หนุ่มสาวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นเต็มที จึงรีบล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปร่วมโต๊ะรับประทานอาหารพร้อมหน้าครั้งแรก
“ยาหยี ดีขึ้นแล้วหรือยังลูก”
แม่สามีเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนส่งค้อนให้เจ้าตัวดีที่ท่าทางจะเอาแต่ใจกับลูกสาวของเธอมากไป จนเจ็บไข้ได้ป่วยตั้งแต่เข้าหอคืนแรก
“หายแล้วค่ะแม่ดา”
อ่อนหวานนุ่มนิ่มตามสไตล์เธอที่ทั้งพ่อและแม่สามีที่เห็นมาตั้งแต่เด็กนั้นได้ยินจนชินหูแล้ว
“ดีแล้วลูก ถ้าพี่ปรินซ์เค้าเอาแต่ใจตัวเองมากนักต้องรีบบอกพ่อกับแม่นะ เราเป็นเมีย ไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่ต้องไปหลับหูหลับตาตามใจเขาไปทุกเรื่องก็ได้”
“ก็เพราะเป็นเมียไงครับแม่ ผมถึงเอาแต่ใจแบบนี้ ถ้าเป็นหุ่นยนต์ใครจะไปมีอารมณ์เอาแต่ใจด้วย”
“เดี๋ยวเถอะตาปรินซ์ น้องอายใหญ่แล้ว น้องไม่ใช่คนหน้าด้านๆ อย่างพวกแกนะ ต่อไปนี้จะพูดจะจาอะไรก็ระวังหน่อย”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะแม่ดา อีกหน่อยยาหยีก็ชินค่ะ”
เธอส่งยิ้มแห้งๆให้แม่สามี เพราะเกรงใจเหลือเกินหากคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้มาก่อนจะต้องมาเปลี่ยนแปลงตัวเองกันให้วุ่นวายเพราะแค่มีเธอเข้ามาอยู่ด้วย
“ดีแล้วครับ พี่จะพูดให้ได้ยินบ่อยๆ เดี๋ยวก็ชิน”
เสียงทุ้มกระซิบข้างหูเธอ ทำเอาภรรยามือใหม่หน้าแดงปลั่งเพราะรู้ความนัยของเขาดี
“เรื่องฮันนีมูนว่าไงลูก จะไปที่ไหนยังไง เตรียมหรือยัง ให้แม่หาให้ไหม”
“ผมให้คุณแพรจัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ ไปเกาะหลีเป๊ะซักอาทิตย์นึงครับ ออกเดินทางพรุ่งนี้เลย”
“แค่อาทิตย์เดียว พอหรอพี่ปรินซ์”
ปราณนต์เอ่ยแซว เพราะดูท่าทีว่าคนหลงเมียไม่น่าจะอิ่มกับระยะเวลาแค่นี้ เผลอๆพี่สะใภ้คนสวยของเขาไม่ได้โผล่หน้าออกมาเห็นโลกภายนอกแน่นอน
“ไม่อยากทิ้งงานไปนาน เดี๋ยวไอ้ปัถย์มันด่าเอา”
“โถ่ ไปเถอะครับ ไม่ต้องห่วงผม อยากหยุดงานนานแค่ไหนก็ได้ ขอแค่เอาหลานคนแรกกลับมาฝากก็พอ”
เสียงครึกครื้นเฮฮาของหนุ่มๆดังขึ้น สะใภ้คนใหม่ก็ก้มหน้าด้วยความเขินอายเหมือนเดิม
หลังจากมื้อเย็น หนุ่มๆก็ไปรวมตัวกันในห้องพักผ่อนสำหรับพวกเขา ที่ภายในมีห้องคาราโอเกะพร้อมโซฟายาวรูปตัวยูจนสุดผนัง ถัดออกมามีเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มนานาชนิดที่มีเก้าอี้ทรงสูงตั้งไว้หน้าบาร์หลายตัว และตรงกลางห้องมีโต๊ะพูลขนาดใหญ่ ห้องนี้จึงเป็นห้องสำหรับการสังสรรค์ของหนุ่มๆโดยแท้
สามหนุ่มนั่งเรียงกันที่เก้าอี้หน้าบาร์ โดยที่ปราณต์เจ้าของผับและกาสิโนหรูในประเทศลาวรับหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์ชงเครื่องดื่มที่ทุกคนชอบแจกจ่ายให้หลายแก้วแล้ว
“เป็นไงบ้างครับพี่ปรินซ์ แต่งงานแล้วรู้สึกยังไง”
