ร่างเย้ายวนในชุดเกาะอกสีแดงเพลิง ผมยาวถูกรวบเป็นหางม้าเปิดเปลือยลำคอระหง โชว์เนินอกอวบของวัยสาวที่เบียดกันจนชิดใบหน้าแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างสวยงาม เปิดประตูห้องนอนของตัวเองออกมาเมื่อถึงเวลานัดหมายกับเพื่อนรัก เธอปรายตามองประตูห้องที่ติดกันก็พบว่ามันปิดเงียบ จึงอมยิ้มอย่างผู้ชนะแล้วปิดงับประตูห้องนอนของตัวเองอย่างแผ่วเบาที่สุด
“หึ ไม่ทันฉันหรอก ไคเลอร์”
เท้าเล็กๆ ค่อยๆ ย่องลงมาอย่างเงียบเชียบที่สุด มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าแบรนด์เนมใบเล็กส่วนอีกข้างก็หิ้วรองเท้าส้นสูงสีแดงสดคู่ใหม่ล่าสุด ดวงตากลมโตสอดส่ายมองหาพ่อและพี่ชาย เมื่อไม่พบใครสักคนแม้แต่แม่บ้านเพราะเวลานี้ก็ดึกมากแล้ว เป็นเวลาที่ทุกคนต่างแยกย้ายกันเข้าห้องส่วนตัวเพื่อพักผ่อนกันหมด ก็ต้องยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะอีกครั้ง
ร่างเย้ายวนถอนหายใจอย่างโล่งอก รู้สึกกระดี๊กระด๊ามีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก นี่สินะ ความหอมหวานของอิสรภาพที่เธอรอคอยมานานแสนนาน
พลอยชมพูนั่งลงที่เก้าอี้ข้างประตูบ้านบานใหญ่เพื่อใส่รองเท้าส้นสูงปรี๊ด แล้วลุกขึ้นยืน เปิดประตูต้อนรับอิสรภาพด้วยใบหน้าที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้ม เรียวขาขาวก้าวเดินอย่างมั่นใจ กำลังจะเดินเลี้ยวไปทางขวาเพื่อตรงไปยังโรงจอดรถของบ้าน ก็ต้องชะงักค้างหยุดยืนอยู่กับที่ เมื่อมีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง
“เสร็จแล้วหรอครับ คุณพลอย”
ร่างงามค่อยๆ หันหลังกลับไปมองยังต้นเสียง ก็พบกับชายหนุ่มรูปหล่อร่างสูงใหญ่ ในชุดสูทสากลแบรนด์ดังพอดีตัวสีดำสนิททั้งตัวนอกตัวใน ยืนกอดอกพิงประตูบ้านของเธออยู่ในมุมมืดทำให้เธอมองเขาไม่เห็นตั้งแต่ทีแรก
ดวงตาคมกริบสีเทาเข้มจับจ้องมายังเธอตาไม่กะพริบด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มมีเคราขึ้นตามแนวสันกราม ยิ่งทำให้เขาดูดุดันมีเสน่ห์จนใจสาวเต้นแรง
“ไคล์..”
ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงสด เอ่ยออกไปได้แค่นั้น เพราะยังตกอยู่ในมนต์สะกดของดวงตาคมกริบสีเทาเข้ม และใบหน้าที่หล่อเหลาราวเทพเจ้าปั้นแต่งของเขาอยู่
“ครับ ผมเอง”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้น เรียกสติของเธอให้กลับคืนมาสู่ตัว จึงสูดหายใจแล้วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างถือดี ตามสไตล์คุณหนูพลอยชมพูที่จะมีใครมาทำอะไรขัดใจไม่ได้
“คุณมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้”
คุณหนูคนงามแห่งตระกูลคลาร์กสะบัดเสียงใส่อย่างไม่สบอารมณ์ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้ว ว่าเขามายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ แต่มันรู้สึกขัดใจจนต้องขอระบายอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ และเผื่อว่าความเอาแต่ใจของตัวเองจะทำให้เขาเบื่อหน่ายและรีบลาออกไปทำอย่างอื่น เธอจะได้ใช้ข้ออ้างขอไม่มีบอดี้การ์ดกับพ่อและพี่ชายอีกครั้ง
