หน้าด้าน

1617 คำ
“ได้เวลาทานอาหารเย็นแล้วค่ะ” ช่อพิกุลเดินกลับเข้ามาภายในห้องของคนป่วยอีกครั้งเมื่อได้เวลาอาหารเย็นที่ทางพี่ชายของคนป่วยได้เตรียมเอาไว้ให้ เธอมาพร้อมกับใจที่หวาดไหวพอสมควรเพราะตอนที่เข้ามาแนะนำตัวนั้นคนป่วยต้อนรับเธอเอาไว้ไม่ได้ที่เท่าไหร่ แต่เธอก็ยังคงเก็บอาการนิ่งไม่ได้แสดงความตื่นกลัวอะไรออกไป “ไสหัวไปให้พ้น เพล้ง” มือหนาของชายหนุ่มปัดเอาถาดอาหารที่พยาบาลพิเศษคนใหม่กำลังจะวางมันลงที่โต๊ะเล็กข้างหัวเตียงนอนอย่างแรง จนถาดอาหารนั้นพลิกคว่ำกลับไปทางเดิม อาหารในถาดเทกระจาดเกลื่อนพื้นทันที “ว้าย” หญิงสาวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวหลบถึงกับร้องตกใจเสียงดังออกมาเพราะถูกอาหารร้อนๆเทราดเข้าให้ที่เท้า เธอถึงกับทรุดตัวก้มลงมองเท้าของตัวเองที่ปวดแสบปวดร้อนขึ้นในทันที ถึงจะไม่ได้ร้อนจนถึงขั้นทนไม่ได้ แต่มันก็เป็นบริเวณกว้างเต็มหลังเท้าของเธอ “สมน้ำหน้า” เสียงหนาของรัตติตะคอกดังใส่หน้าของหญิงสาวที่เขาไม่ต้องการแม้แต่จะมองหน้า เมื่อได้เห็นว่าเธอนั้นได้รับความเจ็บปวดอย่างที่ควรจะได้รับโทษฐานที่ไล่เท่าไหร่ก็ยังไม่ไป “คุณไม่ทานข้าวก็ควรจะทานยานะคะ” ช่อพิกุลพยายามทำใจดีสู้เสือละทิ้งความเจ็บปวดไปชั่วขณะแล้วเดินไปหยิบยาที่โต๊ะตรงริมหน้าต่างมาส่งให้กับชายหนุ่ม ในเมื่อเขาไม่อยากจะทานอาหารเย็นเพื่อบำรุงร่างกาย ก็ควรจะทานยาสักหน่อยอย่างน้อยก็เพื่อตัวเขาเองไม่ให้อาการทรุดไปกว่านี้ “กูบอกว่าให้ไสหัวไปให้พ้น” เขาปัดแก้วที่ใส่ยาในมือของเธออย่างแรงจนหกกระจายทั่วพื้น ยาส่วนมากในแก้วนั้นเป็นยากล่อมประสาทให้เขานั้นหลับพักผ่อนได้เหมือนคนปกติ เขาไม่จำเป็นต้องกินมันเพราะว่ากินเข้าไปเขาก็นอนไม่หลับอยู่ดี และเขาก็ไม่อยากรับอะไรมาจากพยาบาลพิเศษด้วยเพราะนั้นหมายถึงว่าเขาต้องมีคนดูแลทำอะไรเองไม่ได้ “เดี๋ยวฉันจะไปหยิบมาให้ใหม่นะคะ” หญิงสาวยังคงพยายามทำหน้าที่ของเธอต่อเพราะเธอรับเงินเขามาแล้ว และเงินนั้นก็หมดไปแล้วด้วยเพราะเธอส่งไปให้พี่ชายเอาไปใช้หนี้งวดแรกที่ต่อรองกับเจ้าหนี้เอาไว้แล้วนั้น “หน้าด้านจริงว่ะ” รัตติขยับตัวลุกขึ้นนั่งตรงขอบเตียงด้วยความรวดเร็วเพราะกำลังโมโหที่ไล่กี่ครั้งคนตรงหน้าก็ยังไม่ไป มือหนาคว้าเอาร่างบางที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมด้วยแรงมากมายกว่าเธอผู้เป็นแค่หญิงสาวร่างบอบบาง “ว้าย” ร่างบางถูกกระชากแรงล้มลงไปบนเตียงนอนของชายหนุ่มอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวและตั้งใจ เธอกรีดร้องเบาๆออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับพยายามจะลุกออกจากเตียงนอนนั้นทันที “ไล่ไม่ไปใช่ไหม” แต่ร่างหนาที่ร่างกายยังปกติดีทุกส่วนยกเว้นตรงข้อเท้ารีบขึ้นคร่อมร่างบางที่กล้ามายั่วให้เขาโมโหเอาไว้ สองมือหนาจับกดสองมือบางลงกับเตียงนอนด้วยแรงมากมายมหาศาลไม่ให้เธอดิ้นหนีไปไหนได้ “คุณปล่อยฉันนะ” ช่อพิกุลพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นไปจากใต้ร่างกำยำของเขาตรงนี้ พร้อมกับพยายามส่งเสียงดังๆเพื่อหวังให้ใครมาได้ยิน “กูถามว่าไล่ไม่ไปใช่ไหม” เขากลับใช้แรงมือกดข้อมือเธอหนักขึ้นพร้อมกับตะคอกใส่หน้าเธอด้วยเสียงอันดังลั่นอย่างไม่กลัวใครมาได้ยิน เพราะช่วงเย็นย้ำแบบนี้ พี่ชายและครอบครัวของเขามักจะไปกินข้าวกับคนงานที่โรงอาหารที่อยู่ด้านในของไร่ศีขรินห่างจากบ้านพักของเธอเป็นกิโล “ปล่อยนะ” หญิงสาวยังคงพยายามจะขยับตัวหนีไปจากตรงนี้แม้หนทางจะน้อยนิดด้วยเธอสู้แรงชายของเขาไม่ไหว แต่ก็ไม่หยุดที่จะพยายามเพราะเธอพอจะรู้ว่าถ้าหนีไม่พ้นอาจเจอเข้ากับเรื่องไม่ดีแน่ๆ “อืม” ใบหน้าหล่อคมของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยหนวดเขาโน้มลงหาซอกคอขาวของหญิงสาวที่เพิ่งจะพบหน้ากันไม่นาน ซุกไซ้ไปกับความขาวของซอกคอนั้นด้วยความโกรธที่เธอยังคงกล้าอยู่ในบ้านหลังนี้ทั้งที่เขาไล่เธอออกแล้ว “กรี๊ด ปล่อย” หญิงสาวกรีดร้องดังลั่นบ้านด้วยความกลัว พร้อมกับดิ้นแรงสุดชีวิตจนเสื้อยืดที่ใส่อยู่เริ่มเปิดขึ้น สองขาช่วยกันถีบเข้าไปที่ลำตัวของเขาเพื่อให้ตัวเองรอดออกไปให้ได้โดยไม่สนว่าคนป่วยอย่างเขาจะเจ็บไหม “อืม” เขายังคงใช้ปลายจมูกสัมผัสไปทั่วบริเวณซอกคอขาวๆของเธอ และก็เลยลงมาหาบริเวณเนินนมที่เสื้อผ้าปกปิดอยู่ ริมฝีปากหนาขบกัดเบาๆบนเนินนมที่มันอวบเด่นทะลุเสื้อผ้าออกมานั้นอย่างอดใจไม่ไหว เพราะเขาก็ไม่ใช่พวกตายด้านที่จะทนนิ่งได้เมื่อมีหญิงสาวมาให้กินถึงที่แบบนี้ “ปล่อยนะ กรี๊ด” ทำเอาหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์อยู่อย่างช่อพิกุลกรีดร้องดังลั่นขึ้นมาอีกระลอกเมื่อเขาเข้าใกล้สิ่งสงวนบนร่างกายเธอ น้ำตาเริ่มไหลออกมาอาบสองแก้มเมื่อยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งเขาทำร้ายทั้งที่เธอก็แค่ทำตามหน้าที่ที่เขาจ้างมาแค่นั้นเอง “ไสหัวไปซะ ถ้าไม่อยากเจอดีกว่านี้” รัตติยอมปล่อยเธอไปทั้งที่อารมณ์ของเขากำลังก่อตัวหนาแน่นอยากจะจับเธอกลืนกินทั้งตัว แต่เขาต้องระงับความต้องการนั้นไว้เพราะเขาไม่ชอบผู้หญิงที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกเงินอย่างเธอ “ฮือออ” เธอรีบวิ่งออกจากห้องนอนของเขาไปในทันที พร้อมกับร้องไห้เสียงดังออกไปด้วยเพราะเก็บความเสียใจเอาไว้ไม่อยู่ น้ำตาไหลอาบสองแก้มอย่างไม่อาจเช็ดให้มันแห้งได้ทันเพราะหวาดกลัวที่ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ “ถ้าเธอมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เจอหนักกว่านี้แน่” เขาส่งเสียงขู่ตามไปอีกเพื่ออยากให้เธอไปให้พ้นหูพ้นตา เขาไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมาดูแลทั้งนั้น “ไอ้คนทุเรศ ฮือออ” ช่อพิกุลรีบวิ่งกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไปแล้วปิดประตูล็อกอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้เขาตามเข้ามาได้ แล้วเธอก็ร้องไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจที่ตั้งใจจะมาทำงานแต่กลับต้องมาเจอกับอะไรที่ป่าเถื่อนแบบนี้ เธออยากจะลาออกไปเสียเดี๋ยวนี้ตามที่เขานั้นออกปากไล่ แต่ทว่าเธอจะเอาเงินที่ไหนมาใช้คืนเขากันล่ะ “โอ๊ย” เสียงของชายหนุ่มอย่างรัตติที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนป่วยร้องดังขึ้นด้วยความเจ็บเมื่อเขานั้นพยายามเดินออกมาจากภายในห้องนอนของตัว หลังจากที่เขานั้นไม่ได้ยินเสียงหญิงสาวและคิดว่าเธอนั้นไปแล้วก็เลยออกมาเพื่ออยากจะลองเดินด้วยตัวเองเหมือนทุกครั้งไป “คุณ” ช่อพิกุลที่ยังคงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่เบาลงแล้วจนแทบไม่มีเสียงรีบออกมาจากภายในห้องนอนเมื่อได้ยินเสียงของคนป่วยในความดูแลของเธอ พร้อมกับรีบเข้าไปประคองเขาที่กำลังจะล้มลงกับพื้นด้วยความรวดเร็วอย่างไม่มีลังเลอะไรด้วยเพราะทนเห็นคนล้มลงต่อหน้าไม่ได้ แม้ภายใจจะหวาดกลัวเขาอยู่มากก็ตาม “บอกให้ไปให้พ้นไง” เขายังคงไล่เธอแม้ว่าเธอนั้นจะเข้ามาทำดีกับเขามากแค่ไหน เพราะเขายังคงอยากที่จะอยู่คนเดียว เขาไม่อยากจะยอมรับความจริงว่าเขาคือคนพิการที่ต้องมีคนดูแล “พยายามทรงตัวนะคะ ต่อไปอย่าพยายามเดินเองอีก ให้ใช้ไม้เท้าที่อยู่ตรงปลายเตียงช่วยเดินนะคะ” หญิงสาวพยายามไม่สนใจไปกับคำพูดของเขา เธอพยายามตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจดีว่าไม่อาจลาออกตามที่เขาต้องการได้ ก็ต้องตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดีแทน “ไม่ต้องมาสอนคนอย่างฉัน ไสหัวไป” เขาพยายามจะผลักเธอให้ออกไปให้พ้นจากตัวเขาที่เธอเข้ามายืนเบียดอยู่ แต่ยิ่งพยายามผลักเธอก็ยังคงจับตัวเขาแน่น “กลับเข้าห้องนอนเลยนะคะ” หญิงสาวดันร่างหนาให้เดินกลับไปยังทางที่เธอพอจะคุ้นชินอยู่บ้างเพื่อพาเขากลับห้อง ด้วยเธอพาเขาไปที่อื่นไม่ได้ เพราะว่าคอนแทคเลนส์ที่เธอใส่อยู่นั้นเพื่อช่วยให้เธอมองเห็นชัดเจนได้หลุดออกไปตอนร้องไห้แล้ว ทำให้ในตอนนี้เธอกลายเป็นคนสายตาสั้นที่เห็นอะไรพอรางๆเท่านั้น ถ้าพาเขาเดินไปในทางที่ไม่รู้จักคงได้ล้มทั้งเธอทั้งเขาแน่นอน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม