“ท่าทางคนน้องนั่น จะชอบคุณหนูนะคะ” ว่าจบลอบมองเสี้ยวหน้าเด็กสาวแล้วบอกต่อ “แต่หวลว่า... คนพี่น่าสนใจกว่าแยะค่ะ นายธนากรมีอำนาจเต็มสองมือ บารมีก็มากที่สุดในไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุลด้วย”
ตาฉุยเดินกระเผลกเข้ามาปราม
"อย่าไปยุ่งกับพวกไร่นั้นเชียวนะครับคุณหนู"
ขวัญข้าวที่เงียบฟังอยู่นานเลิกคิ้ว ถามกลับทันที
"ทำไมหรือคะ"
"ก็...” นางหวลอ้าปากจะตอบแต่ตาฉุยส่งสายตาไม่ให้พูดออกมา เด็กสาวมองกิริยาของทั้งคู่แล้วค่อยผละไปสั่งงานตรงแถวท้ายไร่ต่อ ไม่มีทีท่าว่าอยากรู้เรื่องเท่าใดนัก นายฉุยที่รอจนเจ้านายตัวน้อยลับไปถึงหันมาดุนางหวล
"อย่าพูดไปเชียวนะนังหวลว่าพวกคนไร่นั้นเคยโกงคุณท่านจนหมดตัวน่ะ"
“ทำไมจะพูดไม่ได้วะ คุณหนูแกโตแล้วนะตาฉุย พูดให้รู้สิว่าเรื่องราวเป็นมาเป็นไปยังไง เผื่อว่าคุณหนูจะคิดหาหนทางเอาคืนพวกมันได้”
ตาฉุยส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับนางหวล แล้วแยกย้ายกันไปทำงานของตนเอง
เด็กสาวอย่างขวัญข้าวไม่ต้องได้ยิน เธอก็รับรู้มาโดยตลอดถึงเรื่องพวกนั้น มือเล็กถูกกำจนแน่นด้วยความรู้สึกขุ่นแค้นในใจที่มีมากยิ่งขึ้นทุกขณะ เมื่อเดินแยกออกไปอีกทาง
เธอรู้เรื่องที่บิดาถูกพวกไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุลโกง ได้ยินครั้งแรกเมื่อตอนที่ช่วยงานในไร่ใหม่ๆ ไม่มีใครเล่าให้เธอฟังทั้งนั้น แต่บังเอิญได้ยินจากปากของคนงานที่คุยกันตรงท้ายไร่ แล้วก็ได้ยินอีกครั้งตอนที่ตาฉุยคุยกับบิดาของเธอตรงกลางบ้านเมื่อหลายปีก่อน
คลองส่งน้ำที่ท้ายไร่ถูกพวกนั้นทำฝายกักน้ำไว้ใช้เฉพาะที่ของตนเองจนไร่ของเธอต้องเจาะบ่อบาดาลขึ้นมา แถมยังต้องขุดสระขึ้นเสริมเพื่อให้มีน้ำเพียงพอสำหรับใช้งาน
ทำกันถึงขนาดนี้ จะไม่ให้เธอเกลียดพวกไร่พืชวิวัฒน์พัฒนะการกุลได้อย่างไร เธอเกลียดพวกนั้นทุกคน ถ้ามีหนทางใดทำให้คนโกงล่มจมได้ เธอจะทำ!
กิจวัตรของขวัญข้าวยังคงวนอยู่แต่ในไร่ตลอดจากนั้นอีกเดือนกว่า ตั้งแต่เช้าตรู่จนเย็นย่ำบางวันมืดเลยก็มีบ่อยไป วันนี้ดีหน่อยที่เสร็จงานไว อากาศยามเย็นพร้อมลมพัดโชยมาเอื่อยอ่อนน่านั่งพักให้หายเหนื่อยจากงานที่ทำมาทั้งวันแต่เด็กสาวเลือกขึ้นรถกระบะคู่ใจมุ่งตรงสู่บ้านหลังเล็กของเธอและบิดา
เห็นแต่ไกลว่าไฟในบ้านเปิดสว่างจ้าไว้รอท่าแล้ว แสดงว่าพ่ออยู่ในนั้น จอดรถแล้วแว่วเสียงดังแปลกๆจากด้านในบ้าน ขวัญข้าวขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเดินไปดูให้รู้แจ้งว่ามีสิ่งใดกันแน่
“พี่ก้าน พี่ต้องเลือกนะคะ ถ้าเอามันก็ไม่ต้องมายุ่งกันอีก”
ชายหนุ่มหน้าตาคมคายยืนหน้ายุ่งที่กลางบ้านมองหญิงสาวคู่กรณีสองคนด้วยสายตาลำบากใจ หันไปมองทางหญิงสาวที่ชื่อฝ้าย ทางนั้นก็ว่า
“ฝ้ายยังไงก็ได้ค่ะ ให้พี่ก้านเป็นคนตัดสินใจ”
หญิงสาวคนท่าทางเอาเรื่องชี้หน้าอีกฝ่ายก่อนด่า “ดีออก ทำเป็นนางเอก ขอตบสักทีเถอะวะ”
