“เฮ้ย โครม”
เสียงหนาตะโกนดังภายในหมวดกันน็อกที่ใส่อยู่เมื่อสายตาคมนั้นมองเห็นรถกระบะสีดำเลี้ยวตัดหน้าระยะกระชั้นชิด
เร็วเท่าความคิดมือหนาของรัตติก็รีบบังคับรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ให้ไปอีกทางเพื่อไม่ให้เข้าไปชนกับรถกระบะคันนั้น
เท้าหนาก็พยายามเหยียบเบรกของรถมอเตอร์ไซค์ไปด้วยเพื่อให้รถชะลอความเร็วที่ขับขี่มาเป็นร้อยให้ลดลง
แต่เบื้องหน้าที่เป็นข้างทางที่เต็มไปด้วยกอหญ้าเล็กและใหญ่กลับมีก้อนหินซ้อนตัวอยู่
รถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของรัตติพลิกคว่ำหลายตลบในทันทีจนร่างกายของเขากระเด็นไปคนละทิศละทางกับรถมอเตอร์ไซค์
“พี่ๆมีรถคว่ำตรงนั้น เดินไปดูกันหน่อยไหม”
รถกระบะสีดำที่ทั้งคันเต็มไปด้วยคนเมาจอดตรงข้างทางหลังจากกลับรถเสร็จเพื่อลงไปทำธุระส่วนตัวกัน
หนึ่งในคนที่นั่งรถกระบะคันนั้นมาพอจะมีสติมากกว่าคนอื่นๆและเห็นเหตุการณ์ร้องบอกคนขับ
“ช่างมัน คงไม่ตายหรอกมั้ง”
คนขับกระบะกลับขึ้นรถหน้าตาเฉยหลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จสรรพราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แล้วทุกอย่างก็เงียบไปรวมถึงรัตติด้วยเพราะเขาหมดสติไปในทันทีที่รถเกิดอุบัติเหตุ ไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลืออะไรได้เลย
“ไอ้แสงอดทนไว้นะ”
ภูผาที่มาถึงที่เกิดเหตุก่อนพี่น้องคนไหนๆเพราะเขาเป็นคนที่อยู่ใกล้จุดที่รัตติประสบอุบัติเหตุมากที่สุด เพราะว่ารัตติเดินทางมาพักผ่อนในวันหยุดยาวที่ไร่ของเขา
เขาเรียกชื่อน้องสุดเสียงของเขาเมื่อเห็นด้วยตาตัวเองก็พอจะรับรู้ได้ว่าน้องชายคนนี้อาการหนักหนามาแค่ไหน
และตลอดทางการพามาโรงพยาบาลนั้น หมอกับพยาบาลประจำรถก็ต้องช่วยกันยื้อชีวิตของรัตติมาตลอด
ทำเอาเขาที่ใจแกร่งดังหินถึงกับใจคอไม่ดีเลย กลัวจะเสียน้องชายไปโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้เลยแม้แต่นิดแบบนี้
“นั่งพักก่อนนะคะพี่หิน”
อลิสสาที่เดินทางมาโรงพยาบาลกับผู้เป็นสามีด้วยคอยอยู่ใกล้ๆเขาตลอดเวลาเพราะรู้ว่าเรื่องนี้ค่อนข้างหนักหนาสำหรับผู้เป็นสามี
เธอคอยดูแลเขาเป็นอย่างดีและเมื่อเห็นว่ารัตตินั้นได้เข้าไปในห้องผ่าตัดแล้วก็รีบให้เขานั่งพักทันที เพราะว่าถ้าเกิดเขาเป็นอะไรไปด้วยอีกคนคงไม่ดีแน่
“อย่าเพิ่งโทรไปบอกคุณแม่นะ”
ภูผานั่งลงอย่างหมดแรงโดยมีภรรยาของเขาลงนั่งตาม เขาจับมือภรรยามากอบกุมเอาไว้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับตัวเอง
