6

1340 คำ
6 “ไอ้ตะวัน ฉันก็นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ ไม่เห็นแกตักกับข้าวให้ฉันเลย ตักให้แต่รุ้ง ดูสิว่าจานข้าวของรุ้งมองไม่เห็นเม็ดข้าวแล้ว เห็นแต่กับข้าวที่แกตักให้” “เกตุอยากกินอะไรก็ตักกินสิ มีมือไม่ใช่เหรอ?” คำพูดของตะวันยิ่งทำให้อัญญาณีหมั่นไส้เพื่อนชายมากขึ้น “รุ้งก็มีมือ รุ้งตักเองก็ได้ไม่เห็นต้องให้แกตักให้เลย” “น่านะ ขอไว้สักคน กินต่อเถอะกับข้าวอร่อยๆ ทั้งนั้น” ตะวันตัดบทก่อนจะหันไปเอาอกเอาใจสาวที่ตนเองหมายปองอยู่ ปล่อยให้สาวอ้วนนั่งค้อนขวับ ตักอาหารใส่ปากประชดเพื่อน หทัยชนกเห็นหน้างอๆ ของอัญญาณีแล้วก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ “รุ้งจะกลับเชียงใหม่เมื่อไหร่?” อัญญาณีถามขึ้นหลังจากเขี้ยวอาหารในปากกลืนลงคอ “มะรืนนี้” สาวรอยยิ้มสวยเอ่ยตอบ ตะวันได้ยินคำถามนี้แล้วใจหล่นวูบทันที เขามีเวลาเห็นหน้าเธออีกแค่สองวันหรือนี่ ทำไมมันน้อยอย่างนี้นะ ยังไม่ทันที่เธอจะรับขนมจีบเขา ก็ต้องห่างกันเสียแล้ว “ทำไมเร็วจังล่ะ น่าจะอยู่เที่ยวที่กรุงเทพฯ ต่ออีกสักอาทิตย์นึง” ตะวันรีบพูด “ไอ้ตะวัน รุ้งเป็นคนกรุงเทพฯ ย่ะ เที่ยวเมืองหลวงจนจะผุอยู่แล้ว” อัญญาณีพูดใส่หน้าคนที่เธอหมั่นไส้มานาน “รุ้งต้องไปดูแลร้านทองน่ะ ถ้าเผื่อเฮียเดชกลับมาจากเมืองนอก รุ้งก็จะกลับมาอยู่กรุงเทพฯ เหมือนเดิม” เฮียเดช ในที่นี่หมายถึงลูกพี่ลูกน้องของหทัยชนกที่เดินทางไปทำธุระต่างประเทศ ราวเดือนหน้าถึงจะกลับเมืองไทย พอถึงตอนนั้นสาวแสนดีก็จะกลับมาดูร้านทองที่เยาราช “แล้วรุ้งจะกลับยังไงล่ะ เครื่องบินหรือว่ารถทัวร์?” อัญญาณีถาม “ว่าจะไปรถทัวร์” อีกฝ่ายหนึ่งตอบ “ผู้หญิงนั่งรถทัวร์คนเดียวมันอันตรายนะ” ตะวันพูดขึ้น “ทำไม? ที่พูดมาเนี่ยจะนั่งไปส่งรุ้งที่เชียงใหม่หรือไง?” เสียงของเพื่อนตัวกลมเอ่ยขึ้น “ไม่หรอก ไม่นั่งไปส่งรุ้งที่เชียงใหม่หรอก แต่จะขับรถไปส่งรุ้งต่างหาก” สองสาวต่างมองหน้ากันและมีอาการตกใจบนสีหน้าเหมือนกันอีกด้วย ไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากของตะวัน “อะไรนะ แกจะขับรถไปส่งรุ้งที่เชียงใหม่เหรอตะวัน?” อัญญาณีย้ำถามเพื่อนราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน คนที่รอฟังคำตอบไม่ใช่มีเพียงคนที่ถามเท่านั้น ยังมีหทัยชนกอีกคนที่ใจเต้นตุ้บๆ ไม่เป็นจังหวะ นึกว่าตนเองหูฟาดกับถ้อยคำของชายหนุ่มเอาใจเก่งตรงหน้า “จริงสิ ไม่ได้พูดเล่น รุ้งนั่งรถไปเชียงใหม่คนเดียวมันอันตราย เรามองไม่เห็นนะว่าวินาทีข้างหน้าจะเป็นยังไง คนขับรถจะหลับในหรือเปล่า ตะวันไปส่งน่ะดีแล้ว ไปเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ ถึงที่ปลอดภัย” ตะวันพูดเสียงจริงจัง ตั้งมั่นกับคำพูดและความตั้งใจของตนเอง “รถทัวร์มันมีวิ่งตอนเช้าถึงเย็นย่ะ แล้วมันก็มีค่าเหมือนกันน่ะแหละ จะมั่นใจได้ยังไงว่าถ้าแกไปส่งรุ้ง แล้วรุ้งจะปลอดภัย แกเห็นวินาทีต่อไปหรือไง?” อัญญาณีย้อนถามเพื่อน “ไม่เห็นหรอก แต่ตะวันมั่นใจว่าจะส่งรุ้งไปถึงบ้านที่เชียงใหม่อย่างปลอดภัย ตะวันขับรถขึ้นเหนือล่องใต้มาเยอะแล้ว แค่นี้สบายมาก” คนที่พูดยังเปล่งเสียงจริงจังให้สองสาวได้รับฟังต่อไป อัญญาณีรู้ดีว่าตะวันเร่งทำคะแนนในการจีบหทัยชนก แต่ไม่คาดว่าจะรุกหนักถึงขนาดนี้ ดูท่าทางของเพื่อนชายแล้วจะจริงจังมากเหลือเกิน หทัยชนกทั้งอึ้งทั้งทึ่ง เธอไม่เคยเจอการจีบที่รุกคืบอย่างนี้มาก่อน ทำเอาใจสาวสั่นระรัว หลายครั้งที่เธอเดินทางขึ้นไปเชียงใหม่ และหลายครั้งที่ชายหลายคนที่ตามจีบเธอรู้เรื่องนี้ แต่ไม่มีใครอาสาไปส่งเธอถึงเมืองเหนือเลยสักคน อย่างมากก็ส่งแค่สนามบินหรือไม่ก็ท่ารถทัวร์ ความรู้สึกดีดีจึงก่อเกิดเพิ่มมากขึ้น “แล้วถ้าฉันจะไปเชียงราย ไปยะลา ไปขอนแก่น แกจะไปส่งฉันมั้ยไอ้ตะวัน?” สาวอ้วนถามประชด หมั่นไส้ความเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลกของเพื่อนสนิทเพิ่มมากขึ้น “ทำอย่างกับว่าพี่ชาติเขาจะให้เกตุไปอย่างนั้นแหละ พี่ชาติให้ไปก่อนเถอะแล้วตะวันจะไปส่ง แต่คิดว่าคงไม่ได้ไปหรอก ห่วงซะขนาดนั้น” ตะวันตอบด้วยรอยยิ้ม สาวอ้วนจึงถลึงตาใส่ที่อีกฝ่ายรู้เท่าทัน “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกตะวัน รุ้งไปเองก็ได้ ตั้งแต่นั่งรถทัวร์มาก็ไม่มีปัญหาอะไร” หทัยชนกค้านขึ้นมา เธอไม่ต้องการให้ใครมาเสียเวลาไปส่งเธอถึงเชียงใหม่ เพราะเขาคนนั้นต้องขับรถกลับกรุงเทพฯ ตามลำพัง แน่นอนเธอก็ต้องเป็นกังวลและเป็นห่วงคนที่เดินทางมาส่ง “รุ้งไม่ต้องเกรงใจตะวันหรอกนะ บอกแล้วไงว่าตะวันเต็มใจทำเพื่อรุ้ง นะให้ตะวันไปส่งรุ้งนะ อย่าให้ความตั้งใจของตะวันเป็นหมันเลยนะรุ้ง นะรุ้งนะ ให้ตะวันไปส่งรุ้งที่เชียงใหม่นะ” ตะวันตื้อสุดชีวิต เว้าวอนเจ้าของรอยยิ้มสวยที่เขาหมายปอง หนำซ้ำยังส่งสายตาเว้าวอนให้อีกด้วย หทัยชนกได้ยินถ้อยคำและได้เห็นสีหน้าของตะวันแล้วใจอ่อนยวบ ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี จึงหันมามองเพื่อนตัวอ้วนที่นั่งกินข้าวตุ้ยๆ “ตามใจรุ้ง เกตุไม่ยุ่ง รุ้งตัดสินใจเองเลย แต่ถ้าถามว่าไว้ใจมันได้หรือเปล่า ตอบตรงนี้เลยว่าได้” อัญญาณีทันทีที่เห็นสายตาเชิงปรึกษาของเพื่อนสาว “เอ่อ...คือว่า” หทัยชนกยังอ้ำอึ้งต่อไป ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าไว้ใจตะวันได้หรือไม่ได้ มันขึ้นอยู่ที่ว่าความต้องการให้เขาไปส่งกับไม่ต้องการมันเท่าเทียมกัน ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร “นะรุ้งนะ ให้ตะวันไปส่งรุ้งที่เชียงใหม่นะ” ตะวันอ้อนต่อ เมื่อเห็นอีกฝ่ายตัดสินใจไม่ถูก “รุ้งเกรงใจตะวันน่ะ มันไกลนะไม่ใช่ใกล้ ๆ” เธอกล่าวอย่างเกรงใจ “ไกลที่ไหนแค่เชียงใหม่เอง นะรุ้งนะให้ตะวันไปส่งนะ” “แต่ว่า...” เธอก็ยังตัดสินใจไม่ได้ ไม่ต้องการให้ใครมายุ่งยากกับการเดินทางกลับของตนเอง อยากจะค้านแต่พอเห็นหน้าและสายตาของตะวันแล้วเธอถึงกับพูดไม่ออก “นะรุ้งนะ ให้ตะวันไปส่งนะ” หนุ่มจอมตื้อก็ยังคงตื้อต่อไป “ก็ได้ รุ้งให้ตะวันไปส่งก็ได้” ในที่สุดเธอก็ต้องเอ่ยปากยอมให้ตะวันไปส่ง ด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบได้ อาจเป็นเพราะดวงตาขอร้องคู่นั้นที่ส่งมาให้เธอ มันมีอิทธิพลอย่างล้นเหลือที่ทำให้เธอยอมเปิดปากตอบตกลง ตะวันยิ้มแก้มแทบฉีกเมื่อได้ยินคำตอบที่น่ายินดี หัวใจของเขาอิ่มเอิบขึ้นมาทันทีทันใดหลังจากที่ลุ้นอยู่หลายนาทีว่า เธอจะตอบรับหรือปฏิเสธ “แล้วรุ้งจะไปกี่โมงล่ะ ขอเป็นสี่โมงเย็นได้มั้ย ตะวันขอแคลียร์งานก่อน” ตะวันเอ่ยถามคนที่เขาจะขับรถไปส่ง “ได้จ้ะ เพราะรุ้งก็กลับรถเที่ยวเย็นอยู่แล้ว” “โอเคงั้นตกลงตามนี้ สี่โมงเย็นวันมะรืน ตะวันจะไปรับรุ้งที่บ้านนะ” “จ้ะ” หทัยชนกรับคำ “ถ้าตกลงกันได้แล้วก็กินข้าวต่อ ต้มยำ ต้มจืดจะชืดหมดแล้ว” คนที่ไม่เสนอความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เปิดปากพูด เมื่อเห็นว่าทั้งสองตกลงและนัดหมายการเดินทางเสร็จเรียบร้อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม