03-บ้านข้างๆ

1825 คำ
จักรยานคันงามราคาหลักหมื่นถูกจูงเข้าไปจอดยังที่ของตัวเอง ชายหนุ่มเก็บข้าวของพะรุงพะรังออกจากตะกร้าท้ายรถที่เขาต่อเติมเสริมไว้เพื่อใส่อุปกรณ์หากิน ดวงตาคมเหลือบมองดูข้างบ้านผ่านรั้วไม้สูงเกือบท่วมหัวด้วยความประหลาดใจ เพราะก่อนหน้านี้บ้านหลังนี้รกร้างมานาน นับตั้งแต่ที่ยายเจ้าของบ้านตายไป ทำไมวันนี้ถึงได้ดูสะอาดหูสะอาดตาผิดปกติ “ไปไหนมา เป็นหนุ่มแล้วนะวิน ยังไปทำอะไรเนื้อตัวมอมแมมเป็นเด็กๆ อยู่อีก” เสียงของหญิงสาววัยกลางคนร้องว่าลูกชาย ‘กวิน’ หนุ่มอินดี้ผู้ไม่ชอบเข้าสังคมกับใคร ชีวิตผูกติดอยู่กับการเลี้ยงปลากัด วันๆ ไม่อยู่ในพื้นที่ที่เขาเรียกมันว่าฟาร์มปลา ก็ลงหนองลงนาหาปลากัดมาเลี้ยงจนเต็มบ้าน แต่ใครกันจะรู้ ว่าข้างหลังภาพเด็กไม่รู้จักโตของกวิน เขาคือพ่อค้าปลากัดผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งสายสวยงาม และสายกัด “จะไปไหน ก็คงไปหางมปลากัดปลากริมตามเรื่อง ไม่รู้จักโตสักที” เสียงทุ้มของวันชัยพ่อของเขาร้องขึ้น กวินกับพ่อไม่ค่อยจะลงรอยกันนัก เพราะวันชัยไม่ค่อยชอบที่ลูกชายเอาแต่เลี้ยงปลาไม่คิดหาทำอะไรเลย แต่เพราะว่ากวินไม่เคยมารบกวนเงินทองของพ่อแม่ ก็เลยว่าอะไรมากไม่ได้ “ไปอ่างเก็บน้ำมาแม่ แล้ว...บ้านยายอินทร์เค้าขายแล้วเหรอ ทำไมถางหญ้าซะเตียนเลย” กวินไม่ได้ใส่ใจกับเสียงของพ่อ เขาเองก็เริ่มจะชินชากับคำพูดเหน็บแนมพวกนี้เสียแล้ว เลยเลือกที่จะหันไปคุยกับแม่แทน “ไม่รู้เหมือนกัน แม่ก็ไม่ได้ว่างเลยไม่ได้ถาม แต่เห็นว่าถางไว้หลายวันแล้วล่ะ เออแล้วก็อย่าเข้าไปในสวนผู้ใหญ่นะ เห็นเค้าว่ามีคนกรุงเทพมากักตัวอยู่ ระวังจะไปเอาโรคมาติดคนที่บ้าน” กวินไม่ได้ตอบอะไรเขาแค่พยักหน้ารับก่อนจะเดินเอาปลาที่หาจับมาได้ไปใส่โหลที่เตรียมเอาไว้ “เฮ้ยโบ้!!!” เสียงชายหนุ่มร้องลั่น เมื่อเจ้าอุ้งเท้าฟูของเขาล้วงเท้าหน้าลงโหลหมายจะจับพ่อพันธุ์เอาไปกิน “เกือบไปแล้ว โบ้เห็นกันมาตั้งนานอยู่ดีดีทำไมมาอยากกินเอาวันนี้ ลงไปเลยนะ” โบ้เป็นชื่อของแมวไทยลายสลิดสีส้มเพศผู้ เพื่อนซี้เพียงคนเดียวของกวิน เขาเจอมันนอนซมใกล้ตายอยู่ที่ริมอ่างเก็บน้ำ เลยเก็บเอามาเลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กๆ กวินเดาว่ามันคงจะหลงจากแม่ตอนที่ย้ายที่อยู่ พฤติกรรมล้วงปลาในโหลของเจ้าโบ้นั้น มักจะเกิดขึ้นตอนที่มันหิวและต้องการอาหาร ปกติแล้วจะทำเพื่อเรียกร้องเอาอาหารเท่านั้น กวินจึงต้องรีบพามันไปหาจานแล้วจัดการเทอาหารให้อย่างเร่งด่วน หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กวินก็มานั่งดูโทรศัพท์ เพื่อเช็กดูออร์เดอร์ในวันนี้ แหละพบว่ามีคำสั่งซื้อจำนวนมากจนน่าตกใจ “ทำไมมันเยอะจังวะ” ระหว่างที่ไล่ดูคำสั่งซื้อแต่ละรายการ เขาก็เปิดโน้ตบุ๊คดูกลุ่มผู้เลี้ยงปลากัด เพื่อหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับวงการปลาในตอนนี้ “อ๋อ...คงจะตีไก่กันไม่ได้ เลยหันมากัดปลากันสินะ” เมื่อเขาได้คำตอบแล้ว จึงได้ปริ้นคำสั่งซื้อแล้วเดินกลับไปที่ฟาร์มเล็กๆ ของเขา เพื่อจัดการเตรียมปลาส่งให้กับลูกค้า นอกจากขายปลากัดแล้วกวินก็ยังขายอุปกรณ์ในการเลี้ยงปลาอื่นๆ อีกด้วย เช่นโหลสำหรับเลี้ยงปลา ใบหูกวาง งวงตาล เช็ตเพาะเลี้ยงไรแดง ไรแดง พืชน้ำต่างๆ รายได้แต่ละเดือนถือว่าใช้ได้ เพราะเป็นรายได้จากงานอดิเรก ตอนแรกเขาแค่อยากทำเล่นๆ ระบายลูกปลาที่เพาะได้ออกจากบ้านไปบ้าง เนื่องจากไม่มีที่เก็บ แต่ทำไปทำมาก็กลายเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้จนเขาไม่อยากกลับไปเรียนอีกแล้ว เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น มือที่กำลังวุ่นอยู่กับการแพ็คกระจกพลันชะงัก ก่อนจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาดู ตาล : วิน นี่สรุปบทเรียนวันนี้นะ แล้วก็อย่าลืมทำการบ้านด้วย อาจารย์โพสต์การบ้านไว้ในโน้ตกลุ่มแล้ว ไม่เข้าใจตรงไหนก็มาถามเรานะ เมื่อรู้แล้วว่าข้อความนั้นคืออะไร ชายหนุ่มจึงได้วางโทรศัพท์ลงแล้วทำงานต่อ กวินเลือกเรียนสถาปัตย์เพราะนอกจากจะชอบปลากัดเขายังชอบวาดรูปด้วย และเขาคิดว่าอยากเรียนอะไรที่มันพอจะมาปรับใช้กับอาชีพของครอบครัวเขาได้ โดยพ่อกับแม่ของเขานั้นเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างและต่อเติมบ้าน กวินจึงคิดว่าเรียนสถาปัตย์มาคงได้ใช้อะไรบ้าง แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ต้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ ทำให้กวินรู้สึกเบื่อหน่ายการเรียนจนไม่ได้สนใจอะไรเลย ไม่เคยส่งงาน ไม่เข้าเรียน เพราะเขาอยู่ในช่วงชั่งใจตัวเองว่าจะลาออกดีไหม เรียนไปก็ไม่เข้าใจอะไรอยู่ดี แม้จะมีตาลเพื่อนร่วมเอกที่รุ่นพี่จับคู่ให้เป็นบัดดี้ของเขาคอยส่งสรุป ส่งการบ้านให้ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้กวินรู้สึกอยากจะกลับไปเรียนเลย อาจจะเพราะว่าเขานั้นมีความสุขดีอยู่แล้วกับการขายปลากัด แถมรายได้ตรงนี้ก็สูงพอๆ กับเงินเดือนของใครหลายๆ คนที่ทำงานอยู่แถวละแวกบ้าน กวินใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าจะจัดการเตรียมของเสร็จ พรุ่งนี้เขาต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อขนของไปส่ง ส่วนบางกล่องที่เป็นปลาก็ทำได้แค่เอาปลาใส่โหลมาตั้งไว้ในกล่องก่อน ตอนเช้าค่อยมาเทใส่ถุงแพ็คส่งอีกที “วินมากินข้าวได้แล้วลูก” เสียงของแม่ร้องเรียกมาจากทางบ้าน กวินจึงจัดการปิดประตูฟาร์มของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าโบ้เข้ามาวุ่นวายกับปลา ระหว่างที่กำลังเดินกลับกวินหันมองดูบ้านหลังข้างๆ อีกครั้ง ‘นานแค่ไหนแล้วนะ’ เขาคิดในใจก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้าน ที่บ้านสวนแสนเงียบเหงาของผู้ใหญ่บ้าน กลิ่นหอมของข้าวกะเพราไก่ลอยฟุ้งไปตามลม เล้งขอให้อี้พี่สาวของเขาเอาวัตถุดิบอย่างเนื้อหมู เนื้อไก่ เครื่องปรุง แล้วก็พริกกระเทียมมาแทนอาหารสำเร็จรูป เพราะอยากจะทำอาหารกินเอง ทั้งยังได้ซ้อมมือเตรียมความพร้อมในการเปิดร้านอาหารตามสั่งไปในตัวด้วย “ฝีมือป๊าอร่อยที่สุดในโลกเลย” เสียงของลูกสาวร้องขึ้น เมื่อได้กินกับข้าวฝีมือพ่อ คนทำยิ้มจนหน้าบานเมื่อได้ฟังคำชมจากลูกสาว แม้จะรู้ว่าตัวเองนั้นมีฝีมือการทำอาหารที่เยี่ยมยอดอยู่แล้วก็ตาม “แต่ถ้าจะทำขาย คงต้องกะปริมาณให้ดี เอาให้มันสมราคา 30 บาท” เสียงของมลเสนอขึ้น “มล เราอยู่บ้านนอก ข้าวของไม่ได้แพงเท่ากรุงเทพหรอก อะไรปลูกเองได้ก็จะปลูกเอง อย่างพริก กะเพรา จะได้ไม่ต้องซื้อ ลดต้นทุนไปได้อีกนิดหน่อย” เล้งแย้งขึ้น เขานั้นตั้งใจว่าจะทำร้านอาหารตามสั่งควบคู่ไปกับการทำไร่ทำสวน พวกพืชที่ปลูกง่ายๆ ไม่ต้องดูแลมากนักตามความคิดของเขา เพราะเล้งนั้นไม่เคยทำไร่ทำสวนมาก่อน ตอนเด็กก็เรียนหนังสือโตมาหน่อยก็ออกไปทำงานกรุงเทพ ก่อนที่จะได้มีโอกาสไปทำงานต่างประเทศและย้อนกลับมาเปิดร้านอาหารที่กรุงเทพ “โถ่ป๊ากะเพรามันจะกำละกี่บาทกันเชียว พริกอีก ซื้อเอาไม่ดีกว่าเหรอ” “เหมยไม่กี่บาทหลายๆ ครั้งมันก็หลายบาทนะลูก ถ้าเราปลูกเองได้ป๊าว่าปลูกเองดีกว่า กะเพรามันก็ไม่ได้ปลูกยากด้วย” เล้งบอกกับลูกสาว เหมยแค่ยักไหลไม่ได้โต้เถียงอะไร เพราะเธอคิดว่าเธอคงไม่ได้มีส่วนร่วมในการปลูกกะเพราอะไรนั่นอย่างแน่นอน “แล้วฉันว่าจะหาไก่ หาเป็ดมาเลี้ยงสักอย่างละสิบตัว เฮียว่าดีไหม” มลเสนอความคิด เธอคิดว่าถ้าเลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ดเอง ก็จะได้ไม่ต้องไปซื้อ แถมถ้ากินไม่ทันก็ยังขายได้อีกด้วย “โห...ม๊า แค่เสียงนกทุกวันนี้ก็ดังหนวกหูจะแย่แล้ว เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่อีกไม่ต้องนอนกันพอดี” เหมยรีบแย้งทันที “เลี้ยงไว้ไกลๆ บ้านหน่อยก็ได้ยายเหมย แล้วมันก็ไม่ได้ร้องทั้งวันทั้งคืนด้วย ม๊าเคยเลี้ยงมาก่อนสมัยสาวๆ เลี้ยงเป็นสามสิบสี่สิบตัว” “อันนี้เฮียเห็นด้วยนะ เวลาบางคนสั่งไข่ดาวเพิ่มเราจะได้เอาไข่ของเรามาทำเลยไง ไม่ต้องซื้อ” “โหย...ถ้าจะขนาดนี้ป๊าไม่เลี้ยงหมูด้วยเลยล่ะ จะได้เอาเนื้อหมูมาสับๆๆ ผัดขายไปเลย ไม่ต้องซื้อ” พอลูกสาวพูดขึ้นสองผัวเมียก็พากันหัวเราะชอบใจกับคำพูดและท่าทางของลูกสาว “เลี้ยงหมูมันยาก อีกอย่างป๊าไม่กล้าฆ่ามันหรอก ซื้อเค้านั่นแหละดีแล้ว” แม้จะอยากลดต้นทุนแค่ไหน แต่เล้งก็ศึกษามาพอสมควรแล้วว่าอันไหนพอทำได้ อันไหนทำไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาเองก็มีความคิดอยากเลี้ยงหมูเอาเนื้อเหมือนกัน แต่การเลี้ยงหมูที่เขาศึกษามาแล้วนั้นไม่ง่าย ทั้งการจะฆ่าหมูเอาเนื้อนั้นก็เป็นเรื่องที่เกินความสามารถของเขาไปสักหน่อย ถึงจะจ้างคนอื่นมาทำให้เขาก็คงทำไม่ลงอยู่ เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ ต้องให้อาหารทุกวัน เห็นหน้ากันทุกวัน อยู่ๆ ต้องเอาไปฆ่าเอาเนื้อมาทำกับข้าว คงจะผัดไปคิดถึงหมูไปแน่ อย่างน้อยเนื้อที่เอามาทำ เป็นเนื้อจากหมูแปลกหน้าก็ยังดีกว่าหมูที่เขาฟูมฟักมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย “นึกว่าจะแน่” หลังจากกินข้าวกันจนอิ่มเหมยก็แยกตัวออกไปอยู่ในห้องตัวเอง หลายวันมานี้เธอไม่กล้าออกไปเดินเล่นข้างนอกคนเดียวอีก ตั้งแต่เจอคนแปลกหน้าในสวนคราวก่อน กลางคืนก็นอนระแวงกลัวโจรขึ้นบ้าน แต่ก็ไม่กล้าบอกพ่อกับแม่เพราะเธอนั้นก็แอบขโมยมะพร้าวในสวนผู้ใหญ่มากินเหมือนกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม