ตอนที่
6
หัวใจของพาฝัน
วันนี้เป็นวันที่พาฝันต้องเลือกชมรม พาฝันกับกรชวัลกำลังนั่งปรึกษากันที่โต๊ะใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่เกี่ยวกับเรื่องที่จะเลือกชมรมในตอนบ่ายของวันนี้
“พาฝันเธอคิดออกหรือยังว่าเธอจะเลือกเข้าชมรมไหนดี” กรชวัลที่เลือกไม่ได้สักทีว่าจะเลือกชมรมไหนดีถามเพื่อนของเธออย่างหนักใจ
“ฉันก็กำลังเลือกอยู่ว่าจะเลือกชมรมไหนดีระหว่างอาสาพัฒนาชุมชนหรือชมรมดนตรี”
“ถ้าอย่างนั้นเธอเลือกชมรมไหนฉันเลือกด้วยดีกว่าจะได้มีเพื่อนไปด้วยกัน” กรชวัลพูดยิ้ม ๆ อย่างสบายใจก่อนจะหยิบซาลาเปาลูกใหญ่เข้าปากทันที
“ถ้าฉันเลือกชมรมดนตรีเธอจะไปกับฉันมั้ย” พาฝันพูดพร้อมกับหันหน้าไปถามกรชวัลอย่างจริงจัง
“เอาจริง ๆ นะฉันก็เล่นดนตรีไม่เป็นสักอย่างเลย ถ้าเธอเลือกชมรมดนตรีฉันคงต้องหาชมรมอื่นเข้าแล้วล่ะ” กรชวัลพูดพร้อมกับทำหน้าหงอย ๆ ส่วนซาลาเปาที่กำลังจะเข้าปากกรชวัลก็วางมันลงทันที
“ไม่เห็นต้องเศร้าขนาดนั้นเลย เธอเล่นดนตรีไม่เป็นใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นฉันว่าเราเข้าชมรมอาสาพัฒนาชุมชนมั้ย” พาฝันยิ้มหวานให้เพื่อนของเธอทันทีที่เธอตัดสินใจเลือกชมรมได้สักที
“ก็ดีนะ ถ้าอย่างนั้นตกลงเราสองคนเลือกชมรมอาสาพัฒนาชุมชนด้วยกัน” กรชวัลพูดพร้อมกับหยิบซาลาเปาเข้าปากอย่างสบายใจอีกครั้ง
เมื่อถึงเวลาเลือกชมรมมาถึงกรชวัลที่มีความสบายใจเธอจึงรีบชวนพาฝันไปที่ชมรมเพื่อลงชื่อให้ทันเพราะที่ชมรมรับแค่สองร้อยคนเท่านั้น
“ชมรมอยู่ไหนแกทำไมฉันเดินจนเหนื่อยแล้วยังไม่เจออีกเนี่ย” พาฝันที่เดินมาหลายนาทีจนเหนื่อยแต่ยังไม่เจอชมรมสักทีเธอจึงเริ่มบ่นขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันได้ยินมาว่าอยู่แถวนี้นะเดินไปอีกนิดก็คงเจอแล้วแหละแก แค่นี้เองสู้ ๆ” พาฝันที่นอนไม่หลับและร้องไห้มาทั้งคืนทำให้เธอมีอาการเพลีย ๆ
เมื่อกรชวัลเดินมาอีกสักพักก็เจอเข้ากับชมรมอาสาพัฒนาชุมชนที่มีนักศึกษายืนต่อแถวเพื่อลงชื่อเข้าชมรมอยู่มากพอสมควร
“แกนั่นไงป้าย ถึงชมรมแล้วแกเราไปต่อแถวลงชื่อกันดีกว่าคนเยอะมากเดี๋ยวเราไม่ทันแย่เลยนะ” กรชวัลดึงแขนของพาฝันให้เดินตามเธอไปโดยที่กรชวัลไม่ได้สังเกตสีหน้าของพาฝันเลยว่าตอนนี้เธออาการไม่ค่อยดีเท่าไร
ในที่สุดทั้งพาฝันและกรชวัลก็สามารถลงชื่อเข้าชมรมได้สำเร็จ ทันทีที่พาฝันลงชื่อเสร็จเธอก็เกิดหน้ามืดและกำลังจะล้มลงแต่แล้วก็มีสาวสวยหน้าตาดีคนหนึ่งเห็นอาการของเธอไม่ค่อยดีจึงรีบวิ่งมาประคองตัวของพาฝันไว้ได้พอดี
“น้องคะ เพื่อนน้องเป็นลมค่ะ” ภาวิดาร้องเรียกกรชวัลให้รู้ว่าพาฝันเป็นลม
“อะไรนะคะ พาฝันแกเป็นอะไรเนี่ย” กรชวัลได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจที่อยู่ ๆ เพื่อนของเธอก็เป็นล้ม
กรชวัลกับภาวิดารีบนำตัวพาฝันไปที่ห้องพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยทันที
“น้องเป็นอะไรมากมั้ยคะ” ภาวิดาเอ่ยถามพาฝันที่นอนอยู่บนเตียง เมื่อพาฝันลืมตาขึ้นมาเห็นหญิงสาวเธอก็ตกใจว่าทำไมเธอมาอยู่ที่นี่แล้วทำไมหญิงสาวที่เธอแอบปลื้มถึงมายืนถามเธออยู่ตรงนี้
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ แล้วฝันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” พาฝันถามภาวิดาอย่างสงสัย
“ก็แกเป็นลมนะสิฝัน โชคดีนะเนี่ยที่พี่เขาเห็นแกจะล้มเลยมาประคองแกไว้พอดีแล้วก็พาแกมาที่ห้องพยาบาล” กรชวัลพูดพร้อมกับเดินมาจับแขนเพื่อนของเธอเบา ๆ
“ถ้าอย่างนั้นฝันขอบคุณพี่มาก ๆ นะคะที่ช่วยฝัน ถ้ามีโอกาสฝันจะตอบแทนพี่นะคะ” พาฝันยกมือไหว้ภาวิดารวมไปถึงกรชวัลด้วย ทั้งสองกล่าวขอบคุณภาวิดาอยู่อีกสองสามรอบ
“ไม่เป็นไรหรอกเลี้ยงกาแฟพี่แก้วหนึ่งก็พอ ว่าแต่เราสองคนไปทำอะไรที่ชมรมหรอ” ภาวิดาถามด้วยความอยากรู้เพราะไม่คิดว่าสองคนจะไปลงชื่อข้าชมรม
“เราสองคนไปลงชื่อเข้าชมรมค่ะ” กรชวัลพูดพร้อมกับยิ้มให้ภาวิดา
“จริงหรอ ยินดีต้อนรับนะ พี่ดีใจจังที่น้อง ๆ ทั้งสองเข้าร่วมชมรมนี้”
“ฝันก็ดีใจที่เข้าร่วมชมรมที่มีพี่อยู่ในชมรมนี้ด้วย” พาฝันพูดออกมาด้วยความรู้สึกจากใจ
“รับรองกิจกรรมของชมรมเรามีทุกเดือน เตรียมตัวเลย ทั้งได้เที่ยวทั้งได้ช่วยเหลือชุมชนแน่นอน รับรองน้อง ๆ ต้องชอบแน่ ๆ”
“ถ้าอย่างนั้นกลอยต้องเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าไว้แล้วล่ะ” กรชวัลพูดพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด
“ยังหรอกมั้งแก ฮ่า ๆ ๆ ๆ” พาฝันหัวเราะชอบใจให้กับความอลังการของเพื่อน
“ถ้าจะเตรียมไว้ก็ได้นะ แต่ตอนนี้พี่ขอตัวไปที่ชมรมก่อนนะ ไว้เจอกันนะคะ หายเร็ว ๆ นะคะพาฝัน” ภาวิดาพูดแค่นั้นคนฟังอย่างพาฝันตัวแทบลอยไปในอากาศเลยทีเดียว
“การเป็นลมของแกคุ้มค่ามาก ๆ เลยพาฝัน” กรชวัลพูดออกมาพร้อมกับยิ้มเบา ๆ อย่างรู้ใจของเพื่อนแต่พาฝันไม่พูดอะไรเธอได้แต่นอนยิ้มอย่างเขิน ๆ
หลังจากเลิกเรียนพาฝันจึงบอกกับกรชวัลว่าวันนี้ไม่กลับกับเธอเพราะเธอจะแวะไปหาแม่ก่อนเพราะเธอคิดถึงแม่มาก ๆ
พาฝันกลับถึงบ้านก็เห็นแม่กำลังนั่งถักผ้าพันคออยู่หน้าทีวีอย่างสบายใจ
“แม่ทำอะไรอยู่คิดถึงจังเลย” พาฝันวิ่งไปกอดแม่พร้อมกับหอมแก้มแม่ของเธอ
“มาได้ยังไงลูกไม่เห็นโทรบอกแม่เลย แม่จะได้เตรียมของดปรดหนูไว้ให้ทาน”
“ไม่เป็นไรหรอกแม่ว่าแต่แม่สบายดีมั้ยคะ” พาฝันพูดออกมาน้ำตาของเธอก็ไหลอย่างไม่รู้ตัว
“แม่สบายดี สบายมากคนที่หนูจ้างมาดูแลแม่เขาดูแลแม่ดีมาก ๆ วัน ๆ แม่ไม่ได้ทำอะไรเลยกินแล้วก็นอน แม่สบายดีมาก ๆ เลยลูกหนูไม่ต้องห่วงนะ”
“หนูดีใจนะคะที่แม่สบายดี ถ้าอย่างนั้นแม่ทำสุกี้ฝีมือแม่ให้หนูทานได้มั้ยคะ” พาฝันพูดยิ้ม ๆ จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้หิวหรอกเธอแค่อยากอยู่กับแม่นาน ๆ เท่านั้นเอง
“หนูอยู่บ้านนั้นเป็นยังไงบ้างลูก” จารีย์เอ่ยถามลูกสาวของเขาอย่างเป็นห่วงสุดหัวใจ
“ดีค่ะ” พาฝันพูดพร้อมกับหั่นผักให้แม่เพื่อทำเมนูสุกี้
“ถ้าหนูไม่ไหวก็อย่าฝืนนะลูก” จารีย์รับรู้ถึงความรู้สึกของลูกสาวที่ต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่ได้อยากทำเพียงเพราะต้องหาเงินมารักษาเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ หนูอยู่ได้สบายมากแค่สามเดือนเอง” ไม่นานสุกี้ของโปรดของพาฝันก็เสร็จเรียบร้อยเธอมานั่งทานที่หน้าทีวีกับแม่ สองแม่ลูกตักตวงความสุขในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่แสนจะอบอุ่น
“อดทนนะแม่ อีกหน่อยเราก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน” พาฝันพูดพร้อมกับตักสุกี้เข้าปากของเธอทั้งน้ำตา