“ไวน์! ทางนี้ๆ” คนถูกเรียกรีบหันไปหาต้นเสียง พอเห็นแล้วก็สาวเท้าออกจากประตูด้านหลังโรงพยาบาล ตรงไปยังรถยุโรปป้ายแดงของ ‘ปานประไพ’ เพื่อนรักซึ่งคบกันมาตั้งแต่เรียนวารสารศาสตร์ปีหนึ่งแล้ว
“แท้งคิ่วมากนะเพื่อนที่มา เราไม่รู้จะทำยังไงดีน่ะ”
เรื่องนี้ถูกเล่าให้ปานประไพฟังตั้งแต่วันก่อน เพราะมีเพื่อนสนิทและไว้ใจสุดเพียงคนเดียว ส่วนเพื่อนร่วมงาน ไม่มีทางที่เธอจะเปิดปากบอกใครเด็ดขาด
หนึ่งคือสัญญากับเจ้านายไว้แล้ว สองคือไม่เคยมีมิตรแท้ในที่ทำงาน นั่นคือสิ่งที่เจอมาโดยตลอด การย้ายงานบ่อยจึงเกิดขึ้นกับเธอตลอดเวลา เมื่อเผลอเปิดปากบอกเรื่องส่วนตัวออกไป
‘เพราะมีหน้าตาเป็นอาวุธสำคัญ’
ที่มักจะกีดกันไม่ให้เจริญก้าวหน้าในงาน ไม่ว่าจะไปทำที่ไหน ก็จะถูกเจ้านายหวังให้เอาเต้าไต่อยู่เรื่อย หรือไม่ก็จะถูกเพื่อนร่วมงานตั้งฉายาให้ไว้ก่อนเรียบร้อยแล้ว
รวมทั้งแฟนหนุ่มที่คบหาดูใจกันมาตั้งแต่ขึ้นมหาวิทยาลัยปีสอง ก็ไม่เคยไว้ใจเธอ แถมยังคอยหวาดระแวง ว่าเธอจะเห็นเจ้านายแก่ๆ แต่เงินหนาดีกว่า จนสลัดทิ้งไปไม่ว่างเว้น
นั่นคือเหตุผลที่ต้องเลิกร้างกันไปเมื่อสามปีก่อน ตอนย้ายมาทำงานโรงพยาบาลแห่งนี้ ห้าปีตั้งแต่เรียนจบมา กับการย้ายงานถึงสี่ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นคนใช้ที่ทำงานเปลืองไม่น้อย ดีหน่อยโรงพยาบาลนี้มีสาวๆ สวยๆ เยอะแยะ เลยไม่ค่อยถูกเขม่นมองสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่วายมาเจอปัญหาอีกจนได้
“แล้วตกลงจะไปร้านอาหารที่เขานัดเลยหรือกลับคอนโดก่อนดีล่ะ” ปานประไพหันมาหา ขณะควบรถออกประตูโรงพยาบาลไป
“กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิ เราจะไปในชุดยูนิฟอร์มได้ยังไง เดี๋ยวคนรู้กันหมด”
“โอเค” พอได้คำตอบแล้วก็ขับไปยังคอนโด ทั้งคู่พักอยู่ที่เดียวกันแต่คนละห้อง คนละชั้นและคนละสถานะ พิมพ์ภิษาเช่าห้องที่ปานประไพซื้อไว้อยู่ หลังมีอาเสี่ยเงินหนามาทุ่มเงินจองห้องใหม่ กว้างใหญ่และราคาสิบกว่าล้านให้ รวมทั้งรถคันใหม่
“แล้วจะเอายังไงล่ะไวน์”
พอรถจอดใต้อาคารได้ ปานประไพก็หันไปหาด้วยสีหน้าเป็นกังวลแทน แม้ใจจริงอยากให้เพื่อนรับข้อเสนอเสีย จะได้สบายดีกว่าต้องไปทนทำงาน ให้คนกดขี่ไม่เว้นวันยังไง แต่ก็เคารพการตัดสินใจของเพื่อนเสมอ ไม่ขอก้าวก่ายถ้าเพื่อนไม่มาปรึกษา
“เรายังไม่รู้เลยว่าถ้าปฏิเสธไปอีกรอบ แล้วจะกระทบกระเทือนถึงงานหรือเปล่า” มือบางกดไปเลขเก้า หลังไปยืนในลิฟต์ทั้งสองคนแล้ว
“ตอบไม่ได้เลยว่ะข้อนี้ เพราะฉันไม่รู้จักนายนั่นสักเท่าไหร่ แต่เท่าที่เช็คดูตามข่าววงในนะ บอกได้คำเดียวว่าไม่เบาเหมือนกัน ปีๆ หนึ่งใช้ผู้หญิงเปลืองมาก แต่ก็จ่ายหนักนะเวลาเบื่อ หลายคนได้บ้าน ได้รถแถมด้วยเงินก้อนโตมาตั้งตัวนะ ไม่ลองทบทวนอีกรอบเหรอเพื่อน”