พร้อมกับปรามเธอเอาไว้ด้วยเพราะว่าเธอสนิทกับคุณแม่ของเขามาก กลัวว่าเธอจะเผลอบอกอะไรไป
ด้วยคุณแม่ของเขาคงยังไม่พร้อมที่จะรับรู้เรื่องร้ายแรงนี้สักเท่าไหร่เพราะว่าท่านก็เพิ่งจะเจอเหตุการณ์แบบนี้กับภรรยาของพายัพไปเมื่อปีทีแล้วนี่เอง
“หนูโทรบอกแค่คุณเหนือ จะได้รีบมาช่วยคุณแสง”
อลิสสารู้ดีว่าควรทำอะไรเพราะเธอนั้นเรียนรู้จากผู้เป็นสามีมามากพอสมควร เธอจะไม่ทำอะไรที่ไม่ควรด้วยเขาก็ไม่เคยทำแบบนั้นให้ได้เห็น
“ขอบใจมากนะ”
ภูผายิ้มแห้งให้กับภรรยาของเขาพร้อมกับบีบมือเธอแรงขึ้นอีกนิดเพื่อขอบคุณจากใจ
ถ้าเขาไม่มีเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรับกับสถานการณ์ที่มันหนักหนาแบบนี้ได้หรือเปล่า
อลิสสายิ้มตอบเขาและนั่งอยู่กับเขาตรงนั้นไม่ไปไหนเพื่อเป็นกำลังใจสำคัญให้กับเขา
“ไอ้แสงล่ะ”
พายัพวิ่งตรงดิ่งมายังหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในเครือโรงพยาบาลที่เขาบริหารงานอยู่
เขาเข้าไปหาภูผากับภรรยาที่นั่งอยู่ตรงหน้าห้องนั้นทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาที่จะเข้าไปช่วยน้องชายให้เร็วที่สุด
“อยู่ในนั้น หมอเพิ่งพาเข้าไปไม่นานนี้เอง”
ภูผาชี้ไปทางห้องฉุกเฉินที่ปิดประตูเงียบนั้นเป็นการบอกพายัพ โดยที่เขาก็ไม่รู้อะไรไปมากกว่านั้น เพราะหมอกับพยาบาลห้ามไม่ให้เขาเข้าไป
“เดี๋ยวกูจัดการเอง”
พายัพที่เพิ่งลงจากเครื่องไฟท์ด่วนที่เหมาลำมาเพียงคนเดียวรีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปภายในห้องฉุกเฉินนั้น
“อย่าให้ไอ้แสงเป็นอะไร”
ภูผาตะโกนไล่หลังพายัพผู้เป็นน้องชายไปด้วยใจที่เป็นห่วงน้องคนสุดท้องที่นอนอยู่ภายในนั้น
“กูจะทำให้เต็มที่ กูสัญญาว่าไอ้แสงจะไม่เป็นอะไร”
พายัพหันมาตอบอย่างหนักแน่นเพราะเขาไม่มีวันปล่อยให้น้องคนสุดท้องอย่างรัตติเป็นอะไรไปแน่นอน
“มันเกิดอะไรขึ้นวะไอ้หิน”
และไม่นานเวฆากับธาราก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลด้วยฮอส่วนตัวของพวกเขา และเขาก็ตรงดิ่งมาหาภูผาในทันทีเพื่อรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
“มีรถตัดหน้า ทำให้รถให้แสงพลิกคว่ำหลายตลบ”
ภูผาเล่าทุกอย่างที่พอจะรู้ออกไปให้น้องๆของเขาฟัง เพราะเขาก็ยังไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่านั้นสักเท่าไหร่ ด้วยรีบที่จะพารัตติมาให้ถึงโรงพยาบาลก่อน
“แล้วไหนไอ้หมาพวกนั้น”
เวฆามาเฟียใหญ่พี่ชายคนรองของบ้านตามหาคนที่กล้าขับรถตัดหน้ารอมอเตอร์ไซค์ของน้องชายเขาลั่นโรงพยาบาล