“ก็มายืนรอคุณไง คุณจะไปเที่ยวไม่ใช่หรือ”
บอดี้การ์ดหนุ่มลดแขนลงจากการกอดอก แล้วยืดตัวยืนเต็มความสูง ดวงตาคมกริบกวาดมองร่างเย้ายวนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า หัวคิ้วเข้มๆ ก็ต้องขมวดมุ่นแทบจะชนกันอยู่รอมร่อด้วยความไม่พอใจในเสื้อผ้าที่โชว์เนื้อหนังของเธอขนาดนี้
“อืม ใช่ ไปสิ”
เธอหมุนตัวอย่างรวดเร็วจนผมที่มัดเป็นหางม้าสะบัดแทบจะโดนใบหน้าหล่อเหลาของเขา แล้วก้าวเดินออกไปทันที ใบหน้าสวยงอง้ำราวเด็กถูกขัดใจก็ไม่ปาน
“เดี๋ยวครับคุณพลอย คุณจะไปเที่ยวกลางคืนด้วยชุดนี้หรอ”
ร่างงามหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง คราวนี้เธอก้าวเท้าเดินไปหาเขา ยกแขนขึ้นมากอดอก จ้องมองตาเขาเขม็ง แล้วเอียงคอเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยประโยคเด็ดถามเขาออกไป
“ทำไม ไม่สวยหรอ”
คนตัวโตกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ขบกรามเล็กน้อย แล้วตอบเธอกลับไป
“สวย แต่มันไม่โป๊ไปหรอกหรือครับ ไปสถานที่แบบนั้น แต่งตัวแบบนี้มันอันตราย”
“ทำอย่างกับไม่เคยเห็นผู้หญิงแต่งตัวแบบนี้ แล้วอีกอย่าง ฉันจะมีคุณไว้ทำอะไร ถ้าฉันจะออกไปเที่ยวแล้วมีอันตราย”
ไอ้เรื่องอันตรายต่อร่างกายของเธอ เขาไม่กลัวหรอก คนอย่างเขามั่นใจในฝีมือมากพอ ว่าเขาสามารถปกป้องเธอได้ แต่ความปลอดภัยจากสายตาโลมเลียของเหล่านักเที่ยวผู้หิวกระหาย เขาจะปกป้องเธอได้อย่างไร ถึงแม้ไอ้พวกนั้นจะทำได้แค่มอง เอาอะไรไปจากเธอไม่ได้ แต่เขาก็ไม่อยากให้ใครหน้าไหน ได้เห็นเรือนร่างสวยงาม และผิวพรรณขาวผ่องนวลเนียนของเธอทั้งนั้น
“ผมหมายถึง เรือนร่างของคุณจะถูกผู้ชายกลัดมันมองอย่างแทะโลมและเอาคุณไปจินตนาการต่อถึงไหนๆ คุณโตแล้ว ผมพูดแบบนี้คุณน่าจะเข้าใจนะครับ”
“เข้าใจ และใช่ ฉันโตแล้ว จะแต่งตัวแบบไหนก็ได้ ตราบใดที่ฉันยังไม่แก้ผ้าออกจากบ้าน ไม่ต้องมาวุ่นวายกับเรื่องการแต่งตัวของฉันอีกคนหรอก”
อีกคน อย่างนั้นหรือ แปลว่าเธอก็คงเคยโดนพ่อและพี่ชายทั้งสองบ่นมาแล้วในเรื่องนี้ แต่สุดท้าย เด็กดื้อก็ยังคงเป็นเด็กดื้ออยู่วันยังค่ำสินะ
“หึ ดื้อเหมือนเดิมเลยนะครับ”
คนตัวบางหน้างอง้ำยิ่งกว่าเดิม เชิดหน้าขึ้นแล้วหมุนตัวเดินตรงดิ่งไปที่รถยนต์คันหรูของตัวเองอย่างรวดเร็ว จนคนตัวโตที่มาทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้เธอต้องส่ายหน้าน้อยๆ ระอาในความดื้อของเธอ ที่แม้จะผ่านมากี่ปี ก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่มีผิด
พลอยชมพูมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำอยู่ตรงหน้า แล้วลดสายตามองยังข้อมือของตัวเองที่มีมือใหญ่ของเขากุมอยู่ เขาพาเธอเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาในผับหรู เหมือนกับบอดี้การ์ดทุกคนของเธอ แต่ที่แตกต่างคือ ไม่เคยมีใครกล้าถูกเนื้อต้องตัวเธอเหมือนอย่างที่เขาทำอยู่ตอนนี้เลย
ไม่รู้ว่าเพราะจังหวะดนตรีที่เร้าใจหรือเพราะอะไร ทำไมหัวใจของเธอมันถึงเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนแท้ๆ
