สามปีต่อมา
“เหล้า เหล้าอยู่ไหนวะ ไปเอาเหล้ามาหน่อยสิโว้ย เฮ้ย! มีใครอยู่แถวนี้บ้าง ไปเอาเหล้ามาให้ฉันที”
เสียงเอะอะโวยวายของอูโก้ กัลเซลโลชายหนุ่มอิตาเลี่ยนแท้ รูปกายบึกบึนสมชายชาตรี เจ้าของใบหน้าหล่อคมคาย ดวงตาสีฟ้าของเขาเป็นเสน่ห์ที่สาวๆ หลายรายหลงใหล ต่างพากันทอดสะพานให้เขา แต่ทว่าชายหนุ่มหาได้สนใจสตรีคนไหน หัวใจของเขามีเพียงกานต์วิภา สาวชาวไทยที่รักปานดวงใจและเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่เขาจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เป็นแม่ของลูกในอนาคต
เหตุการณ์ที่ทำให้ความฝันและความหวังของเขาพังทลายลงมันกำลังย้อนกลับมาทิ่มแทงหัวใจของเขา เหตุการณ์นั้นก็คือ วันนี้เมื่อสองปีก่อนกานต์วิภานัดพบเขาตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ เธอนัดพบเขาเพื่อบอกเลิก วินาทีที่ได้ยินคำนั้น อูโก้รู้สึกว่า ฟ้าจะถล่มดินจะทลาย ความเสียใจ แปลกใจและตกใจแทรกเข้ามาอยู่ทุกอณูความรู้สึก
“เชอรี่ว่ายังไงนะ พูดใหม่อีกทีสิ” อูโก้ถามคนรักเสียงสั่น สมองมึนงง
“เชอรี่บอกว่า เราเลิกกันนะคะ” เธอเอ่ยตอบเสียงเรียบ แววตาว่างเปล่าไม่มีประกายความรักเบ่งบานในดวงตาเหมือนที่ผ่านมา
“ทำไม ผมทำอะไรผิด ทำไมเชอรี่ถึงบอกเลิกผม เรารักกันไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
อูโก้ถามสาวตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนเลยที่เขาและเธอจะทะเลาะกันไม่มีลางบอกเหตุใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงความเข้าใจซึ่งกันและกัน แล้วอยู่ๆ ความรักของเขาและเธอจะมาอับปางลงดื้อๆ ได้อย่างไร อูโก้ไม่เข้าใจ
“คุณไม่ผิดหรอกค่ะอูโก้ คุณไม่ผิดเลย คุณดีกับเชอรี่มาก ดูแลเชอรี่ดีทุกอย่าง ถ้าจะถามว่าใครผิด เชอรี่เองค่ะที่ผิด ผิดที่รักคนอื่น” กานต์วิภาตอบตามความจริงเพราะคิดว่าตนไม่มีอะไรต้องปิดบัง ในเมื่อไม่มีใจให้ก็ไม่ควรกล่าวอ้างเหตุผลใดๆ ให้เรื่องมันจบๆ ไปเสียดีกว่า
“รักคนอื่นอย่างนั้นเหรอ” อูโก้ทวนเสียงเบา ก่อนที่น้ำเสียงของเขาจะเข้มขึ้น หน้าตาขึงขังกับประโยคคำถามต่อมา “เชอรี่รักใคร รักตอนไหน รักตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณอย่ารู้เลยค่ะว่าเขาคนนั้นเป็นใคร รู้แค่ว่าหัวใจของเชอรี่ไม่มีคุณอีกต่อไปแล้ว” กานต์วิภาลุกขึ้นยืนเมื่อพูดประโยคนี้จบ “ลาก่อนนะคะอูโก้ ขอบคุณทุกสิ่งอย่างที่คุณทำให้เชอรี่ค่ะ”
กานต์วิภาเดินจากไปทันทีที่พูดจบ ทิ้งความเศร้า ความทุกข์ใจ ความเสียใจให้กับอูโก้อย่างท่วมท้น หัวใจของเขาบีบคั้นไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัส แต่ทว่าเขาก็ควบคุมน้ำตาไม่ให้ไหลริน แม้ว่าหัวใจดวงนี้จะเจ็บร้าวระบมลึกมากแค่ไหนก็ตาม
อูโก้รักหญิงสาวที่เดินจากไปมาก มากเกินกว่าจะเผื่อใจกับเหตุการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น และนับตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผู้ชายรูปงามที่ชื่อ อูโก้ กัลเซลโลก็เปลี่ยนไป