กระนั้นก็ยังไม่วายอยากยุ
“ไม่ดีกว่า เราคงทำไม่ได้ ถ้าจะให้มีอะไรกับผู้ชายที่เราไม่ได้รัก ไม่รู้ทำไม แต่เราทำใจไม่ได้หรอก ปานเข้าใจความรู้สึกเรามั้ย”
น้ำเสียงนั้นอ้อนวอนขอความเห็นใจจากเพื่อน ขณะก้าวไปตามทางเดินจนสุด แล้วเปิดประตูห้องเข้าไป “เรารู้ งั้นก็ค่อยๆ คิดว่าจะพูดยังไงแล้วกัน ไปอาบน้ำสิ เราจะเลือกชุดให้”
“ได้ๆ แต่ขอชุดเรียบร้อยๆ นะปาน”
“เอ่อน่า! ฉันไม่หาสายเดี่ยวหรือเกาะอกให้แกใส่ไปอ่อยนายนั่นหรอก รีบๆ ไปสิ เดี๋ยวก็ไม่ทันนัดหรอก”
“แล้วตกลงปานไปกับเราได้หรือเปล่า”
“รับปากแค่ว่าไปส่ง แล้วก็จะไปนั่งในร้านเป็นเพื่อนก่อน ถ้าตาเฒ่าเรียกมาเมื่อไหร่ก็ต้องไปนะ ตั้งแต่ซื้อรถคันใหม่ให้นี่ รู้สึกจะคิดถึงบ่อย แล้วก็ใช้บ่อยเหลือเกิน กว่าจะหมดคืนก็เห็นดาวเห็นเดือนเลยล่ะ แก่จะตายชักไม่รู้มันเอาแรงมาจากไหน”
พิมพ์ภิษาคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วหันมายิ้มให้เพื่อน ก่อนเข้าไปในห้องน้ำด้วยความรีบเร่ง เพราะกลัวจะไปไม่ทันนัด จะยิ่งทำให้ผู้ชายคนนั้นโกรธเคืองหนักเข้าไปอีก แม้เจ้านายจะบอกว่าไม่เป็นไรๆ แต่ก็ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะไม่เคืองกับคำตอบที่ได้ ไม่งั้นคงไม่นัดเจอตัวต่อตัวแบบนี้แน่
และสำหรับคนนัดนั้น ก็กำลังทรุดกายลงนั่งกับเก้าอี้ ในร้านอาหารหรูหรามีระดับ มีโฮสเตสสาวเลื่อนออกให้ แถมเป็นห้องส่วนตัวไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวนได้ ถ้าไม่อนุญาต เขาสั่งไวน์ชั้นดีราคาแพงเป็นอันดับแรก ส่วนอาหาร อยากรอให้คู่นัดมาก่อน ซึ่งเหลือเวลาอีกสิบนาทีเท่านั้น
เขาเอาชื่อคู่นัดให้กับโฮสเตส แล้วก็หันไปให้ความสนใจกับมือถือ มีไลน์เรื่องงานเข้ามาแทบจะทุกๆ ห้านาทีหรือบ่อยกว่านั้น
ไวน์แดงถูกบริกรนำมาเปิด รินใส่แก้วให้ก่อนจะถอยร่นออกไป ด้วยท่าทีนอบน้อม เขาประคองก้านแก้วขึ้นมาแกว่งวนเบาๆ ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมของน้ำหมักผลไม้ราคาแพงครู่หนึ่ง จิบช้าๆ ละเลียดเอารสอันกลมกล่อมลงคอ ในหัวก็ขบคิดว่า ไวน์ขวดที่เขากำลังอยากลิ้มลองนั้น รสชาติดีอย่างนี้บ้างไหม
ว่าที่จริง ผู้หญิงหยิ่งแบบนี้!
ต่อรองยากเย็นแสนเข็ญแบบนี้!
เขาเคยเจอมานับครั้งไม่ถ้วน รู้ไส้รู้พุงจนหมด แรกๆ จะทำท่าอิดออดเพื่อเรียกค่าตัวสูงๆ ไปอย่างนั้น พอได้ลิ้มลองจริงๆ เขาก็รู้ทันทีว่ารสชาติห่วยแตก ผ่านศึกมาอย่างโชกโชน ถ้าไม่สนุกตรงที่เขาได้เอาชนะด้วยเงินแล้วล่ะก็ มันแทบไม่มีอะไรจะทำให้เขารู้สึกว่าคุ้มค่าเอาเสียเลย