บทที่ 2
จงเป็นดาวพราวจรัสแสง
ช่วงเย็นหลังจากเลิกเรียน
อิงดาวร่ำลาเพื่อนตามปกติเฉกเช่นทุกวันหลังจากสิ้นสุดการเรียนการสอน หลังจากขับรถไปทะเลาะกับรั้วชาวบ้านเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก็ถูกบิดาออกคำสั่งให้คนขับรถที่บ้านตามรับส่งเธอมาร่วมสัปดาห์ ยืนรอที่ตำแหน่งเดิมคือใต้ต้นจามจุรีมาสักพักแต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นวี่แววรถของที่บ้านเ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัย
นับว่าผิดปกติ หรือว่ารถติดมาก โดยปกติแล้วคนขับรถของที่บ้านไม่เคยสายในการมารับเธอ นี่ขนาดออกมาช้ากว่าทุกครั้งตั้งยี่สิบนาทีแต่กลับไม่เห็นรถยนต์คันที่คุ้นเคยอยู่แถวบริเวณนี้ ยืนรออีกนิดเชื่อว่าอีกไม่นานคงจะมาแต่ยังไม่ทันไรรถยนต์สัญชาติยุโรปสุดหรูคันนึงก็เคลื่อนเข้ามาจอดยังบริเวณที่เธอยืนอยู่
รถหรูที่ไม่คุ้นตาว่าเคยมารับใครแถวคณะเธอ ได้แต่มองด้วยความชื่นชมว่าเจ้าของรถคงจะรวยระดับหลายร้อยหลายพันล้าน ตั้งใจจะขยับออกไปอีกนิดหากว่ากระจกรถฝั่งข้างคนขับไม่เปิดออกให้เธอเห็นใบหน้าหล่อเหลาของคนที่เธอไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีกที่นี่ ยามนี้เสียก่อน
“พี่อิฐ”
อุทานเรียกชื่อเขาออกไปเบา ๆ
เขามาหาใคร มาที่นี่ทำไม
อีกฝ่ายมองมาที่เธอนิ่งก่อนที่เขาจะเฉลยคำตอบที่ทำให้เธองวยงง สงสัยขึ้นไปอีก
“ขึ้นรถสิ”
คนถูกสั่งยังยืนงง เหนือสิ่งอื่นใดคือประหลาดใจที่เขาขับรถมารับเธอทำไมที่มหาวิทยาลัย
“พี่อิฐมารับอิงเหรอคะ”
ถามพาลซื่อ หากบังเอิญผ่านมาเธอก็จะได้บอกเขาว่าคนขับรถของที่บ้านกำลังจะมารับเช่นเดียวกัน
“วันนี้คุณแม่เชิญคุณอากับอิงไปร่วมมื้อค่ำที่บ้านพี่”
บิดาเธอไม่ได้โทรบอกให้เธอเตรียมตัวเลยสักนิด และก็เหมือนกับว่าคนมารับอ่านใจเธอเก่งเสียเหลือเกิน
“พี่อาสาคุณอาเองว่าจะบอกอิงให้ เพราะยังไงพี่ต้องมาทำธุระแถวนี้อยู่แล้ว”
เหตุผลที่มาก็เพราะผ่านมาแถวนี้ ไม่ได้ตั้งใจมารับเธอสักหน่อย เตือนใจตนเองไว้ว่าอย่าเพิ่งคล้อยตามความเป็นพี่ชายที่แสนดีของเขา
พออีกฝ่ายเห็นว่าเธอยังยืนนิ่ง ๆ คราวนี้ได้แต่ส่งเสียงเข้มมาดุเตือนเธออีกครั้งเพื่อไม่ให้เขาเสียเวลานาน
“ขึ้นมาสิอิง เดี๋ยวผู้ใหญ่จะรอนาน”
แล้วในที่สุดก็ต้องยอมเปิดประตูรถเข้าไปนั่งด้านหน้าข้าง ๆ เขา พออีกฝ่ายเห็นเธอเข้ามานั่งยังไม่วายกำชับเธออีกรอบ
“คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย”
สั่งเสียจริง ก็ยังไม่ทันหาที่วางหนังสือในมือเพื่อไปคว้าเข็มขัดนิรภัยเลยเสียด้วยซ้ำ ช้อนสายตามองสบตาสีเข้มของเขาเล็กน้อยก่อนจะดึงเข็มขัดรัดตัวไว้พร้อมรายงานเขาสั้น ๆ น้ำเสียงประชดประชันนิด ๆ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
แต่คราวนี้เป็นเธอเสียเองที่ต้องร้อนผ่าวเพียงแค่สายตาที่ไล่มองเธอลงมาจนถึงกระโปรงนักศึกษาแล้วบอกเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ดึงกระโปรงลงด้วย”
อิงดาวมองตามสายตาเขาก่อนจะเห็นว่าบัดนี้กระโปรงทรงเอตัวจิ๋วที่แหวกข้างนั้นร่นขึ้นมามองเห็นโคนต้นขาขาวผ่องเป็นยองใยเหลืออีกแค่ไม่ถึงเซ็นติเมตรครดว่าคงจะได้ของดีสีแดงแจ่มลายลูกไม้ โยกตัวรีบดึงรั้งกระโปรงลงให้เรียบร้อย มองเห็นทางหางตาว่าอีกฝ่ายยังคงจ้องมองมาที่เธออยู่ แผนการในใจบางอย่างจึงเริ่มผุดขึ้นด้วยความหมั่นไส้