และวันนี้วันครบรอบสองปีที่กานต์วิภาบอกเลิก จึงเป็นวันที่ความเจ็บปวดแต่หนหลังหวนคืนกลับมา สุราจึงเป็นทางเดียวที่เยียวยาหัวใจของอูโก้ เขาจึงดื่มและดื่มให้ผ่านพ้นวันแห่งความทรงจำอันเจ็บปวด
“เซียนนาเสียงใครเอะอะ” ลอร่าสาวใช้ประจำบ้านกัลเซลโลที่วิ่งกระหืดกระหอบจากหลังบ้านเข้ามาในบ้านรีบเอ่ยถามเพื่อน
“จะมีใครล่ะก็คุณอูโก้น่ะสิ ร้องหาเหล้าอีกแล้ว ขวดที่สองแล้วนะ”เซียนนาบ่นขณะที่หยิบขวดวิสกี้ออกจากตู้โชว์
“เฮ้อ! โลกนี้มันเป็นอะไรกันนะ แทนที่คนหล่อๆ รวยๆ จะหักอกสาวๆ แต่กลายเป็นว่าถูกสาวหักอก ไม่ได้หักธรรมดาด้วยหักแบบยับเยิน แถมเป็นการอกหักที่คุณอูโก้ไม่ลืมเสียที ผ่านมาหลายปีก็ยังเจ็บเหมือนเดิม”
ลอร่าเห็นสภาพของเจ้านายหนุ่มแล้วอดที่จะสงสารไม่ได้ เวลาสองปีที่อูโก้เลิกกับกานต์วิภา น่าจะเป็นระยะเวลาที่จะทำให้เขาลืมคนรักเก่าได้ แต่ไม่เลย มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนในบ้านหลังนี้จำได้ดีว่า วันนี้เมื่อสองปีก่อนอูโก้มีสภาพเช่นไร ร่างกายของเขามีแต่กลิ่นสุรา รำพันเพ้อถึงแต่กานต์วิภา กว่าจะกลับมาเป็นอูโก้คนเดิมก็ต้องใช้เวลาร่วมสัปดาห์ พอวันอกหักหวนคืนมาเป็นปีที่สองอูโก้ก็มีอาการดังกล่าวอีก ดื่มแต่สุราอ เขาดื่ม ดื่มและดื่มราวกับว่าไม่กลัวกระเพาะจะพัง
“ความรักก็อย่างนี้แหละ มีสุขก็ต้องมีทุกข์ ฉันถึงอยากอยู่เป็นโสดไง ไม่มีทุกข์มีแต่ความสุข”
“เออ มันก็จริงของแก” ลอร่าเห็นด้วยกับเพื่อน “ฉันว่าแกเอาเหล้าไปให้คุณอูโก้ก่อนดีกว่านะ ฟังสิคุณอูโก้ร้องโหวกเหวกหาเหล้าลั่นบ้านเลย ถ้าแกเอาเหล้าไปให้คุณอูโก้ช้า งานนี้แกทุกข์แน่ ทุกข์เพราะต้องหางานใหม่”
เสียงของอูโก้ยังร้องตะโกนหาสุราดังลั่นบ้าน ทำให้เซียนนาต้องรีบนำเครื่องดื่มที่เจ้านายขี้เมาต้องการไปให้ไม่เช่นนั้นอาจโดนไล่ออกไม่รู้ตัว
“คุณอูโก้คะ วิสกี้มาแล้วค่ะ” เซียนนาเดินเข้ามาในห้องนอนของเจ้านายหนุ่มในส่วนห้องด้านนอก เธอวางขวดวิสกี้ลงบนโต๊ะกระจก
“ไปเอามาอีกหลายๆ ขวด ฉันขี้เกียจเรียก ไป ไปเอามา” อูโก้พูดเสียงยานคาง คว้าขวดวิสกี้มาเปิดปากขวดออกก่อนจะกระดกดื่มราวกับว่าสิ่งที่ตนกำลังดื่มนั้นคือน้ำ “ไปสิ ยืนบื้ออยู่ได้”
“ค่ะ ค่ะ เซียนนาจะไปเอามาเพิ่มให้นะคะ” เซียนนารีบเดินแกมวิ่งออกไปจากห้องนอนส่วนตัวของเจ้านายทันที ไม่รอให้อูโก้สั่งซ้ำอีกรอบ
“โอ๊ยๆๆๆ อยากจะบ้า” เซียนนาบ่นเสียงดังเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่าง ทำให้สตรีสาวสวยร่างงามที่กำลังเดินเข้ามาในห้องรับแขกได้ยินพอดี
“บ่นอะไรเซียนนา” นันท์นภัสเอ่ยถามสาวใช้
“ก็อะไรเสียอีกล่ะคะคุณแคท ก็คุณอูโก้น่ะสิคะ เมาอาละวาดขอเหล้าเพิ่มอีกหลายๆ ขวด ทำอย่างกับว่าตัวเองดื่มน้ำอย่างนั้นแหละ สงสัยจะกินย้อมใจในวันอกหัก” เซียนนาตอบ สีหน้าของนันท์นภัสเป็นกังวลทันที
“ดื่มแต่หัววันเลยเนี่ยนะ” สาวชาวไทยถาม
