บ้านเรา

1983 คำ
“บ้านเรากำลังจะล้มละลาย ที่ซุกหัวนอนกำลังจะไม่มี พวกแกก็โตๆกันแล้ว แยกย้ายกันไปหาที่อยู่ไหมได้เลย” กรองทองเอ่ยขึ้นในขณะที่เดินลงบันไดมาจากชั้นสองของบ้านพร้อมกับสะพายกระเป๋าใบโปรดที่ภายในนั้นมีเงินอยู่จำนวนหนึ่งลงมาด้วย แล้วเธอก็เดินเข้ามาหย่อนก้นนั่งลงตรงหน้าลูกทั้งสองที่กำลังจะเริ่มกินอาหารเย็นกัน ที่เธอเดินลงมาเวลานี้ก็เพื่อแจ้งให้คนทั้งสองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกทราบถึงการจะต้องเสียบ้านไป “หมายความว่ายังไงครับ” ชนัดพลลูกชายคนโตของบ้านที่กำลังตักข้าวใส่จานส่งให้ผู้เป็นน้องสาวอย่างช่อพิกุลเอ่ยถามผู้เป็นแม่กลับอย่างไม่เข้าใจนัก ด้วยผู้เป็นแม่ไม่เคยทำธุรกิจอะไรนอกจากกินเงินจากมรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้ก่อนจะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แล้วจะเกิดการล้มละลายได้อย่างไรกัน “หมายความตามที่พูดออกไปไงล่ะ” สายตาหวานที่ยังคงสวยไม่เปลี่ยนแม้จะอายุปาไปเลขห้าแล้วเหยียดมองไปยังบุตรชาย มือบางก็หยิบคว้าเอาหมูทอดชิ้นโตมาจากจานกับข้าวแล้วป้อนใส่ปากของตัวเองแก้หิว “คุณพ่อทิ้งมรดกไว้ตั้งเยอะแยะ คุณแม่ใช้หมดแล้วงั้นเหรอครับ” ชนัดพลเรียบเรียงคำพูดของผู้เป็นแม่ได้ก็เริ่มเข้าใจว่าการล้มละลายสำหรับผู้เป็นแม่คืออะไร เขาเริ่มมีน้ำโหใส่คนเป็นอย่างไม่อาจจะเก็บอารมณ์เอาไว้ได้ เพราะว่าเงินนั้นที่ผู้เป็นพ่อทิ้งไว้ให้มันไม่ควรหมดไปแบบนี้ “ใช่” กรองทองตอบออกไปอย่างไม่แคร์ใครหน้าไหนทั้งนั้น เพราะเงินก้อนโตที่มีหลายล้านของสามีที่ตายไปนั้นเธอใช้หมดแล้ว “หนูพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง คุณแม่เอาไปใช้หนี้ก่อน แล้วเดี๋ยวหนูจะทำงานหาเงินมาให้อีก” ช่อพิกุลที่รู้ดีว่าผู้เป็นแม่นำเงินไปทำอะไรจนหมดแต่เธอเลือกที่จะไม่พูด แต่จะให้เงินไปอีกเพื่อแก้ปัญหานี้ไปก่อน ด้วยเธอรักผู้เป็นแม่มาก แม้ท่านแทบจะไม่เคยเลี้ยงดูมาเลยก็ตาม และอีกอย่างเธอไม่อยากให้แม่กับพี่ชายต้องมาทะเลาะกัน เพราะพี่ชายของเธอไม่ได้ยอมอะไรง่ายๆเหมือนเธอ “หนี้เป็นสิบๆล้านแกใช้ไหวเหรอ” กรองทองที่พอได้ยินถึงเงินก็ตาพองขึ้นมาด้วยความดีใจ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าลูกสาวเพิ่งจะเรียนจบมาเมื่อวานยังไม่มีงานทำเธอก็แทบจะไม่สนใจ เพราะเงินเก็บของเด็กนักเรียนมันจะไปมีสักกี่บาท จะพอค่าแท็กซี่ที่จะนั่งออกไปตอนค่ำนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ “เดี๋ยวผมจะช่วยน้องอีกแรง แต่คุณแม่ต้องสัญญาว่าเมื่อใช้หนี้หมดจะต้องโอนบ้านหลังนี้ให้ผมกับน้อง” ชนัดพลพยายามใจเย็นให้มากที่สุดเพื่อเจรจากับผู้เป็นแม่ ด้วยเขารักบ้านหลังนี้มากเพราะบ้านหลังนี้เป็นเหมือนตัวแทนของผู้เป็นพ่อ และเขาก็รู้ว่าน้องสาวก็รักบ้านหลังนี้มากเหมือนกัน เขาก็อยากจะสู้เพื่อน้องไม่อยากจะเสียบ้านไป “ก็แค่บ้านเก่าๆ ฉันก็ไม่ได้อยากได้นักหรอก” เมื่อมีตัวช่วยในการหาเงินเพิ่ม กรองทองก็ตาโตขึ้นมาอีกครั้ง และตกลงออกไปตามที่ลูกๆขอเธอมา เพราะว่าบ้านหลังนี้เธอก็ไม่ได้อยากได้นักหรอก แต่ที่เธออยากได้คือเงินและเงินเท่านั้น “ไม่อยากได้ก็เลยทำแบบนี้นะเหรอครับ เอาบ้านที่ซุกหัวนอนทุกวันไปแลกเงินเพื่อเอาไปเล่นการพนัน” ชนัดพลอดไม่ได้ที่จะพ่นคำร้ายใส่ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่เป็นพวกหิวแต่เงิน และเป็นผีการพนันเข้าสิงไม่เลิกสักที ตั้งแต่พ่อยังไม่เสียชีวิตผู้เป็นแม่ก็มีนิสัยแบบนี้มาตลอด จนผ่านมาสิบห้าปีแล้วแม่ของเขาก็ยังมีนิสัยแบบเดิมๆแก้ไม่หาย จนถึงตอนนี้หนักข้อขึ้นทุกทีจนถึงขั้นเอาบ้านที่ใช้ซุกหัวนอนทุกวันไปแลกเงินเพื่อเล่นการพนัน เขาพยายามจะไม่สนใจ และไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยมานานแล้ว แต่วันนี้มันอดไม่ได้จริงๆด้วยบ้านหลังนี้คือสิ่งที่เขากับน้องรักกันมาก “อย่ามาปากมากเหมือนพ่อแกนะไอ้นัด” กรองทองเงื้อมือขึ้นสูงคล้ายจะเหวี่ยงไปที่ใบหน้าของผู้เป็นลูกอย่างชนัดพลเพื่อตบสั่งสอนที่กล้ามาต่อว่าเธอ “การลงทุนของแม่ก็คือการเล่นพนัน เลิกเถอะครับก่อนที่เราจะไม่เหลืออะไรกันจริงๆ” เขาพยายามที่จะไม่พูดอะไรที่มันตรงเกินไปออกมาเพราะรู้ว่ามันทำร้ายจิตใจของคนฟังอย่างช่อพิกุลผู้เป็นน้อง แต่เขาก็อดไม่ได้เพราะผู้เป็นแม่ไม่เคยสำนึกผิดอะไรเลย ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุให้ไปเล่นการพนันหนักขึ้นอีก “ฉันไม่เลิก นั้นมันคือชีวิตของฉัน” กรองทองตวาดใส่ลูกๆของเธอเสียงดังลั่นบ้านก่อนจะลุกขึ้นยืน พร้อมกับรวบกระเป๋าขึ้นมาถือเตรียมตัวจะออกไปนอกบ้าน “อย่าให้ผมกับน้องต้องแจ้งความจับแม่ตัวเองเลยครับ ผมขอละครับ” เมื่อพูดจาดีๆด้วยไม่ได้ผล