพราะพยายามจะจับลูกชายแต่งงาน "คงจะอย่างนั้นครับ พอดีเธอเพิ่งมาจากกรุงเทพฯ ผมอยากจะพามาไหว้พระทำบุญเลยแวะมาที่วัด" "อ่อ...อืม รู้สึกว่าโยมจะเป็นคู่กันนะ" หลวงพ่อพูดตามที่ตาเห็น โหงวเฮ้งของทั้งคู่เหมาะสมลงตัวกันดี เหนือภูผาเมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้แต่ยิ้ม ปกติเขาไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้กลับคล้อยตามคำพูดของพระท่าน อาจจะเพราะที่เขาตัดสินใจยอมแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาพยายามปฏิเสธมาโดยตลอดไม่ว่าแม่จะพาใครมาให้รู้จัก แต่กับอิงนรีเขากลับยินยอมง่ายๆ ทั้งที่ยังไม่เคยเจอตัวจริงของเธอด้วยซ้ำ อิงนรีกรวดน้ำ ถวายสังฆทาน ทำบุญอย่างเรียบง่าย เหนือภูผาพูดคุยกับหลวงพ่อครู่หนึ่งก็พากันออกจากวัด เพื่อเดินทางไปเที่ยวที่อื่นต่อ ไกด์เฉพาะกิจคิดว่าอิงนรีคงไม่ได้สนุกกับการเที่ยววัดนัก เขาเพียงอยากพาเธอแวะมาทำบุญเพื่อเสริมสิริมงคลเท่านั้น "ที่หลวงพ่อท่านบอก ว่าคุณป้าสายบัวมาดูฤกษ์แล้ว...คุณเหนือพอจะทราบไหมคะว่า...เมื่อไหร่" อิงนรีเอ่ยถามคนขับรถ คนถูกถามเองก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ตอนที่ได้ยินคำถาม คราวที่แม่มาขอฤกษ์เขานั้นก็มาด้วย แต่เพราะไม่ได้สนใจก็เลยจำไม่ได้ แต่ตอนนี้ตัวเขาเองนั้นก็รู้สึกว่าอยากจะรู้เหมือนกัน "จำไม่ได้เหมือนกันครับ แม่มาถามไว้นานแล้ว" "ตลกดีนะคะ จะแต่งงานทั้งที พวกเราไม่รู้แม้แต่วันที่จะจัดงานด้วยซ้ำ แขกของอิงก็คงมีแค่เพื่อนไม่กี่คน ที่เหลือก็น่าจะเป็นแขกของป้า เห็นว่าจะจัดสองรอบ จัดที่นี่ก่อนแล้วไปจัดที่กรุงเทพฯ อีกที" อิงนรีพูดต่อตามที่เธอพอจะรู้มาจากป้าของตัวเอง "คุณอิงยังรู้เยอะกว่าผมอีกนะครับ ผมยังไม่รู้เลยว่าเราจะต้องจัดงานสองรอบ" เหนือภูผาหันไปพูดกับคนข้างเบาะคนขับอย่างเคอะเขิน เขาไม่ได้คิดว่าอิงนรีอาจจะเสียใจที่ต้องมารับรู้ว่าเขานั้นไม่สนใจงานแต่งครั้งนี้เลย "คุณแน่ใจจริงๆ ใช่ไหมคะ ว่าอยากจะแต่งงานกับอิง" อิงนรีเอ่ยถามอีกครั้ง เพราะจนถึงตอนนี้แล้วเหนือภูผาก็ยังดูไม่มีทีท่าว่าจะยินดีกับการคลุมถุงชนในครั้งนี้เลย ต่างจากเธอที่ตอนแรกก็ไม่พอใจแต่พอเจอตัวจริงของเจ้าบ่าว ก็กลายเป็นว่าอยากแต่งจนเนื้อเต้น "ครับ ผมตกลงกับแม่ไปแล้ว คนอย่างผมพูดคำไหนคำนั้น" "แต่งทั้งที่ไม่ได้รักเนี่ยเหรอคะ" อิงนรีไม่รู้ว่าตัวเองพูดประโยคนี้กับเหนือภูผากี่ครั้งแล้ว รู้แค่ว่าเธอน้อยใจทุกทีที่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขายอมแต่งงานกับเธอเพราะจำใจ ไม่ได้เสน่หาอะไรเธอเลย ทั้งที่เธอนั้นก็รู้อยู่แก่ใจว่าการแต่งงานของตัวเองเป็นการคลุมถุงชน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้รักกันมาก่อน ที่เธอไปหลงชอบเขาก่อนมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ "ตอนนี้อาจจะไม่ ต่อไปใครจะรู้ คนที่ไม่ได้รักกัน อยู่กันไปก็รักกันเองมีเยอะแยะ" เหนือภูผาหันไปบอกกับคนหญิงสาวข้างกาย 'นั่นสินะ ข้อนี้มันเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำให้เขารักเราให้ได้ เตรียมตัวเอาไว้เลยคุณเหนือ' อิงนรีคิดในใจ ตอนนี้ไม่รัก ในวันข้างหน้าเขาจะต้องรักเธอจนเลิกบ้างานตามที่ใครต่อใครต่างก็พูดกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม