หญิงสาวเข้าครัวไปทำไข่เจียวพริกขี้หนูให้ชายหนุ่มพร้อมกับซอสพริกเผ็ดๆอย่างที่เขาชอบ เนื่องจากของไม่ได้เตรียมไว้จึงทำได้แค่นี้
“มาแล้วจ้ะไข่เจียวพริกขี้หนูพร้อมกับซอสพริกเผ็ดๆแบบที่พี่แสนรักชอบกิน”
เธอวางจานลงตรงหน้าเขาก่อนจะนั่งลงที่พื้นเท้าคางมองชายหนุ่มด้วยสายตาหวานฉ่ำ แสนรักยิ้มออกมาก่อนจะตักกินของชอบด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ค่าเทอมค่ารายงานตัวประมาณเท่าไหร่นะ”
“รวมๆก็ประมาณสามหมื่นกว่าจ้ะไม่ถึงสี่หมื่นบาท พี่แสนรักถามทำไมเหรอจ๊ะ”
เธอมองชายหนุ่มอย่างสงสัย เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะคำนวณเงินที่ต้องเตรียมไปในวันรายงานตัวของหญิงสาว ถ้างั้นก็เบิกเงินมาทิ้งไว้สักห้าหมื่นบาทเผื่อว่าต้องไปซื้อเสื้อผ้าอุปกรณ์การเรียนอะไรอีกหลายอย่างคิดว่าน่าจะพอ
“ก็กำลังคำนวนเงินอยู่ว่าต้องกดมาเท่าไหร่ ห้าหมื่นน่าจะพอแหละมั่ง”
“กดมาทำไมจ้ะ ก็ใบตองบอกแล้วไงว่าไม่เรียนแล้วมันแพงมาก”
“อย่าบ่นเยอะได้ป่ะ ต่อจากนี้ใบตองอยู่ในความรับผิดชอบของพี่เพราะฉะนั้นเรื่องเรียนทุกอย่างเราจะต้องบอกพี่ทั้งหมด ค่าเทอมค่าเดินไปมหาวิทยาลัยค่าอะไรต่างๆถ้าต้องใช้ให้มาขอพี่”
เขาเอ่ยออกมาเสียงจริงจังจนหญิงสาวไม่กล้าเถียงต่อ ดูท่าทางน่าจะเอาจริงซึ่งถามว่าเธอดีใจมั้ยมี่จะได้เรียนมันก็ดีใจแหละ แต่ว่าเงินมันไม่ใช่น้อยๆและครอบครัวของลุงกำนันก็มีบุญคุณกับเธอมากมายจึงไม่อยากรบกวนอะไรมาก
“ทำไมพี่แสนรักถึงใจดีกับใบตองจัง”
“ก็ใบตองเป็นน้องพี่ไง ไม่ต้องคิดมากนะอาทิตย์หน้าแม่พี่ให้หยุดงาน เราไปรายงานตัวแล้วไปซื้อของที่ห้างกัน ที่นี่กับมหาวิทยาลัยค่อยข้างไกลพี่จะให้อยู่หอพักหญิงในมหาวิทยาลัยนะ ศุกร์เย็นจะไปรับกลับมาที่บ้านตามนี้โอเคมั้ย”
เธอมองชายหนุ่มอย่างซาบซึ้งใจ ไม่คิดว่าเขาจะเอาใจใส่เธอมากมายขนาดนี้ เขาเป็นคนที่ใจดีกับเธอมาตลอดเสมอตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วจนถึงตอนนี้ก็ยังเสมอต้นเสมอปลายไม่มีเปลี่ยน ใบตองยกมือกราบที่ตักของชายหนุ่มก่อนจะมองสบตาพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ขอบคุณนะจ้ะพี่แสนรักสำหรับทุกอย่างเลย แสนดีสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีและเชื่อฟังพี่ทุกอย่างเลย”
“ดีมากเด็กน้อย เราต้องเชื่อฟังพี่นะเข้าใจมั้ย”