ชนัดพลก็ขู่ออกไปเพื่อหวังให้ผู้เป็นแม่เกรงกลัวและเลิกเล่นการพนันขึ้นมาบ้าง “ไปขอกับพ่อแกนู้น มันเป็นคนดีคงให้แกได้ แต่ฉันไม่ใช่” กรองทองที่โดนผีพนันเข้าสิงจนไม่อาจเลิกจากมันได้รีบเดินก้าวเดินฉับๆออกจากบ้านไป “แม่” ชนัดพลรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่หวังจะวิ่งตามผู้เป็นแม่ไปเพื่อจะคุยกันให้รู้เรื่องมากกว่านี้ “พอเถอะค่ะพี่นัด” ช่อพิกุลรีบห้ามผู้เป็นพี่ชายเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องราวใหญ่โต เพราะยังไงเสียแม่ของเธอก็เลิกเล่นการพนันไม่ได้ “เฮ้อ” ชนัดพลยอมนั่งลงตามเดิมเพราะไม่อยากจะทำให้ผู้เป็นน้องสาวลำบากใจไปมากกว่านี้ และนั้นก็ผู้เป็นแม่เขาก็ควรจะระงับอารมณ์เอาไว้บ้าง ไม่ควรทำอะไรที่เกินกว่าเหตุ “นิดยังไม่มีงานทำเลย เราจะใช้หนี้สิบล้านกันไหวเหรอคะ” เมื่อเห็นว่าผู้เป็นพี่ดูจะอารมณ์เย็นลงช่อพิกุลก็เอ่ยถึงหนี้สินก้อนโตนั้น เพราะมันมากมายเหลือเกินจนเธอหวั่นใจว่าจะหาเงินมากขนาดนั้นไม่ได้ “ต้องไหวซิ ยังไงพี่ก็ไม่ปล่อยให้บ้านของพ่อต้องไปอยู่ในมือของคนอื่นหรอกนะ” ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยตอบกลับอย่างมั่นอกมั่นใจว่าเขานั้นจะรักษาบ้านหลังนี้เอาไว้ได้แน่นอน แต่ภายในใจกลับแอบหวั่นใจไม่น้อย เพราะเขาเองก็มีรายได้แค่เดือนละไม่กี่บาท แค่รายจ่ายประจำวันก็มากมายพอตัวอยู่แล้ว จะหาเงินที่ไหนมาใช้หนี้ยังคิดไม่ออกเลย “หนูจะรีบหางานทำให้ได้เร็วที่สุดนะคะ” ช่อพิกุลเห็นผู้เป็นพี่มั่นอกมั่นใจเธอก็เลยมีความมั่นอกมั่นใจขึ้นมาบ้าง แม้จะยังไม่มีงานทำก็ตาม แต่เธอจะรีบหางานทำให้ได้เร็วที่สุดแล้วก็รีบนำเงินมาช่วยคนเป็นพี่ปลดหนี้ให้กับผู้เป็นแม่ “เอาไว้ค่อยคิดเรื่องนั้น กินข้าวกันก่อนดีกว่า กับข้าวเย็นหมดแล้ว” ชนัดพลเห็นว่าน้องนั้นเพิ่งจะกลับเข้าบ้านมาเหนื่อยๆหลังจากที่เพิ่งจะเก็บของออกมาจากหอพักย้ายกลับมาที่บ้านก็เลยไม่อยากคุยเรื่องเครียดๆกันนาน เขาเลยหันมาชวนผู้เป็นน้องสาวกินข้าวแทนการพูดคุย “ค่ะ” หญิงสาวที่เป็นคนว่านอนสอนง่ายมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อพี่ชายสั่งอะไรเธอก็ทำตาม และไม่พูดถึงเรื่องปลดหนี้นั้นกันอีก เพราะก็ต่างรู้หน้าที่ของตัวเองกันแล้วว่าจะต้องหาเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อบ้านหลังนี้ที่เธอและพี่รักมากๆ “น่าสนใจ ค่าตอบแทนก็สูงลิบเลย แต่น่าเสียดายอยู่ไกลไปหน่อย” เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่รู้ว่าบ้านที่ตัวเองอยู่กำลังจะถูกยึด ช่อพิกุลที่เพิ่งเรียนจบพยาบาลก็ออกหางานทำทันที เธอมาหารุ่นพี่ที่เป็นพยาบาลคนหนึ่งที่ค่อนข้างสนิทสนมด้วย เพื่อถามหางานที่มีค่าตอบแทนสูงๆเพื่อให้เธอได้หมดหนี้ไวๆ และก็มีงานอย่างที่เธอตามหามารออยู่จริงๆ แต่ทว่างานนั้นต้องเดินทางไปอยู่กับคนไข้ไกลถึงเชียงใหม่ “แค่เชียงใหม่เอง แค่นี้คุ้มจะตายไป นี่ถ้าพี่ไม่ติดว่ามีครอบครัวนะ พี่ไปเองแล้ว ไม่มาบอกนิดหรอกนะ” จิดาภาพูดไปเสียดายไปให้ช่อพิกุลได้ฟัง ด้วยงานไปดูแลคนไข้คนนี้ค่าตอบแทนสูงลิบแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน แต่เธอนั้นรับงานเองไม่ได้ เพราะต้องอยู่ดูแลลูกๆที่กำลังอยู่ในวัยเรียนทางกรุงเทพ “อืม” ช่อพิกุลคิดอย่างหนักไปกับตัวเลขค่าจ้างและก็การที่ต้องเดินทางไกล เพราะพี่ชายของเธอต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆ “เอาไง งานดีเงินดีแบบนี้คนเขาแย่งกันอยู่นะ ชักช้าอดไม่รู้ด้วยนะ” จิดาภาที่เห็นว่าทั้งงานทั้งเงินดีก็ยิ่งเชียร์ให้หญิงสาวตรงหน้าไปทำ เพราะอยากให้หญิงสาวที่เธอรักเหมือนน้องได้ดี ด้วยก็พอจะรู้ว่าช่อพิกุลนั้นมีฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก เงินจากการทำงานก้อนนี้ก็น่าจะพอช่วยได้ “ไปก็ได้ค่ะ แต่นิดขอเวลาเตรียมตัวสักวันสองวัน” ช่อพิกุลตัดสินใจไปเพราะเห็นว่าค่าตอบแทนนั้นสูงดี และถ้าเธอทำงานนั้นได้นาน เธอก็อาจจะหมดหนี้เร็วขึ้น บ้านหลังนั้นก็ยังจะคงเป็นของเธอกับพี่ต่อไป ไม่ถูกยึดไปกับการเสียพนันของผู้เป็นแม่ “งั้นเดี๋ยวพี่ติดต่อพี่กิ๊บเขากลับไปก่อน จองเอาไว้ก่อน” จิดาภายิ้มดีใจไปกับหญิงสาวตรงหน้าด้วยที่ยอมรับงานดีๆแบบนี้ แล้วก็รีบจัดการติดต่อกลับไปยังเลขาหน้าห้องของคุณหมอพายัพที่หางานมาให้ “ขอบคุณนะคะ” ช่อพิกุลพอคุยรายละเอียดอะไรเรียบร้อยแล้วก็รีบขอตัวกลับ เพื่อจะไปคุยกับผู้เป็นพี่ชายอีกที เธอหวังว่าผู้เป็นพี่ชายจะเข้าใจและยอมให้เธอไปทำงานง่ายๆ คงไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นอีก เพราะถ้าเธอแค่ชักช้าไปนิด งานที่เงินดีระดับหลักแสนบาทต่อเดือนไม่รวมเงินพิเศษอื่นๆคงได้หลุดมือไปแน่ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม