สิบนาทีเท่านั้น ก็ออกจากห้องน้ำมีเพียงผ้าขนหนูพันกายเอาไว้แล้ว เพราะไม่ได้พิถีพิถันอะไรมากมายเลย การแต่งตัวก็เพียงชุดนอนผ้าฝ้าย ครีมบำรุงผิวถูกป้ายไปกับผิวเนียนนวลอย่างไม่ใส่ใจนัก แรกทีเดียวตั้งใจว่าจะก้าวขึ้นเตียง
แต่ก็นึกขึ้นได้ ว่าจะต้องออกไปเอาผัก ที่แช่เบกกิ้งโซดา ไว้ทำสลัดให้พ่อใส่ตู้เย็นก่อน เลยเดินตรงไปเปิดประตูพรวดออก
“อุ๊ย!” แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เมื่อพบว่ามีใครมายืนอยู่หน้าห้อง เขาตรงมาหาอย่างรวดเร็ว
“โอ้ย! ปล่อยฉันนะ คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!”
ร่างผอมบางถูกสองแขนแข็งแรงรวบเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากบางไม่มีสิทธิ์เอ่ยอะไรอีก เมื่อถูกริมฝีปากของเขาก้มลงมาปิดไว้อย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน สองแขนพอจะมีเรี่ยวแรง พยายามปัดป้องให้หลุดพ้นจากการกอดรัดของเขา
“ปล่อยนะ! ปล่อย! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!”
“คุณจะร้องให้ใครช่วย ห้องนี้มีแค่ผมกับคุณเท่านั้น ผมไม่เข้าใจว่าคุณจะร้องทำไม ในเมื่อผมมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ในตัวคุณโดยเฉพาะ...”
คฑาธรไม่ฟังเสียงใดๆ ทั้งสิ้น เพราะความหิวโหยในเรือนกายขาวผาดผ่อง เย้ายวน มีอำนาจเหนือจิตใจมานานหลายวัน จนเรียกร้องให้รีบกอดรัดแน่นยิ่งขึ้น ริมฝีปากอุ่นก็ดูดดื่มอีกริมฝีปากอย่างหนักหน่วง โดยไม่สนใจกับสองกำปั้น พยายามทุบไหล่ อกเขาเลยจนนิดเดียว
“ไม่นะ! ฉันยังไม่พร้อม! คุณบอกเองว่าจะกลับอาทิตย์หน้า ฉันยังมีเวลาเหลืออีกหลายวัน”
พิมพ์ภิษาถูกแผงอกอบอุ่นของเขาดันไว้จนหลังติดกับผนังห้อง พยายามเรียกร้องสิทธิ์แห่งเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิด เมื่อเขาละจากริมฝีปากลงไปดอมดมลำคอระหงอย่างหิวกระหาย
“ผมไม่เคยบอกอะไรแบบนั้น ผมต้องสนด้วยเหรอว่าคุณจะพร้อมหรือเปล่า ในเมื่อเงินผมจ่ายไปกับค่ารักษาพ่อคุณแล้ว และคนของผมก็กำลังขนข้าวของออกจากหน้างานแล้ว”
“แต่เลขาคุณบอกว่าอาทิตย์หน้า! ช่วยด้วย! ปล่อยนะ! ช่วยด้วย! ออกไปให้พ้นนะ! ฉันเกลียดคนไม่รักษาสัญญา ฉันยังไม่พร้อม! คุณได้ยินมั้ย! ว่าฉันยังไม่พร้อม!”
พิมพ์ภิษาร้องใส่หน้าเขา ขณะถูกช้อนตัวพาเดินตรงไปหาเตียง
“ขอย้ำอีกครั้งว่าผมไม่สน”
ร่างผอมบางถูกโยนลงไปอย่างรวดเร็ว แต่สองแขนเรียวเกาะต้นคอเขาไว้ไม่ยอมปล่อย เป็นเหตุให้ทั้งสองล้มลงไปหาเตียงหนานุ่มพร้อมกัน นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจจะฟัง หรือต่อปากต่อคำกับเธอเลยด้วยซ้ำ มือแข็งแรงกระชากสาบเสื้อผ้าฝ้าย จนกระดุมกระเด็นกระดอนไปคนละทาง
“โอ๊ย!”
พิมพ์ภิษาตกใจกับความรุนแรงไม่น้อย และเกลียดผู้ชายใช้กำลังเข้าข่มเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบเท่า แต่เขาไม่สนใจจะมองเธอ มากไปกว่าจ้องมองเศษซากเสื้อ ยังติดอยู่ในเรือนกายขาวผาดผ่อง
แล้วมันก็ถูกเขาดึงออกไปโยนทิ้ง โดยไม่สนใจทิศทางสักนิด บราเซียร์ลูกไม้ห่อหุ้มอกอิ่มเอาไว้ ก็ถูกเขาสอดมือไปใต้แผ่นหลัง ปลดตะขอแล้วโยนมันออกไปอย่างไร้ทิศทางเช่นกัน
“อย่านะ! ออกไป ฉันยังไม่พร้อมคุณเข้าใจมั้ย!”