ปุณณัตถ์ ดาราหนุ่มหล่อ น้องชายคนสุดท้องที่แสนเจ้าชู้และกะล่อนที่สุดในบรรดาพี่ๆ เอ่ยเปิดประเด็น
“ทำไม ถามไว้เป็นข้อมูลเผื่อโดนแม่บังคับแต่งคนต่อไปหรอ”
พี่ชายคนโตเอ่ยแซวน้องคนเล็ก ด้วยรู้ว่าคนลื่นเป็นปลาไหลอย่างเขาไม่มีทางยอมเพลี่ยงพล้ำให้แม่จับแต่งงานได้แน่ๆ
“แหม พี่ก็พูดไป อย่างเราๆนะหรือที่แม่จะมาบังคับได้ ถ้าเราไม่เต็มใจเอง จริงไหมครับ”
แสบเล็กยักคิ้วข้างหนึ่ง ส่งสายตารู้ทันไปให้พี่ชาย ถ้าเป็นปกติก็คงโดนเขกกะโหลกหรือไล่เตะก้นไปแล้ว
“ไม่รู้โว้ย”
คนโดนรู้ทันแสร้งโวยวายเสียงดังตัดรำคาญ
“ตอบมาซะดีๆ แต่งงานกับน้องยาหยีเป็นยังไงบ้าง”
แสบเล็กยังคงไม่ยอมแพ้ ยังไงก็ต้องรีดความลับของพี่ชายคนโตออกมาให้ได้ เขาคงไม่มีเวลากลับมาบ้านอีกนาน เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้ไปก็งานรัดตัวแทบทุกวันแล้ว
“เออ ก็เฉยๆ ไม่เห็นจะรู้สึกอะไร ก็แค่มีอีกคนมาแชร์เตียง แชร์พื้นที่ในห้อง แล้วก็มีอะไรกันโดยไม่ต้องใส่ถุงยางมั้ง”
คนหื่นตอบออกไปแบบส่งๆ ไม่ได้จริงจังอะไรนัก ตามประสาหนุ่มๆ
“อะไรครับ แค่นี้เองหรอ น้องไม่มีอะไรให้พี่ประทับใจบ้างเลยหรอ”
ดาราหนุ่มรู้สึกผิดหวังที่ง้างปากเอาความจริงในใจของพี่ชายออกมาไม่ได้
“ก็บอกว่าเฉยๆไง”
“หึ นี่ขนาดเฉยๆ คืนแรกพี่ยังเล่นน้องซะอักเสบจนเป็นไข้เลยนะครับ ติดใจอะไรน้องเขาหนักหนา”
ปราณนต์ เจ้าพ่องานสีเทา ที่ชีวิตคลุกคลีอยู่กับสุรานารีที่สุดในกลุ่มพี่น้อง เอ่ยแซวได้ตรงใจของทุกคน
“อะไร ก็ปกติป่าววะ ปกติพี่ก็กินครั้งเดียวไม่เคยอิ่มอยู่แล้ว มันเลยออกจะหนักหน่อยสำหรับคนไม่เคย ก็แค่นั้น”
ใบหน้าหล่อเหลาของคนเคยหน้าด้านหน้าทนแดงปลั่งจนถึงใบหู จะว่าเขินนิดหน่อยก็คงใช่ เขาเขินที่ถูกน้องๆ จับความรู้สึกได้ แต่ก็พยายามแถออกไป ไม่กล้ายอมรับความจริงให้ต้องเสียฟอร์ม
“ห๊ะ น้องยังไม่เคยหรอ”
ดาราหนุ่มตกใจตะโกนลั่น
“ไอ้โปรด ตกใจอะไรวะ”
พี่ใหญ่พูดออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย คล้ายคนไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร ทั้งๆ ที่ใจจริงก็โคตรตื่นเต้นและภูมิใจ ที่ได้เป็นคนแรกของเธอ
“สวยขนาดนั้น แค่ไม่คิดว่าจะไม่เคยมีแฟน”
“มีไม่มีอันนั้นก็ไม่รู้”
พูดจบก็กระดกเครื่องดื่มของตนจดหมดแก้ว
“ปกติพี่ชอบแบบเซ็กซี่ร้อนแรงรู้งานไม่ใช่หรอ แล้วแบบนี้เมื่อคืนพี่ไม่รำคาญน้องแย่หรอเนี่ย”
ปราณนต์เอ่ยถามออกมาอย่างสงสัยเต็มที
“ไม่นะ ก็น่ารักดี เงอะๆงะๆ อีกอย่าง เมียและแม่ของลูก ไม่จำเป็นต้องอยากได้คนมีประสบการณ์โชกโชนโว้ย เดี๋ยวที่เหลือผัวมีหน้าที่สอนเอง”
ใบหน้าหล่อเหลาแสดงความภาคภูมิใจออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง คนหลงเมีย ก็คือคนหลงเมียวันยังค่ำ เมียเด็กเสียด้วย
“อืมมมม แบบนี้สินะ คงสอนทั้งคืนจนน้องจับไข้ สงสารพี่สะใภ้ผมจริงๆ โชคร้ายโดนคนที่หื่นกามเอาดุเปิดซิง ไม่ทะนุถนอมเธอเลยสินะ”