จะเป็นพระอิฐพระปูนได้ตลอดก็คอยดู
หากจะตำหนิว่าเธออ่อยเขาเหมือนในอดีต ก็มาลองดูสักตั้งว่าใครจะทนไม่ไหวก่อนกัน
“เอาลงแล้วค่ะ พี่อิฐรีบออกรถสิคะจะได้ไม่เสียเวลาเดี๋ยวผู้ใหญ่รอ”
พูดจบก็ตวัดขาไขว่ห้างไปทางซ้าย เบนหน้าหนีออกไปมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกแต่ใจนั้นจดจ่อรอฟังว่าคนขับรถกิตติมาศักดิ์ของเธอจะดุเรื่องกระโปรงแหวกจนเห็นขาอ่อนขาวเนียนของเธออีกหรือไม่
แต่เงียบ….คราวนี้เขาไม่พูดอะไร แล้วรถก็เคลื่อนออกจากมหาวิทยาลัยไปตามเส้นทางที่จะไปบ้านเขา
ความเงียบภายในห้องโดยสารทำให้อิงดาวรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย ทอดสายตามองไปข้างหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกตัวเองเอาไว้ ทั้งที่เมื่อก่อนคุยจ้อกับเขาได้อย่างไม่เกรงกลัวอะไร แต่ยามนี้กลับไม่ใช่ พอมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันความรู้สึกกลับอึดอัดใจเสียมากกว่า
“หนาวหรือเปล่า”
เสียงเข้มเรียกให้เธอดึงความคิดอันลอยล่องกลับคืนมา
“ไม่ค่ะ”
หันกลับไปตอบเขาว่าไม่หนาวทั้งที่จริงนั้นรู้สึกวูบ ๆ วาบ ๆ ยามปะทะกับสายตาคมกริบของเขาโดยไม่ตั้งใจ หลายปีที่ผ่านมาเข้าใจว่าความห่างจะสามารถสร้างภูมิต้านทานให้กับหัวใจบ้าง แต่พอได้กลับมาเจอเขาอีกหนเธอจึงได้รู้ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยสักนิด
อิษวัตคงจะไม่ชอบเธอที่เธอทำตัวเหมือนเด็กใจแตก ก๋ากั่นไม่รู้กาลเทศะในวันนั้นแต่ด้วยความเคารพเกรงใจผู้ใหญ่จึงได้จำใจตกลงยอมรับคำขอร้องของบิดาเธอในการทำหน้าที่ฝึกฝนเธอให้เพรียบพร้อมจะเป็นทายาทผู้สืบทอดธุรกิจของบิดาอันเหลืออยู่น้อยนิด
บอกว่าไม่หนาวแต่อิษวัตแสดงความห่วงใยด้วยการปรับอุณภูมิในรถให้อุ่นขึ้น แต่สิ่งที่เธอไม่เข้าใจคือการตีไฟเลี้ยวซ้ายจอดเทียบฟุตบาทข้างทาง แล้วก่อนจะได้เอื้อนเอ่ยถามเหตุผลเสื้อสูทตัวเนี้ยบที่เจ้าของรถหรูสวมใส่มาก็ถูกถอดออกจากตัวยื่นมาให้เธอใกล้ ๆ
“อะไรเหรอคะ”
ทำหน้างง ก็บอกไปแล้วว่าไม่หนาว เรื่องปรับแอร์ให้ใจก็นึกขอบคุณแต่เล่นใหญ่ถอดเสื้อสูทตนเองมาให้เธออีกอย่างดูจะเกินไปหรือเปล่าไม่แน่ใจ
“เอาคลุมไว้”
“ไม่ต้องก็ได้มั้งคะ ก็อิงบอกว่าอิงไม่หนาว”
โต้ตอบกันทันควัน ในขณะที่ดวงตาสีดำนั้นดูเข้มขึ้น แม้จะนึกหวั่นเกรงอยู่บ้างกับอานุภาพร้อนแรงจากดวงตาคู่นั้น แต่เธอมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดแน่ ๆ หากแต่อิษวัตกลับเคลื่อนที่เข้าหาเธออย่างรวดเร็วนำพาเสื้อสูทที่มีกลิ่นหอมเฉพาะจากเรือนกายเขาคลุมตัวให้อย่างเบามือ
อิงดาวตัวแข็งทื่อเกร็งไปชั่วขณะ ยิ่งเสียงทุ้มต่ำที่กระซิบบอกข้างหูก่อนผละห่างยิ่งมีอิทธิพลให้ใจเต้นระส่ำระสาย
“ขนบนตัวอิงมันฟ้องว่าอิงโกหกพี่”
อยู่ห่างกันตั้งหนึ่งช่วงแขน จะมารู้ดีได้ยังไงว่าเธอหนาวจนขนลุก แต่พออ้าปากจะเถียงร่างสูงใหญ่ก็เคลื่อนตัวออกห่างเธอไปมองถนนเบื้องหน้าไม่สนใจกิริยาท่าทีของเธออีก
##จบตอน##
ไม่รู้ใครอ่อยใครเน้อ EP นี้
บอกดึงกระโปรงลงแล้วหนึ่ง
ถอดเสื้อให้อีกหนึ่ง
อิพี่แค่กลัวน้องหนาวแค่นั้นเอง ไม่มีอะไรเล๊ย อิอิ