ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปเป็นชุดเดิมก่อนจะใส่เสื้อผ้าให้คนที่เขาโป๊ะยาสลบก่อนหน้านั้นและปล่อยเชือกที่เขารัดไว้ออก จากนั้นก็รีบวิ่งออกไปหยิบกระเป๋าที่ทิ้งไว้บนต้นไม้ก่อนจะรีบวิ่งกลับทางเดิมโดยที่ก่อนมาเขาทำพิกัดทิ้งไว้แล้วจึงง่ายต่อการเดินทางทางกลับมา
ชายหนุ่มมองหาสัญญาณโทรศัพท์และเมื่อใกล้พื้นที่ตัวอาคารอุทยานมากขึ้นก็จะเริ่มมีสัญญาณสื่อสาร เขากดโทรศัพท์ไปหาผู้หมวดดนัยเพื่อให้เขาแวะมารับหน่อย
“ผู้หมวดดนัยมารับผมที่เดิม”
(ได้ครับรอผมสักครู่นะ)
ผู้หมวดดนัยรีบขับรถวนกลับมารับเขาตามที่นัดหมาย และเมื่อมาถึงสารวัตรภาคินรีบวิ่งขึ้นรถก่อนจะพากันไปยังพื้นที่อีกฝั่งของอุทยานเพื่อเตรียมกำลังนำจับรถขนไม้ผิดกฎหมาย
“สารวัตรใช่ที่นี่มั้ยครับ”
“ใช่ อีกเดี๋ยวคงมาเพราะผมได้ยินพวกมันคุยกันว่าจะมาทางนี้”
เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะสลับไปให้สารวัตรขับรถ ส่วนตัวเขาถือปืนออกไปช่วยลูกน้องดักจับพวกขนไม้เถื่อนและไม่นานพวกมันก็มาทางนี้จริงๆ สารวัตรภาคินหยิบปืนจากหน้ารถขึ้นมาถือไว้ก่อนจะใส่หน้ากากเพื่อไม่ให้ใครจำหน้าได้
“ทำไมรู้สึกแปลกๆว่าไอ้ก้อน”
“นั่นดิ ข้าว่ามันแปลกวะจอดรถก่อนมั้ย”
พวกค้าไม้จอดรถกะทันหันเพราะรู้สึกแปลกกับทางข้างหน้า มันเงียบผิดปกติและดูเหมือนว่าจะมีลางสังหรณ์บางอย่างที่คิดว่าพวกตำรวจจะมาดักจับ
“พวกเอ็งขับไปต่อเลยนะ ไปรอข้าที่เดิม”
“ได้ครับลูกพี่”
ก้อนและลูกน้องอีกสองคนลงจากรถแล้ววิ่งไปหลบข้างทาง จากนั้นพวกคนอื่นๆก็ขับไปต่อก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจกลัวเมื่อไฟถูกสาดเข้ามาพร้อมกับด่านตั้งรับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
“ฉิบหายแล้วไง”
“โธ่เว้ย! แม่งรู้ทันอีกแล้ว”
ก้อนและลูกน้องคนอื่นรีบวิ่งไปจากตรงนั้นทันทีถ้าโดนจับได้พวกเขาจะซวยกันหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งเข้าสกัดจับกุมของกลางทั้งหมดและลูกน้องที่ขับรถมาอีกสองคัน ผู้กำกับลงพื้นที่ด้วยตัวเองช่วยกันวิ่งตามคนร้ายที่เหลือต่อ
สารวัตรภาคินลงจากรถวิ่งตามพวกก้อนไปเรื่อยๆก่อนจะยิงเพื่อให้พวกมันหยุด แต่ดูเหมือนว่าจะมีคนหนีไปได้ส่วนที่เหลือล้มลงไปตามทางมีเจ้าหน้าที่คนอื่นช่วยกันจับ
“หยุดนะเว้ย”
สารวัตรภาคินวิ่งตามไปจนถึงตรงหน้าผา ก้อนเล็งปินยิงมาทางชายหนุ่มเขารีบหลบแทบไม่ทันจนเสียหลักล้มลงไปข้างทาง ก้อนกระโดดลงไปข้างล่างเพื่อหลบหนีถ้าเขาโดนจับตัวไปรับรองว่าเจอฆ่าปิดปากแน่นอน
“โธ่เว้ย!”
เขาสบถออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว ตัวการอีกคนหนีไปได้นั่นก็ไม่มีประโยชน์เพราะพวกที่เหลือก็แค่รับคำสั่งมาอีกทีไม่มีทางรู้ว่าใครเป็นตัวการใหญ่หรอก ผู้หมวดดนัยวิ่งมาหาเขาก่อนจะช่วยประคองให้ลุกขึ้น
“เป็นยังไงบ้างครับสารวัตร”
“ไม่เป็นไร มันโดดหน้าผาลงไปแล้วคงตามไม่ได้แล้วล่ะ”
ผู้หมวดดนัยวิ่งไปดูแต่ว่ามันเป็นเวลาค่ำมืดมากไม่มีทางที่จะเห็นข้างล่างแสดงว่าคนที่โดดลงไปน่าจะรู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดีถ้าไม่คนในพื้นที่ก็คงจะสำรวจทางมาหมดแล้ว
“ผมว่าตายแล้วมั่งครับ”
“ไม่ตายหรอก ถ้ามั่นใจโดดลงไปขนาดนั้นคงรู้ว่าข้างล่างน่าจะลงไปได้ถ้าให้เดาคงจะเป็นน้ำมากกว่า ช่างมันผมรู้ว่ามันเป็นใครกลับกันเถอะ”
เขานิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเจ็บตามตัว สงสัยจะล้มลงไปข้างทางก็เลยโดนอะไรหลายอย่างทิ่มแทงและน่าจะเป็นบาดแผลด้วย
“ไปกันเถอะครับเดี๋ยวมีใครมาเห็นสารวัตร”
“อืม”
ทั้งสองคนเดินกลับไปที่รถพร้อมกับและผู้กำกับนั่งรออยู่ที่รถก่อนแล้ว
“ตามได้มั้ยสารวัตร”
“โดดลงหน้าผาไปครับ”
“ต้องเป็นคนที่ชำนาญพื้นที่ดีมากถึงได้รู้ขนาดนั้น โดดลงไปถ้ารู้ว่าตายไม่มีใครกล้าโดดหรอกเว้นแต่ว่าจะรู้ว่ามันเป็นอะไร”
ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างสนับสนุนความคิดของกันและกัน ดูก็รู้ว่าใช่แน่นอนแต่ไม่รู้หรอกว่าใครและทำงานให้ใคร พวกนี้อาจจะโดนฆ่าปิดปากได้ถ้าโดนจับได้ซึ่งภาวนาขอให้รอดปลอดภัยแล้วกัน
“นี่เป็นกล้องหลักฐานที่ผมได้มา เห็นใบหน้าของผู้ชายที่โดดลงไปด้วย พรุ่งนี้เที่ยงๆผมจะไปหาที่สภ.นะครับ”
“โอเคผมจะรอนะ งั้นไปส่งสารวัตรที่บ้านเช่าก่อนแต่ดูสภาพคุณแล้วน่าจะบาดเจ็บโรงพยาบาลก่อนดีมั้ย”
“ไม่ครับผมไม่อยากให้ใครสงสัย เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปเองดีกว่า”
“เอางั้นเหรอ… มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะโทรหาผู้หมวดดนัยก็ได้”
“ครับผู้กำกับ งั้นผมไปก่อนนะครับ”
เขายิ้มกว้างออกมาก่อนจะลงจากรถแล้วแอบย่องไปยังบ้านเช่าของตัวเอง ส่วนอีกสองคนก็ขับรถกลับบ้านพักที่สภ. เขาพยายามปฐมพยาบาลด้วยตัวเองก่อนเพื่อรอให้เช้าค่อยไปโรงพยาบาล อีกอย่างจะได้เจอคุณหมอแสนดีคนสวยด้วยว่าจะไปอ้อนให้หายเหนื่อยสักหน่อย
เช้าวันต่อมา…
คุณหมอแสนดีเดินทางมาทำงานแต่เช้าด้วยใบหน้าสดใสโดยมีพ่อกำนันขับรถมาส่งไม่ยอมให้ขับมาเอง ไม่รู้จะหวงลูกสาวอะไรขนาดนั้นเธอมีพี่ชายคนหนึ่งไม่เห็นจะหวงขนาดนี้เลย ปล่อยให้ไปทำงานในเมืองกรุงไม่เห็นห้ามนั่นห้ามนี่เหมือนที่เธอโดนบ้างเลย
“ขอบคุณนะจ้ะพ่อที่มาส่ง”
“จะกลับก็บอกข้าจะมารับ เอ็งห้ามให้หนุ่มๆคนไหนไปส่งบ้านนะเข้าใจมั้ย”
“เข้าใจจ้ะพ่อ แสนดีไปก่อนนะ”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที เข้ามาไม่ทันไรก็ต้องเจอเคสแรกของวันเห็นว่ามอเตอร์ไซค์ล้มข้างทางเนื้อตัวมีแต่บาดแผล
“คุณหมอช่วยไปดูหน่อยค่ะมีคนบาดเจ็บดูเหมือนแผลจะฉีดต้องเย็บค่ะ”
“เดี๋ยวหมอดูเองค่ะ”
แสนดีรีบวิ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉินก่อนจะหยุดชะงักไปเมื่อคนที่นั่งอยู่บนเตียงคือคุณภาคิน เธอมองสำรวจชายหนุ่มทั่วตัวอย่างตกใจทำไมเขาถึงมีบาดแผลเต็มตัวขนาดนี้
“คุณภาคินทำไมบาดแผลเยอะขนาดนี้คะ”
เธอเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะยกแขนเขามาดูมองสำรวจทั่วตัว บาดแผลขีดข่วนหลายที่แต่มีบาดแผลใหญ่ที่ต้องเย็บเพิ่มอีกสองที่ สารวัตรภาคินได้ทีก็รีบอ้อนคุณหมอคนสวยทันที
“ขับมอเตอร์ไซค์แล้วล้มครับคุณหมอ เจ็บไปหมดทั้งตัวเลย”
“แล้วทำไมถึงไม่ระวังคะ ดีนะที่ลงข้างทางไม่ไปชนใครเข้าไม่งั้นเจ็บเยอะกว่านี้อีก คุณพยาบาลเอาอุปกรณ์มาให้หน่อยค่ะหมอจะเย็บแผล”
เธอหันไปสั่งให้พยาบาลเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมจะได้ทำแผลให้เขา สารวัตรภาคินมองหญิงสาวด้วยสายตาหวานเยิ้มแผลพวกนี้เขาเฉยๆไม่เจับมากหรอกเวลาไปทำภารกิจและฝึกหนักกว่านี้เยอะ แต่ว่าอยากอ้อนหญิงสาวไงก็เลยแสดงอาการสำออยนิดหน่อย
“โอ๊ยๆ เจ็บครับ”
“กินยาก่อนดีมั้ยคะจะได้ไม่เจ็บมาก”
“คุณหมอป้อนได้มั้ยครับผมยกแขนไม่ไหวแล้วอ่ะเจ็บจัง”
เขาทำหน้าตาน่าสงสารซึ่งหญิงสาวก็เชื่อเพราะบาดแผลมากขนาดนี้คงเจ็บน่าดู เธอไม่รู้หรอกว่าเขาใช้มารยาขนาดไหนออดอ้อนสารพัดเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดเธอ
“กินยาก่อนนะคะ”
คุณหมอแสนดีป้อนยาถึงปากแถมยังป้อนน้ำให้อีกจนหมดแก้ว เขายิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะนิ่วหน้าแกล้งเจ็บมากเมื่อหญิงสาวเริ่มจะเย็บแผลให้ ตลอดเวลาที่อยู่ในห้องฉุกเฉินเขานอนนิ่งมองหน้าคุณหมออย่างเดียวไม่มองอย่างอื่นเลยแม้กระทั่งแผลที่เย็บแบบสดๆเขายังไม่รู้สึกตัวเลย เอาแต่มองคุณหมอตรงหน้าจนเคลิ้มไปลืมว่าตัวเองกำลังเจ็บอยู่
“คราวหลังระวังตัวเองหน่อยนะคะ ครั้งนี้โชคดีแต่มันไม่โชคดีตลอดหรอกนะ”
“คุณหมอเป็นห่วงผมเหรอ”
เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาวก่อนจะเอ่ยถามเสียงหวาน คุณหมอแสนดีเงยหน้ามองสบตากับชายหนุ่มใบหน้าทั้งสองคนแทบจะชนกันอยู่แล้วเธอรีบก้มหน้าทำแผลให้เขาต่อทำไมรู้สึกหัวใจเต้นแปลกๆก็ไม่รู้
“หมอก็เป็นห่วงคนไข้ทุกคนแหละค่ะ”
“ไม่จริงหรอกคุณหมอปากแข็ง”
เขาเอ่ยออกมาก่อนจะนอนพิงหลังมองหญิงสาวเย็บแผลต่อด้วยใบหน้ามีความสุขที่สุด แสนดีเหลือบสายมองชายหนุ่มเป็นพักๆแต่เงยหน้ามองเขาทีไรก็เจอจ้องอยู่ตลอดเล่นเอาเธอทำอะไรไม่ถูก
‘ทำไมต้องจ้องกันขนาดนี้ก็ไม่รู้… คนบ้าเอ้ย!’