ปรมัตถ์ ส่ายหน้าหน่อยๆ อย่างระอาใจ จริงๆ เรื่องนี้ก็พูดยาก ใช่ว่าเขาเองจะไม่เคยเป็นแบบพี่ชาย ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นหนุ่มน้อยร้อนรัก เคยทำให้คนรักสาวจับไข้เพราะความหื่นกระหายของเขามาก่อนเหมือนกัน
“บ้านเอ็งสิ ก็ปกติป่าววะ ต่อไปเดี๋ยวก็ชิน”
คนตัวโตหน้ามึนไม่ยอมรับความผิด ว่าตัวเองหื่นกระหายและคลั่งรักเมีย
“แล้วน้องเป็นยังไง น่ารักไหม เท่าที่ดูน้องดูเรียบร้อยขี้อาย เหมือนที่แม่กับพ่อบอกเลย”
ปรมัตถ์เอ่ยถามถึงนิสัยใจคอของพี่สะใภ้คนสวยอีกครั้ง เพราะเท่าที่ดูๆ เธอก็น่ารักมากๆเลย
“อืม ก็ตามนั้น ขี้อาย เรียบร้อย พูดน้อย เสียงหวาน”
คนอวดเมียยักคิ้วข้างเดียว เอ่ยอวดสรรพคุณของล้ำค่าที่แม่หามาให้ ก่อนมองเห็นนัยน์ตาหวานเยิ้มของน้องๆ ทั้งสาม รวมทั้งรอยยิ้มมีเลศนัยนั้น ตามประสาผู้ชายหื่นห่ามย่อมมองกันออก
“หยุดเลยนะพวกเอ็ง อย่ามาทำตาหวานจินตนาการถึงเมียข้า เดี๋ยวโดนเตะรายตัว”
พี่ใหญ่ยกนิ้วชี้ ชี้หน้าน้องชายรายคน เอ่ยคาดโทษว่าห้ามมาคิดมิดีมิร้ายกับเมียเด็กเนื้อหวานของตนเอง
“โถ่ ขี้งก อิจฉาคนมีเมียโว้ย”
ปรมัตถ์ คนเคยคลั่งรัก ร้องโอดครวญ เขารู้ว่าความรู้สึกของพี่ชายเป็นอย่างไร มันรู้สึกดีแค่ไหน เพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยผ่านมันมาหมดแล้ว ถึงแม้ตอนนี้จะเหลือเพียงความรวดร้าวและเจ็บแค้นแน่นในอกก็ตาม
“เอาไหมล่ะ เดี๋ยวบอกแม่ให้”
คนรู้ใจกันดีเอ่ยกระเซ้า เพราะก็ไม่อยากให้น้องชายจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ทรมานในอดีตเหมือนกัน
“อย่าเลยครับพี่ ผมขอหาเองดีกว่า ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ไว้ใจยาก เจอดีแบบพี่ก็โชคดีไป ขนาดเราคิดว่าเราหาดีแล้ว บางทีเรายังแทบไม่รู้จักตัวตนจริงๆ ของเขาเลยด้วยซ้ำ”
ดวงตาคมไหววูบเศร้าหมองลงชั่วพริบตาหนึ่ง แต่คนที่คลานตามกันมาแถมยังสนิทกันขนาดนี้ย่อมดูกันออก
“เห้ย เรื่องมันนานหลายปีแล้วนะโว้ยปัถย์ แกลืมผู้หญิงคนนั้นไปเถอะ มันไม่มีประโยชน์กับชีวิต ป่านนี้เธอคงมีลูกมีผัวใหม่ไปแล้ว”
พี่ชายคนโตของบ้านตบบ่าน้องรัก ก่อนเอ่ยให้สติ เพราะมันเนิ่นนานเกินไปแล้วที่น้องชายของเขายังเดินวนอยู่ที่เดิม ยังคงย่ำอยู่กับอดีตไม่ได้ก้าวออกไปไหน
“นั่นสิพี่ปัถย์ ทุกวันนี้พี่ก็มีอิสระจะตาย อยากฟันสาวที่ไหนก็ได้ตามสบาย ชีวิตที่ไม่มีห่วงผูกคอแบบนี้ดีออก อย่าไปเดินตามรอยพี่ปรินซ์เลยครับ”
ไอ้ตัวแสบเอ่ยให้กำลังใจพี่ ก่อนแว้งมาจิกกัดพี่ชายคนโตอีกหน
“ก็ไม่ได้อยากหาห่วงสักหน่อยโว้ย แต่มันมาเอง ให้ทำไงวะ”
แล้วสี่หนุ่มก็หัวเราะกันครื้นเครงสนุกสนาน เท่าที่ได้ฟังคำพูดจากพี่ชายคนโต สามหนุ่มฟันธงเลยว่า ท่านประธานหนุ่มจอมเผด็จการ ได้ตกหลุมเสน่ห์ของเมียจำเป็นที่แม่หามาให้เรียบร้อยแล้ว