“เข้าใจจ้ะ กินสิกินเยอะๆเลยนะใบตองตั้งใจทำสุดฝีมือเลยจ้ะ”
เธอขยับจานให้ชายหนุ่มกินต่ออย่างมีความสุขที่สุด เขามองเด็กสาวอย่างเอ็นดูเงินทองพวกนั้นมันไม่ได้มากมายอะไรหรอกถ้าเทียบกับอนาคตของเด็กคนหนึ่ง ใบตองเป็นเด็กเรียนเก่งและใฝ่ดีมาโดยตลอดเขาเชื่อว่าการส่งเสียเธอเรียนจะไม่เสียเปล่า
หลายวันผ่านไป…
สารวัตรภาคินยังขยันส่งข้อความและโทรศัพท์ไปคุยกับหญิงสาวอยู่บ่อยๆโดยที่ทุกอย่างเป็นความลับพ่อกำนันไม่มีทางรู้เด็ดขาด ตอนนี้ให้มั่นใจก่อนว่าคุณหมอแสนดีรู้สึกใจตรงกันกับเขาเมื่อไหร่ถึงตอนนั้นถ้าพ่อกำนันจะรู้ก็ไม่สนใจแล้ว
“สารวัตรครับสายรายงานมาว่าอีกสองวันพวกมันจะขนไม้กันอีกแล้ว”
ผู้หมวดดนัยเอ่ยออกมาเสียงกระซิบ เขาเงียบไปสักพักก่อนจะหันไปมองผู้กองแสนรักที่ตอนนี้กำลังดูแผนที่ในมืออยู่
“คราวนี้ไม่น่าจะส่งทางเดิมเพราะคงคิดว่าพวกตำรวจน่าจะรู้ทางแล้ว”
“มันจะมีทางหนึ่งนะที่รถผ่านได้แต่ว่าทางตำรวจไม่น่าจะเคยไป ทางนั้นผมเคยไปตอนเด็กหลงทางด้วยพ่อกำนันตามหาซะทั่วผมคิดว่าตรงนี้ เราลองไปสำรวจดูมั้ยครับสารวัตร”
เขากระซิบชายหนุ่มเสียงเบา เขาเชื่อว่าถ้าคนคุ้นเคยเส้นทางมันจะต้องหาทางไปเรื่อยๆซึ่งไม่น่าจะกลับมาทางเดิมให้จับได้ ผู้หมวดดนัยบอกตามที่สายรายงานมาทุกอย่างแต่ไม่มั่นใจว่าจะชัวร์จริงรึเปล่า
“แต่สายรายงานมาว่าส่งทางเดิมนะครับ”
“คงจะหลอกพวกสายสืบมากกว่า ผมว่าทางที่ผู้กองบอกมีโอกาสเป็นไปได้สูง ถ้างั้นวันนี้เราไปลองสำรวจดู ไปถูกใช่มั้ย”
“ถูกครับผมจำได้ดีเลย ถ้างั้นคืนนี้เราไปแค่สองคนพอ ผู้หมวดเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมนะผมจะบันทึกพิกัดทางไปไว้ให้ วันจริงจะได้ไปถูก”
ทั้งสามคนหันไปมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าออกมาอย่างรับทราบในแผนการที่วางเอาไว้ จากนั้นต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง สารวัตรภาคินขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์เตรียมตัวจะไปหาคุณหมอแสนดีที่โรงพยาบาล เขาจะชวนเธอไปกินข้าวกลางวันด้วยกันอีกอย่างคิดถึงใบหน้าสวยๆด้วยอยากเจอ
“ไปหาคุณหมอดีกว่า”
ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามทางซึ่งนายโตและพรรคพวกขี่รถตามไปข้างหลังเพื่อจะแก้แค้นที่เขาทำให้อับอายในครั้งนั้น
“พวกเอ็งปาดหน้ามันเลยนะเว้ย แต่ไม่ต้องเอาถึงตายนะเพราะไม่อย่างนั้นกูจะติดคุก”