พยายามปกป้องตัวเอง ด้วยการส่งสองกำปั้นเล็กๆ ระดมทุบไปอกกับไหล่เขาไม่ยั้ง แต่ไม่นานก็ถูกสองมือเขากดลงติดไว้กับเตียง
ก่อนจะก้มลงปิดปากบางที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำห้ามปราม ด้วยปากอุ่นร้อนของเขาอีกวาระ เพื่อไม่ให้เธอได้เปล่งวาจาใดๆ ให้รำคาญใจอีก
“อื๊อ!”
พิมพ์ภิษาพยายามเบี่ยงใบหน้าหนีการรุกราน แต่ไม่มีทางทำได้ เมื่อเขายึดครองกลีบกุหลาบสีระเรื่อเอาไว้ จุมพิตที่เขามอบให้ตอนนี้ช่างป่าเถื่อนไร้ซึ่งความปรานี
และพร้อมจะบดขยี้ให้ร่างกายแหลกลาญในความรู้สึก เรี่ยวแรงที่ต่อต้านเขาอยู่นั้น ก็ค่อยๆ หดหายไปจากการริดรอนด้วยปากของเขา
มือบางทั้งสองถูกเขากดไว้กับเตียง ก็หมดสิ้นเรี่ยวแรงจะทำอะไรไปเรียบร้อยแล้ว หรือต่อให้ยังมีหลงเหลืออยู่ เธอก็ไม่คิดจะใช้มันอีก ในเมื่อรู้ว่าไม่มีทางสู้ได้ จึงนอนแน่นิ่งปล่อยให้เขาทำอะไรตามใจ
น้ำตาก็ค่อยๆ ไหลรินอาบหางตาลงไปหาใบหู แม้จะปิดเปลือกตาอยู่ แต่ก็รับรู้ถึงอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขา กำลังสำรวจเรือนกายไปแทบจะทุกอณูขุมขน
กางเกงนอนผ้าฝ้ายเอวยืด ถูกเขาดึงลงจนหลุดจากปลายเท้า โยนลงไปกับพื้น โดยไม่ได้สนใจจะหันไปมองด้วยซ้ำ
ฝ่ามืออุ่นกลับมาสำรวจกายสาวโดดเด่นเย้ายวนใจ มีแพนตี้สีขาวห่อหุ้มเอาไว้ ไม่นานมันก็หลุดพ้นจากหน้าที่ เมื่อมือของเขาดึงรูดลงไป กระทั่งหลุดจากปลายเท้าร่วงไปกองอยู่กับกางเกงนอน โดยเขาไม่ได้สนใจทิศทางอีกเช่นกัน
“คุณรู้มั้ยว่ารูปร่างคุณทำให้ผมใจสั่นมากแค่ไหน และก็มากพอจะทำให้ผมเปลี่ยนใจไม่ไปดูงาน แต่กลับมาหาคุณแทนเลยนะ บอกไว้ก่อนเผื่อคุณไม่รู้ ว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้รับสิทธิ์นี้หรอก คุณเป็นคนแรก น่าสนใจนะผมว่า”
คฑาธรกระซิบใกล้ๆ ใบหูขาวผ่อง แล้วไล้จมูกไปตามผิวแก้มนุ่มนิ่ม ริมฝีปากเขาจูบลงไปหาจมูก เปลือกตา หน้าผาก จบตรงปลายคางมน
ก่อนจะหยุดอยู่ริมฝีปากนุ่มนิ่ม ดูดดื่มอย่างหิวกระหาย
บอกไม่ได้ว่าเป็นสุขใจมากแค่ไหน ที่ได้ครอบครองเธอสักที หลังจากใช้ความอดทนมานาน ห้วงเวลาต่อไปนี้คงช่วยกระตุ้นต่อมความเป็นชายของเขา ให้หายเบื่อหน่ายได้อย่างดียิ่ง
หญิงสาวผู้กำลังจะสูญสิ้นสิ่งหวงแหน ที่เฝ้าถนอมมาตลอดชีวิต ยังคงปล่อยให้น้ำตาใหลรินออกมา เพื่อสดุดีให้กับความพ่ายแพ้ แม้เปลือกตาจะปิดอยู่
แต่ก็รับรู้ได้ด้วยสัมผัสทางกาย ว่าตอนนี้ฝ่ามือของเขา กำลังสำรวจตรวจตราเรือนกายเปลือยเปล่าตรงไหน และยังวาดภาพใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้ ว่ากำลังยิ้มกริ่มที่ได้เอาชนะเธอ