“มันหนีไป”
เสียงหนาของภูผาตะคอกออกไปค่อนข้างดัง ด้วยนึกโกรธคนที่มันทำแบบนั้นไม่น้อยจนทำให้น้องเขาอาการหนัก
“เรื่องนี้กูจัดการเอง”
เวฆาที่มีลูกน้องอยู่ทั่วทุกหนแห่งขานรับหน้าที่ตามจัดการคนที่มันหนีไป เพราะเป็นอะไรที่เขาชำนาญมากที่สุด
“เดี๋ยวกูโทรไปแจ้งข่าวกับพ่อเอง ให้ท่านรู้ก่อนจะได้ค่อยๆหาทางบอกแม่”
ธารานักธุรกิจใหญ่ที่เบื้องหลังเป็นมาเฟียพี่ชายคนที่สามขานรับอาสาแจ้งข่าวกลับบ้าน เพราะเขาถนัดเจรจามากกว่าพี่น้องคนไหนๆ
“ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าท่านรู้กันเองเรื่องนี้คงไม่ดีแน่ เออแล้วอย่าลืมปิดข่าวให้ได้มากที่สุดด้วย”
ภูผาพยักหน้าเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่น้องๆพูดออกมา เพราะเขาในตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลยนอกจากเฝ้ารอคอยน้องชายคนสุดท้องอยู่ตรงนี้
“เป็นยังไงบ้างวะไอ้เหนือ”
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงจนฟ้าเกือบสว่าง พายัพถึงได้เดินออกมาจากภายในห้องผ่าตัดที่ย้ายรัตติเข้าไปรักษาภายในนั้น
ภูผาเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปถามอาการของน้องคนสุดท้องโดยมีน้องๆอีกสองคนรีบเดินตามไป
“ไอ้แสงพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ว่า”
พายัพที่ต้องทำการผ่าตัดหลายชั่วโมงทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ที่ใกล้ที่สุดพร้อมกับถอนหายใจยาวระบายความอึดอัดภายในใจออกมา
“แต่ว่าอะไรวะ”
เวฆาถามขึ้นเสียงดังด้วยความใจร้อน เพราะอยากรู้ว่าน้องคนสุดท้องเป็นอะไรยังไงกันแน่
“อาจต้องเป็นคนพิการ เฮ้อ”
พายัพถอนหายใจอีกครั้งอย่างหนักใจที่ต้องพูดแบบนั้นออกไป เพราะเขาไม่อยากให้น้องชายคนสุดท้องที่กำลังมีอนาคตไกลต้องเป็นแบบนั้นเลย
“ทำไม”
ธาราถามออกไปด้วยความร้อนใจ ด้วยไม่คาดคิดว่าอุบัติเหตุในครั้งนี้ที่เกิดขึ้นกับน้องชายมันจะหนักหนาขนาดนี้
“ข้อเท้าของไอ้แสงเกือบขาดออกมา กูพยายามต่อแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาเหมือนเดิมได้แค่ไหน เส้นประสาทบางเส้นมันถูกทำลายไปมาก”
คนเป็นหมอที่ต้องรักษาน้องชายด้วยตัวเองพูดเล่าอาการออกมา มันช่างยากลำบากกว่าการพูดครั้งไหนๆ
ถึงจิตใจของเขาจะหนักแน่นแค่ไหน แต่พอเป็นเรื่องของคนในครอบครัวแบบนี้จิตใจของเขาก็แทบไม่ไหว
“เฮ้อ ทำไมโชคร้ายต้องเกิดขึ้นกับไอ้แสงด้วยนะ”
ภูผาทรุดกายนั่งลงข้างๆพายัพอย่างหมดแรง ไม่คิดเลยว่าน้องชายคนสุดท้องจะโชคร้ายได้ขนาดนี้