“ใช่ค่ะ ดื่มตั้งแต่เที่ยงแล้วค่ะคุณแคท จนป่านนี้ยังไม่หยุดดื่มเลยก็เป็นเหมือนวันแรกที่อกหักนั่นแหละคะ เซียนนากลัวว่ากระเพาะคุณอูโก้จะพัง”
“ถ้าอย่างนั้นเซียนนาไม่ต้องเอาเหล้าขึ้นไปให้คุณอูโก้แล้วนะ ขืนเอาขึ้นไปมีหวังกระเพาะพังเหมือนกับที่เซียนนาพูดจริงๆ” นันท์นภัสรีบห้ามเซียนนาไม่ให้ทำตามคำสั่งคนกำลังเมา
“ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเซียนนาไม่เอาเหล้าไปให้คุณอูโก้ มีหวังโดนไล่ออกแน่ๆ”
เป็นครั้งแรกที่เซียนนาไม่กล้าทำตามคำสั่งของนันทนภัส หญิงสาวที่ถือว่าเป็นเจ้านายของเธอคนหนึ่ง แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะอยู่ในตำแหน่งคนดูแลส่วนตัวของมากาเร็ต มารดาของอูโก้ก็ตาม
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“จัดการ จัดการยังไงคะ” สาวใช้จอมขี้กลัวถามกลับ
“ก็เปลี่ยนจากเหล้าเป็นอาหารร้อนๆ ไง ดื่มแต่เหล้าอย่างนี้ไม่แค่กระเพราะจะพัง ฉันว่านะโรคตับแข็งถามหาด้วย”
เรื่องที่อูโก้ดื่มแต่สุรามากกว่าอาหารในยามที่ตนเองอกหักรักคุด ทุกคนในบ้านกัลเซลโลต่างรู้ดีทุกคน แม้กระทั่งซัคคาร์โด้กับมากาเร็ตบุพการีของอูโก้ก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน ทั้งสองเตือนเดินทางกลับมาอิตาลีทันทีที่ทราบเรื่องว่า ลูกชายสุดที่รักถูกผู้หญิงทิ้ง แล้วสภาพของคนอกหักก็เหมือนจะไม่เป็นผู้เป็นคน ทั้งคู่ปลุกปลอบหลายครั้ง แต่ทว่าความเสียใจของอูโก้ก็ไม่บรรเทาลง พึ่งแอลกอฮอล์หวังจะให้ลืมเรื่องเศร้าที่เกาะกินใจ แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่หมดไปจากจิตใจของเขาเสียที ทำเอาทุกคนที่หวังดีกับเขาต่างระอากันเป็นทิวแถว คงจะมีเพียงนันท์นภัสเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างเขายามนี้ กว่าที่อูโก้จะฟื้นตัวจากความเศร้าก็ปาเข้าไปหลายวัน แล้วเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้งในวันนี้
“เอาอย่างนั้นเหรอคะ” เซียนนาถามเพื่อความมั่นใจ
“อืม ตามนี้แหละ เซียนนาไปช่วยฉันทำซุปข้าวโพดดีกว่านะจะได้เสร็จก่อนที่คุณอูโก้จะอาละวาดอีกรอบ” สาวชาวไทยพูดจบก็เดินตรงไปยังห้องครัวพร้อมกับเซียนนา ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันทำซุปข้าวโพด
ราวยี่สิบนาทีต่อมานันท์นภัสก็เดินถือถาดอาหารที่มีชามซุปข้าวโพดร้อนๆ วางอยู่ เธอเคาะประตูห้องของอูโก้ก่อนจะใช้อีกมือหนึ่งหมุนลูกบิดประตูแล้วผลักมันเข้าไปในห้อง แล้วก้าวเดินเข้าไปด้านใน
“คุณอูโก้คะ...อ้าว”
เธอตั้งใจจะบอกให้เจ้าของห้องทานซุปข้าวโพดแทนการดื่มเครื่องดื่มทำลายสุขภาพ แต่พอมองเห็นอูโก้นั่งหลับคาโซฟา นันท์นภัสจึงเปลี่ยนความตั้งใจให้เขาทานอาหารชามนี้มาเป็นเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาแทนซึ่งมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอทำ
นันท์นภัสเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนพอดีหมาดน้ำ ก่อนจะมาทรุดกายนั่งลงบนโซฟาข้างร่างหนา ใช้ผ้าขนหนูที่อยู่ในมือเช็ดใบหน้าคมเข้มของเขา