ลูกชายอยู่กับแม่เลี้ยง คือเมียใหม่ของพ่อแกด้วย เมื่อใจอยากจะตัดขาด สิดาวัน ก็เลือกที่จะตัดทุกอย่าง ทิ้งเสียเดี๋ยวนั้นเลย
เงารักและอาลัยอาวรณ์แทบไม่หลงเหลือในใจของหล่อน กำลังใจของหล่อนดี มาจากน้องชายและคนรอบข้าง รวมทั้งเพื่อนร่วม
งาน พสวีกลับไปแล้ว หล่อนเอาลูกชายวางใส่บนเปลแล้วไกวไปมาและกล่อมแกจนหลับ แค่นี้หล่อนก็มีความสุขกับลูก
พสวีเลือกที่จะใช้เส้นทางด่วนวงแหวนบางปะอิน-ประเวศ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่พัก พักอยู่ที่อพาร์ทเม้นแห่งนี้คนเดียว หนึ่งเพราะอยู่ใกล้กับบริษัท สะดวกในการเดินทาง รวมทั้งอาหารการกิน
เขามีหม้อหุงข้าวใบเล็กอยู่ใบหนึ่ง ส่วนมากจะหุงข้าวทิ้งไว้
ส่วนกับข้าวมักจะซื้อสำเร็จรูปในตลาด หรือใกล้ปากซอยกับเจ้าประจำ ชีวิตมนุษย์เงินเดือนก็มักเป็นอย่างนี้ จนเขาชินเสียแล้ว
เข้าไปอาบน้ำ เพื่อเตรียมหลับนอนเสียที ส่วนรถนั้น เขาก็จอดเก็บในช่องประจำของเขา ฝากให้พนักงานรักษาความปลอดภัยดูแลเช่นเคย
เช้ารุ่งขึ้นพสวีรีบอาบน้ำแต่งกายไปที่บริษัท ซึ่งใช้เวลาเดินทางสิบห้านาที เพราะอยู่ในซอยลึก แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะเขาเกิดความเคยชินแล้ว พสวีทำงานเป็นพนักงานบัญชีคนหนึ่งของบริษัท
ที่มีต่างชาติเป็นเจ้าของ ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน ชายหนุ่มมาถึงที่ทำงานเจ็ดโมงครึ่ง เดินเข้าไปสแกนนิ้วด้วยรหัสหมายเลขประจำ แทนการตอกบัตรอย่างเมื่อก่อน
อุรนาทเพื่อนรักของเขาที่ทำงานอยู่แผนกเดียวกันเอ่ยทัก
“เฮ้ย พส หน้าตาสะโหลสะเหลมาเลยว่ะ เมื่อคืนหลับดึกหรือไง”
เขาส่งยิ้มให้เพื่อน เมื่อเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานประจำ ก่อนจะทรุดกายนั่ง วางกระเป๋าหนังสีน้ำตาลที่สะพายติดมา ภายในนั้นมีเพียงแค่บัตรประชาชนกระเป๋าสตางค์ที่เขาพกติดตัวไม่เกินสามร้อยต่อวัน เงินจำนวนนี้ไม่เคยใช้หมด แต่เอาเผื่อฉุกเฉินเพราะจำเป็นต้องใช้เท่านั้นเอง
งานที่รับผิดชอบของพสวี คือรับเอกสารจากหัวหน้าฝ่ายบัญชีอาวุโสของบริษัท หรือตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบัญชี ส่งงานที่วางตั้งบนตะแกรงสีขาว ที่วางอยู่ใกล้กับเครื่องปริ๊นต์และส่งแฟกซ์ของบริษัท
ซึ่งเอกสารในทุกวันนี้ค่อนข้างเยอะ เพราะบริษัทแห่งนี้มีกิจการด้านโลจิสติกส์เป็นบริษัทในเครือ ที่ทั้งนำเข้าและส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคด้วย การทำงานของเขาค่อนข้างหนักและเหนื่อย แต่บางครั้งก็สบาย เป็นอย่างนี้คละกัน เพราะการทำงานนั้น ใช่ว่าจะสะดวกสบายเสียทุกเรื่อง
อุรนาทหรือนาท เพื่อนของเขาคนนี้มีแฟนแล้ว ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเช่นกัน แต่อยู่ฝ่ายจัดซื้อจัดจ้างอ**บริษัทแห่งหนึ่งแถวถนนอ่อนนุชประเวศ ซึ่งไม่ไกลจากนี้นัก ส่วนเขากับเพื่อน ทำงานอยู่ในเส้น อุดมสุขหนองบอน
บริษัทตั้งลึกเข้าไปในซอยของเฉลิมพระเกียรติ ถือว่าเยื้องๆจากสวนหลวงร.เก้า
ทุกวันอุรนาทขับรถมอเตอร์ไซค์เทียวรับและส่งแฟนสาวก่อนมาทำงาน ขากลับช่วงเย็นก็ไปรับกลับด้วยกัน และพักอยู่ใกล้กัน เป็นที่น่าอิจฉาของเพื่อนฝูง ยังแซวพสวีเลยว่า
“เฮ้ยพสเมื่อไหร่จะหาแฟนซักคนวะ”
เพราะเห็นว่าหน้าตาของพสวีหาใช่ขี้ริ้วขี้เหร่สักนิด แต่เขามีใบหน้าที่คมคายดูเกลี้ยง เหมือนคนที่รักษาสุขภาพดูแลตัวเองเป็นอย่างดี รวมทั้งใส่ใจ ออกกำลังกาย ยกดับเบล วิดพื้น หรือว่าเล่นกีฬาประเภทห้อยโหน ประเภทบาร์คู่ ที่ด้านหลังอพาร์ทเม้น มีให้บริการฟรี สำหรับคนเช่า เพื่อให้คนเช่า มีสุขภาพและพลานามัยแข็งแรง
เมื่อเพื่อนถามคำนี้ พสวีมักจะเลี่ยงตอบทุกครั้ง
“ยังหรอกว่ะ ใครว่าความรักที่แท้จริงหาง่าย ฉันไม่ได้หาผู้หญิงชั่วคราว.. ถ้าถึงคราวนั้น ก็ต้องการผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูก”
พสวีตอบเพื่อนราบเรียบ
อุรนาทหันมายิ้มให้ เห็นคำพูดและฝีปากคมของเพื่อนสนิท ถูกต้อง เขาเองก็สนับสนุน ผู้ชายทั้งที ต้องหาสิ่งของดีๆให้กับตัวเอง เห็นท่าที่จริงจังของเพื่อนมากไป กลัวเขาจะซีเรียส
“ไม่ต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนั้นก็ได้ ฉันเข้าใจนาย”
อุรนาทพูด
“ขอบใจที่นายเข้าใจดี”
พสวียิ้มให้ และเขาเป็นคนคิดมากเหมือนกัน เวลานี้มีปัญหาคิดเยอะ พี่สาวนั้นเลิกขาดกับสามี ยังจะต้องรับลูกมาเลี้ยงอีก ไม่เข้าใจพี่สาว ที่ตัดสินใจแบบนี้ แต่บางอย่าง อาจจะเป็นสัญชาตญาณของความเป็นแม่
ส่วนปรไมยก็ตัดทิ้งไป เขาไม่อยากจะนึกถึง อดีตพี่เขยเฮงซวย
“นายมีเรื่องเครียด ไม่สบายใจหรือไงวะ”
“เปล่าว่ะ”
ตอบทันทีแล้วพสวีเงียบไปครู่ เพราะไม่อยากให้เพื่อนไม่สบายใจตามด้วย
งานเริ่มเมื่อเวลาแปดโมงครึ่ง เขาเงยหน้าจากกองเอกสาร ที่เพิ่ง นำมาวางไว้บนโต๊ะ เอกสารวางบิลของบริษัทลูกค้าเมื่อวาน
นี้ สามสี่ชุดยังไม่เสร็จ แต่ทิ้งเอาไว้ก่อน เพราะวางบิลของบริษัท ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท สมทบเพิ่มให้แทนที่ปึกหนึ่ง
ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาทำงาน สายตาจับจ้องอยู่ที่จอคอมพิวเตอร์และคีย์ข้อมูลลงไป เข้าไปที่เวอร์ดออฟฟิศ ตรวจตราดูบัญชีให้เรียบร้อย เอกสารจากต้นขั้ว ป้องกันการผิดพลาดและความเสียหาย
พสวีทำงานด้วยความรับผิดชอบมาตลอด เขาไม่เคยละทิ้งงาน รวมทั้งมีความขยันขันแข็ง จนเป็นที่รักใคร่ของเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ชายหนุ่มแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเนื้อออกครีม
หนึ่งชั่วโมงต่อมาอุรนาท ซึ่งทำงานร่วมด้วยโต๊ะติดกัน สามารถพูดจาคุยกันได้ตามปกติ เรื่องสัพเพเหระต่างๆ เพื่อให้คลายเครียด และสนุกกับการทำงาน
อุรนาทก็มีเรื่องราวเกร็ดต่างๆมาเล่าให้ฟัง เช่นผลฟุตบอลเมื่อคืนนี้ หรือรายการตลกจากทางทีวี ละครบางเรื่อง ข่าวรายวัน ซึ่งพสวีเป็นฝ่ายฟังเพื่อนมากกว่า
เขาชอบฟังมากกว่าพูด แต่ก็ตอบกลับไปเหมือนกัน สิ่งไหนที่เขาทราบ และอุรนาทตอบกระซิบเสียงใส่หูของพสวีกลัวคนอื่นจะได้ยิน
“เฮ้ย เมื่อกี้ ฉันได้ยินข่าวใหม่ว่ะ ข่าวดีเสียด้วยว่ะ พส ว่าจะมีท่านประธานบริษัทคนใหม่ นัยว่าเป็นลูกสาวคนสวย ที่เป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นของ ท่านประธานคนก่อน ที่ท่านกำลังเกษียณตัวเองลง ให้ลูกสาวมาสืบทอดแทนว่ะ คนนี้นะโว้ย ฉันเคยเห็นหน้ามาแล้วครั้งหนึ่ง สวยมากเชียวนะโว้ย”
พสวีอึ้ง เมื่อเพื่อนพูดคำว่าสวย แต่จะสวยแค่ไหน ต้องผ่านสายตาของเขาก่อน
“ยังหรอก ไอ้นาท ฉันยังไม่คิดอะไรหรอก แกอย่ามาทำให้ฉันอาจเอื้อมตัวเองเลยว่ะ ฉันรู้ตัวเองดี แล้วอย่าคิดเชียร์ฉันเลยนะ หน้าตาก็ยังไม่เห็นสักนิด”
เขาอดบ่นใส่เพื่อนไม่ได้ แค่เบาๆเหมือนเอ็ด พอได้ยินกันสองคน
“เฮ้ย ไม่ลองไม่รู้ด้วยนะโว้ย”
เพื่อนแหย่ใส่เขาอีกรอบ