ทั้งสองคนวิ่งออกจากตรงนั้นและมาวางแผนกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ สารวัตรภาคินหยิบแผนที่ขึ้นมากางดูก่อนจะส่งไฟฉายไปดู
“นายว่าพวกมันจะไปทางไหน”
“เท่าที่รู้มีทางนี้ที่ไปง่ายสุด แต่ไม่รู้ว่าพวกมันจะทำทางอื่นไว้อีกรึเปล่าซึ่งฉันก็ไม่ได้เข้ามานานแล้วป่ะ”
เขาเอ่ยออกมาก่อนจะลองดูแผนที่ตรงหน้าอย่างลังเล ถ้าพวกมันทำทางอื่นไปได้นั่นจะทำให้พวกเราถึงทางตัน เขามองหน้าเพื่อนอย่างชั่งใจก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“เราลองเดาดูมั้ยล่ะนอกจากทางนี้พวกมันก็ไม่น่าจะทำทางไหนแล้ว”
“นั่นสิเพราะทางอื่นมันเป็นป่าเขาแถมทางลาดชันมาก ต้นไม้ไม่ใช่เบาๆนะฉันคิดว่าพวกมันคงไปทางนี้แหละ”
ทั้งสองคนมองสบตากันด่อนจะพยักหน้าออกมาอย่างตกลง เขาเก็บแผนที่และของทุกอย่างก่อนจะเตรียมอุปกรณ์ที่พกพามาด้วย
“นี่นายพกพวกจอบเสียมมาด้วยทำไมเนี่ย”
“ก็เผื่อต้องใช้ไง เรามาในป่าเขาเผื่อต้องขุดอะไรมาจะได้ง่าย แผนการของฉันก็ไม่มีอะไรมากเลยเราสองคนทำกับดักขุดหลุมไว้ตามทางรถผ่าน แล้วเอาไม้มาวางแล้วเอาดินกลบอีกที”
“หมายถึงว่าถ้าพวกมันขับรถผ่านรถก็จะตกหลุมกับดักที่เราทำไว้ ทำให้ไม่สามารถผ่านไปได้”
สารวัตรภาคินพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูหน้าจอ ยังพอมีเวลาเพราะพวกเขาเดินทางมาค่ำ ส่วนพวกมันน่าจะเดินทางดึกพอสมควรทำให้พวกเขายังพอมีเวลาเตรียมการ
“ยังพอมีเวลา”
“นายนี่ฉลาดสมเป็นนักเรียนหน้าห้องเลยวะ แล้วเราจะขุดกี่หลุม”
“ที่ละหลุมสองหลุมก็พอ ใหญ่หน่อยแต่ไม่ต้องลึกขนาดนั้นแค่ถ่วงเวลาพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นนายไปส่งสัญญาณและพิกัดให้ทางตำรวจและเจ้าหน้าที่อุทยาน ให้พวกเขารีบมาฉันจะเฝ้าทางนี้เอง”
ทั้งสองคนตกลงกันได้ดังนั้นก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง สารวัตรภาคินขุดหลุมให้ลึกพอที่ล้อรถคันใหญ่จะตกหลุมและขึ้นมาไม่ได้ อย่างน้อยถ้าพ้นจากตรงนี้ให้พวกมันไปตกหลุมใหม่ เอาเยอะๆหน่อยจะได้ถ่วงเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาจัดการที่นี่
“เหนื่อยวะ!”
ทั้งสองคนบ่นออกมาก่อนจะช่วยกันต่อ สารวัตรภาคินขุดหลุมส่วนผู้กองแสนรักเอาไม้และดินมากลบเกลื่อนร่องรอยไม่ให้พวกมันสงสัยได้
“อดทนอีกนิดเดียว”
“อืม หลุมนี้สุดท้ายแล้วนะเว้ย ฉันจะไปส่งสัญญาณล่ะนายก็หลบอยู่บนต้นไม้แล้วคอยส่องดูพวกมันแล้วกัน”
“โอเคตามนี้”
ทั้งสองคนตกลงกันก่อนจะช่วยกันจนเสร็จ สภาพตำรวจทั้งสองนายคือเปรอะเปื้อนไปด้วยดินโคลนเนื้อตัวมอมแมมหมด
“สภาพแม่งดูไม่ได้เลยวะ ฮ่าๆ”
“แกดูตัวเองก่อนสภาพอ่ะ”
ทั้งสองคนส่องไฟฉายใส่กันก่อนจะหัวเราะออกมาขำๆ ดีนะที่เคยฝึกและทำภารกิจด้วยกันมาก่อนจึงพอจะรู้แนวทางการทำงานของใครว่าถนัดประมาณไหน
“รีบไปฉันจะอยู่ตรงนี้เอง”
“อืม ฝากด้วย”
สารวัตรภาคินวิ่งขึ้นไปปีนบนต้นไม้มองสำรวจว่าเป็นมุมลับสายตารึเปล่าก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมา ต้นไม้นี้สามารถมองเห็นโกดังห่างออกไป ดูไม่ออกหรอกว่าพวกมันทำอะไรแต่ถ้ามีรถขับออกมายังไงก็มองเห็น
เขานั่งตบยุงเล่นไปในระหว่างรอรถขับออกมาซึ่งไม่รู้ว่าจะออกมาตอนไหนและจะมาทางที่เขาทำกับดักไว้รึเปล่า นี่คือลุ้นมากเลยนะว่าจะยังไงต่อแต่ถ้าสุดท้ายพวกมันมาทางนี้จริงเขาเนี่ยแหละจะต้องลำบากไปหาทางใหม่ของพวกมันอีก สารวัตรภาคินเล็งปืนไปข้างล่างเพราะเหมือนจะได้ยินเสียงคนเดินมา สักพักก็ได้ยินเสียงผิวปากเขาจึงผิวปากคืนไป
“บนนี้ๆ”
“โอเค”
ผู้กองแสนรักปีนขึ้นไปบนต้นไม้เดียวกับเขาก่อนจะหยิบกล้องส่องทางไกลจากกระเป๋าของตัวเองมาลองส่องไปดู และเหมือนว่าพวกมันกำลังขนไม้ขึ้นเตรียมออกเดินทางแล้ว
“มันเตรียมจะออกแล้วสารวัตรเอาไงต่อ”
“ลุ้นก่อนว่ามันจะมาทางนี้มั้ย แล้วกำลังเสริมจะมาอีกนานมั้ย”
“ไม่นานเพราะพวกเขามีรถวิบากขับมาได้สบายกว่าเราที่เดินเท้าซะอีก”
สองคนมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆนั่งตบยุงไปเรื่อยๆก่อนจะชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงรถมาทางนี้
“มีเสียงรถมา”
“ชู่วๆ”
ทั้งสองคนเงียบไปก่อนจะส่งกล้องดูเป็นระยะๆและพวกมันผ่านทางนี้จริงด้วย สองหนุ่มยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจก่อนจะลุ้นให้พวกมันขับรถตกหลุมที่วางเอาไว้
“ทำไมมันผ่านมาได้วะ”
ผู้กองแสนดีส่องกล้องดูและพวกมันสามารถผ่านหลุมแรกมาได้หรือว่ามันไม่ลึกพอ ทั้งสองคนลุ้นกันหนักมากก่อนจะได้ยินเสียงคนโวยวายพร้อมกับเสียงโครมดังขึ้นมา
โครม!
“เห้ย! อะไรวะเนี่ย”
คนขับรถและพรรคพวกรีบวิ่งลงมาดูและก็เป็นไปตามแผนล้อรถของพวกมันติดอยู่ในหลุมกับดักที่วางเอาไว้ ทั้งสองคนยื่นมือไปแตะกันอย่างสะใจก่อนจะมองพวกมันที่พยายามช่วยกันนำรถขึ้นมาจากหลุมซึ่งมันยากมากเพราะเป็นรถใหญ่และมีน้ำหนักมากพอสมควร
“เอาไงดีวะเนี่ยขับขึ้นไม่ได้เลย ข้าบอกให้มาตรวจดูถนนก่อนพวกเอ็งไม่ได้ดูเหรอวะ”
หัวหน้าพวกมันคือลูกน้องของนายกอบต.คนเดิมที่เขาถ่ายวิดีโอไว้ได้ครั้งก่อน พวกมันลงจากรถมาดูก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสียพวกมันช่วยกันหาทางเอาล้อรถออกจากหลุมแต่ก็พยายามเท่าไหร่ก็ไม่ออกสักที
“ฉันดูดีแล้วนะจ้ะพี่ผัน มันไม่มีหลุมแบบนี้จริงๆ”
“ถ้าแกดูดีแล้วมันจะมีได้ยังไง เอ็งคิดว่าหลุมมันจะขึ้นมาเองหรือว่ามีคนแอบมาขุดไว้เหรอวะ!”
เขาบ่นออกมาก่อนจะชะงักไปเมื่อนึกไปถึงประโยคที่ตัวเองกำลังพูดออกมา ถ้าไอ้พวกนี้มันเช็คดีแล้วก็แสดงว่ามีคนมาทำทีหลังซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
“ตำรวจ!”
เหมือนว่าพวกมันจะรู้ตัวแตกตื่นรีบวิ่งหาที่หลบซ่อนตัว สารวัตรภาคินหยิบปืนมาเล็งที่ขาของหัวหน้ามันที่ชื่อผันก่อนจะยิงเข้าไปที่ขาของมันจนล้มลงกับพื้น
“โอ๊ย! กูโดนยิง”
เขาร้องลั่นออกมาอย่างเจ็บปวดลงนอนดิ้นอย่างทรมานและไม่สามารถหนีไปไหนได้ ส่วนลูกน้องคนอื่นหนีไปแล้วไม่มีใครหันกลับมาช่วยเขาสักคน
“ไอ้พวกบ้าทำไมไม่ช่วยกูวะ”
“หยุด!อย่าคิดหนีนะ”
ผู้กองแสนรักกระโดดลงมาจากบนต้นไม้เพราะเขาต้องออกตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนสารวัตรภาคินยังซ่อนตัวอยู่เพื่อไม่ให้มีใครจับได้ เขายังพยายามคลานหนีแต่ว่าไม่ทันแล้วเพราะผู้กองแสนดีเอากุญแจมือไปใส่ให้เขาเรียบร้อย
“จับตัวการได้แล้ว แกเป็นลูกน้องของนายกตาลใช่มั้ยฉันเคยเห็น แกต้องให้การกับตำรวจบอกความจริงทุกอย่างแล้วเราจะกันตัวแกไว้เป็นพยาน”
“ข้าไม่พูดโว้ย ข้ายอมตายดีกว่า!”
“อย่าโง่น่าปกป้องไปพวกมันก็ไม่เห็นหัวแกหรอก เชื่อฉันสารภาพออกมาซะ”
ผู้กองแสนรักนั่งยองๆลงตรงหน้านายผันก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ โดนขนาดนี้ยังคิดจะปกป้องพวกพ้องอีก และไม่นานตำรวจก็เดินทางมาพร้อมกับจับของกลางได้และครั้งนี่จับตัวคนสั่งการได้ด้วย
“ถึงแม้ว่าเป็นตัวเล็กแต่ก็ถือว่าเราใกล้เข้ามาแล้ว ขอบคุณมากนะครับผู้กองที่จับตัวมันได้”
“ขอบคุณสารวัตรโน่นเขาเป็นคนยิง มือปืนอันดับหนึ่งของรุ่น โคตรแม่นผมจะบอกให้”
เขากระซิบผู้หมวดดนัยก่อนจะชี้นิ้วไปยังบนต้นไม้ที่มีเขานั่งอยู่ สารวัตรโบกไม้โบกมือให้ก่อนจะกระโดดลงมาจากข้างบนเมื่อตำรวจพานายผันกลับไปยังสถานีตำรวจเรียบร้อยแล้ว
“รีบเอาตัวมันไปและอย่าให้ใครเข้าพบหรือเข้าใกล้เด็ดขาด ฉันกลัวว่านายผันจะถูกฆ่าปิดปาก”
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง มีแววสูงมากว่านายผันจะโดนฆ่าปิดปากเพราะพวกนั้นไม่มีทางปล่อยเอาไว้แน่นอน….
“ดูแลนายผันให้ดีที่สุด อย่าให้พวกมันทำอะไรนายผันได้”
“ครับหมวด”