ไม่นาน เขาก็พาเธอฝ่าฝูงชนมาจนถึงโต๊ะที่เพื่อนสนิทของเธอทั้งสองคนนั่งอยู่
“ไฮ ริชชี่ ซาร่า รอนานไหม”
สามสาวตรงเข้ากอดกันเหมือนกับไม่ได้พบกันมานาน ทั้งๆ ที่พวกเธอวิดีโอคอลคุยกันแทบทุกวัน
“ไม่นาน พวกฉันก็เพิ่งมาถึงนี่แหละ วันนี้ควงหนุ่มหล่อคนใหม่มาอีกแล้วหรอจ๊ะ”
ริชชี่เอ่ยแซวเพื่อนรัก เพราะพลอยชมพูแทบจะเปลี่ยนบอดี้การ์ดทุกครั้งที่พวกเธอนัดกันมาเที่ยว เรียกได้ว่า คนที่มารักษาความปลอดภัยให้คุณหนูตระกูลคลาร์กผู้นี้ แทบไม่ซ้ำหน้าเลยทีเดียว
“อือ เขี่ยทิ้งไม่หมดซะที”
“ยาก บอกเลย นี่แกจะไม่แนะนำให้พวกฉันรู้จักหนุ่มหล่อคนนี้หน่อยเหรอ”
ซาร่าที่เพิ่งจะกลายเป็นสาวโสดได้ไม่นาน มองบอดี้การ์ดของเพื่อนรักตาเป็นมัน เพราะผู้ชายคนนี้ ตรงเสปคของเธอสุดๆ
“ออ ไคล์ นี่ซาร่า กับริชชี่ เพื่อนรักของฉันเอง ส่วนนี่ไคเลอร์ ผู้คุมวิญญาณคนใหม่ของฉัน”
สองสาวหัวเราะร่วนกับคำเปรียบเปรยของเพื่อนรัก ก่อนจะหันไปจับมือทักทายกับหนุ่มหล่อ ที่ต้องบอกว่าหล่อมาก ออร่ากระจาย จนสามารถเป็นดาราได้เลยทีเดียว
“คุณไคเลอร์มาทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้ยัยพลอย ต้องตัวติดกันตลอดเวลาแบบนี้ แฟนคุณไม่ว่าเอาหรอคะ”
ซาร่า สาวเซ็กซี่ที่เพิ่งเลิกกับแฟนหมาดๆ เอ่ยถามบอดี้การ์ดรูปหล่อพร้อมจ้องมองเขาด้วยแววตายั่วยวน ซึ่งเขาก็เข้าใจในสารที่เธอสื่อออกมาเป็นอย่างดี
“ผมไม่มีใครครับ”
เขาไม่ได้โกหก เพราะตอนนี้เขาไม่ได้มีใครจริงๆ เพราะการที่เขาเลือกที่จะกลับมาทำงานกับเจ้านายผู้มีพระคุณของพ่อที่มีบุญคุณท่วมหัวเขาและครอบครัว คนรักที่คบกันมานานหลายปีก็เลยตัดสินใจทิ้งเขาไปคบกับคนที่สามารถบันดาลชีวิตสุขสบายในแบบที่เธอต้องการ
“เชื่อได้หรอคะ คุณทั้งหล่อทั้งเท่แบบนี้”
“ผมไม่มีเวลาให้ใครอีกแล้ว นอกจากคุณพลอย ไม่มีใครทนอยู่กับคนที่ไม่มีแม้เวลาเป็นของตัวเองได้หรอกครับ”
พลอยชมพูเงยหน้าจากแก้วเครื่องดื่มสีสวยของตัวเอง เพื่อมองหน้าเขาทันทีที่ได้ยินประโยคนั้นจากปากของเขา
“ไม่แน่หรอกนะคะ ยัยพลอยใช้ผู้ชายเปลืองจะตาย เดี๋ยวก็เปลี่ยนผู้ชายเป็นว่าเล่นอีกหรอกค่ะ”
ซาร่าเอ่ยออกมาเหมือนเป็นเรื่องขำ เพราะคำว่าใช้ผู้ชายเปลืองในความหมายของพวกเธอ ก็คือใช้บอดี้การ์ดเปลืองนั่นเอง แต่คนที่เพิ่งกลับมาเจอเธอไม่คิดแบบนั้นด้วย เพราะเขาคิดว่าคุณหนูผู้เอาแต่ใจที่แต่งตัวเปรี้ยวจนเข็ดฟัน และชอบปาร์ตี้สังสรรค์คนนี้ คงมีหนุ่มๆ เข้ามาเป็นตัวเลือกไม่น้อย เธออาจเปลี่ยนคู่ควงบ่อยๆ ตามนิสัยขี้เหวี่ยงขี้วีนของเธอก็ได้ และนั่นมันก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ก็คอยดูกันต่อไปครับ ว่าใครจะทนใครไม่ได้ก่อนกัน”
“เอาแล้วยัยพลอย แกเจอของแข็งเข้าให้แล้ว”
ริชชี่กระซิบที่ใบหูของเพื่อนรัก ส่วนซาร่ายังคงมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เรื่องมากเรื่องผู้ชายอย่างเพื่อนรักทั้งสองคน แถมผู้ชายคนนี้ยังตรงสเปคทุกอย่าง จะเป็นยังไงนะถ้าเธอจะขอเวลานอก พาบอดี้การ์ดของเพื่อนรักไปโยกขย่มกันในรถของเธอสักครึ่งชั่วโมง