“อย่านะมิ้น” คนกลางรีบห้าม คว้าแขนคนที่ปราดไปหาอีกฝ่ายไว้ได้ทันอย่างฉิวเฉียวพอดี คนถูกห้ามตวาดแวด
“ทำมาเป็นสนิมสร้อย รู้ว่าพี่ก้านมีเมียแล้วมาอ่อยเขาทำไม”
“อย่าไปว่าฝ้าย พี่ไปจีบเขาเอง”
“พี่เข้าข้างมัน”
“เอาเถอะ พอเท่านี้ กลับไปก่อนเถอะไป”
“ไม่ค่ะ พี่ก้านต้องให้คำตอบตอนนี้ ไม่อย่างนั้นมิ้นจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น”
ขวัญข้าวถอนหายใจยาวหลังจากเห็นต้นตอของเสียงที่ดังออกไปถึงข้างนอกบ้านนั่นมาจากคู่ขาของพี่ชายนั่นเอง
“กลับกันไปก่อน เกรงใจคนในบ้านพี่บ้าง”
“ถ้าพี่ก้านรู้จักพอ มิ้นคงไม่มาอาละวาดพี่แบบนี้”
“ไปก่อนไป กลับไปก่อน ไว้พี่จะโทรหา”
ก้านเพชรไล่อีก พยักหน้าให้ลูกน้องมาพาหญิงสาวทั้งสองคนออกไปเสียที หลังปะทะคารมกันนานร่วมชั่วโมงและทำท่าเลยเถิดจะลงไม้ลงมือกันในไม่ช้านี้แล้ว
คล้อยหลังคู่ขาทั้งสอง ขวัญข้าวเดินเลี่ยงไปรินน้ำมาดื่ม ถามยิ้มๆ “เสน่ห์แรงชะมัดเลยพี่ก้าน”
“พูดมากน่า”
“แล้วนี่พ่อไปไหนคะ”
“ไม่รู้ คงอยู่ในห้องแกล่ะมั้ง”
แล้วจึงผละจากพี่ชายตรงไปยังห้องทำงานเล็กของบิดาที่อยู่ถัดไปไม่ไกลจากห้องรับแขกเท่าไรนัก
“พ่ออยู่นี่เอง”
“เห็นไหมพี่เดาไม่ผิด” ก้านเพชรที่เดินตามมาบอกยิ้มๆ
นายสงวนเงยหน้ามองก้านเพชร แล้วก็ว่าเสียงขรึม “ถ้าทำงานเก่งเหมือนเดา น้องคงไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้”
“พ่อก็ว่าผมแบบนี้เรื่อยเลย” ก้านเพชรบอกพร้อมกับนั่งลงแหมะตรงเก้าอี้ในห้องนั่น “ผมได้ข่าวมาจากดามครับพ่อ”
“เรื่องอะไร”
“ไอ้พวกขี้โกงมันกว้านซื้อที่รอบๆนี่ไปจนหมด เหลือก็แต่ที่เรากับของตาพวง”
“คนรวยมันจะทำอะไรก็ได้”
นายสงวนว่าเสียงเรียบแต่แฝงแววประชดประชันในนั้นด้วย
“โรงสับไม้ของมันก็กำลังจะขยายอีกนะครับ คนที่เคยขายไม้ให้เราพากันไปที่โรงงานของมันเกือบครึ่ง พวกนั้นมันว่าให้ราคาดีกว่าเราครับพ่อ”
ขวัญข้าวที่นั่งฟังเงียบๆมานานชักนั่งไม่ติด เด็กสาวรู้ดีว่ารายได้ของพวกเธอนั่นกว่าค่อนมาจากโรงงานสับไม้ที่อยู่ถัดไปจากที่นี่อีกไม่กี่กิโลเมตร หากว่าคนที่เคยขายให้กว่าครึ่งหายไปก็เท่ากับว่ารายได้ก็จะหายไปด้วย
“แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงล่ะพ่อ”
“ยังไม่ต้องทำอะไร” สงวนบอกแล้วนิ่งคล้ายคิดอะไรในใจอยู่
พวกไร่นั้นมันกำลังตัดหนทางทำกินของพวกเธอ แถมยังกว้านซื้อรอบๆนี่อีก ขวัญข้าวคิดมาถึงตรงนี้ก็โกรธวูบขึ้นในใจ
สามพ่อลูกอยู่คุยหน้าเครียดอีกพักค่อยแยกออกไปล้างหน้าล้างตาเตรียมตัวรับประทานมื้อเย็นด้วยกัน ขวัญข้าวคว้าโทรศัพท์ขึ้นรับสายหลังจากจัดแจงธุระเสร็จแล้ว
‘ข้าวจ๋า อ้อเอง’
“ว่าไง หายไปเลยนะคิดถึงจัง”
‘อ้อก็คิดถึง นี่นี่มีเรื่องจะบอกแหละ’
“ว่ามา”
‘อ้อจะแต่งงานแล้วนะ’
“ต้นอ้อจะแต่งงานหรือ”
‘จ้ะ บอกข้าวคนแรกเลยเนี่ย’
“แอลล่ะ แอลรู้แล้วหรือยัง”
‘ยัง ก็เพิ่งบอกว่าข้าวรู้คนแรกไง’
“ดีใจด้วยนะอ้อ”
‘ขอบใจมาก แล้วก็เลยอยากเชิญมางานด้วย ต้องมานะข้าว