“ได้ครับลูกพี่”
ทั้งสามคนขี่รถตามไปเรื่อยๆก่อนที่สารวัตรภาคินจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาเหลือบมองกระจกหลังก่อนจะเห็นว่านายโตและลูกน้องขับรถตามเขามา เขาเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นพวกนั้นก็เร่งความเร็วตามเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพวกเขาขี่ตามมาจริงๆ
“เอาไงดี…”
เขานิ่งคิดสักพักก่อนจะตัดสินใจขี่ไปเรื่อยๆแต่ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะเริ่มเบียดเข้ามาเรื่อยๆและตั้งใจที่จะให้เขารถล้มลงข้างทาง
“ขี่ดีๆดิวะไอ้พวกบ้า”
“เอ็งทำลูกพี่ข้าอับอาย เอ็งต้องรับผิดชอบ”
รถสองคันปาดหน้าเขาไปมาอย่างน่ารำคาญ เขาจึงตัดสินใจจัดการตัวปัญหาซึ่งก็คือลูกพี่ของมันโดยการเบรกกะทันหันและทำให้นายโตที่ขับมาข้างหลังเสียหลักพุ่งเข้าข้างทาง
“เฮ้ย!”
โครม!
สารวัตรภาคินยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างสะใจก่อนจะจอดรถแล้วเดินไปดูสภาพของนายโตที่ตอนนี้เปื้อนไปด้วยโคลนดิน
“ฮ่าๆสมน้ำหน้าให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว”
เขากอดอกมองสภาพของนายโตที่เนื้อตัวเปื้อนโคลนไปทั่ว เขาสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นแต่ว่าก็ลำบาก
“ไอ้ลิง ไอ้สิงมาช่วยข้าดิวะ”
“ลูกพี่! เป็นยังไงบ้าง”
“พวกเอ็งมันน่ารำคาญที่สุด ไม่ได้เรื่อง! ข้าบอกแล้วไงว่าให้จัดการมันทำไมถึงปล่อยให้มันมาทำข้าได้”
เขาด่าลูกน้องทั้งสองคนอย่างหัวเสีย หลายครั้งที่เขาคิดจะแก้แค้นและทำให้มันเจ็บตัวแต่ทำไมมันถึงโชคดีตลอดแบบนี้
“เอ็งไม่โชคดีแบบนี้ตลอดหรอกไอ้ภาคิน”
“ถ้านายคิดจะทำฉันอีก คราวหน้าอาจจะเจ็บกว่านี้อีกนะ เพราะฉะนั้นเลิกล้มความคิดเสียเถอะ ฮ้า! ไปหาคุณหมอแสนสวยดีกว่าพาไปกินข้าวเที่ยงมองสบตากันหวานชื่น โอ๊ยยยย แค่คิดก็ฟินแล้ว ไปนะนายโต”
เขาโบกมือบ๊ายบายนายโตก่อนจะขึ้นไปคร่อมรถแล้วขี่ออกไปอย่างอารมณ์ดี นายโตกำโคลนปาไล่หลังเขาไปก่อนจะร้องออกมาอย่างเด็กขัดใจ
“โธ่เว้ย! ข้าจะไม่ชนะมันเลยเหรอไง”
“ขึ้นมาก่อนสิลูกพี่ผมจะพาไปอาบน้ำ”
“ไปเถอะจ้ะลูกพี่ ตอนนี้ตัวมีแต่กลิ่นขี้ควายโคตรเหม็นเลยจ้ะ”
พวกมันทำหน้าเหมือนจะอาเจียนและเมื่อนายโตรู้ว่าเนื้อตัวตอนนี้มีแต่กลิ่นขี้ควายก็ทำท่าทางจะอ้วกก่อนจะรีบวิ่งขึ้นทันที
“อุ๊บ! แหวะ”
“ลูกพี่! ไหวมั้ยเนี่ย”