ตอนที่ 3 ประจันหน้าซาตาน 3(จบตอน)

1511 คำ
เมื่อโดนจ้องมองด้วยสายตาคมคู่นั้น สงสัยคงจะเป็นพวกอยากซื้อตัวเธอไปนอนด้วยอีกรายกระมัง ถึงแม้ว่าจะเริ่มชินกับการที่มีพวกเสี่ยๆ ทั้งหลายทั้งเสี่ยเล็กเสี่ยใหญ่ที่คอยจะตะครุบเธอถ้าทำได้ แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกหวั่นๆ ใจยังไงพิกลเพราะเธอมีความรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก          ณัฐกานต์เพิ่งมาทำงานที่ผับนี้ได้ไม่ถึงเดือนหญิงสาวจึงไม่รู้ว่าทัพเทวินทร์เป็นแขกประจำของที่นี่และไม่เคยเห็นหน้าชายหนุ่มมาก่อน หญิงสาวจึงเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจร่างสูงใหญ่ขึ้นมาทันทีที่เธอมายืนอยู่ตรงหน้าเขา          “ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรให้ดิฉันรับใช้เหรอคะ” เสียงหวานใสเอ่ยถามออกไปตามมารยาท          ทัพเทวินทร์ทราบมาจากพนักงานเสิร์ฟหนุ่มแล้วว่าเด็กสาวแค่เพียงมาหารายได้พิเศษแค่เต้นรำเท่านั้นไม่ได้มาขายตัว แต่มีหรือที่คนอย่างเขาจะเชื่อใครง่ายๆ ถ้ายังไม่ได้พิสูจน์ บางทีหญิงสาวก็อาจจะโกหกเพื่อโก่งค่าตัวก็ได้ใครจะไปรู้ แต่ชายหนุ่มก็อยากจะลองใจหญิงสาวเหมือนกันว่าถ้าหากเขาเสนอเงินให้เธอมากพอ สาวโคโยตี้เช่นเธอจะยังปฏิเสธเงินของเขาอยู่อีกหรือเปล่า          “ถ้าคืนนี้ฉันขอให้เธอนั่งดื่มเป็นเพื่อนฉันจะได้หรือเปล่า”          “นั่งเป็นเพื่อนได้ค่ะแต่ไม่ดื่ม แต่ว่าตอนนี้ดิฉันไม่ว่างแล้วค่ะเพราะได้เวลากลับบ้านแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ร่างบางพูดจบก็ทำท่าจะเดินหนีแต่คำพูดที่ทรงพลังอำนาจของชายหนุ่มเปรียบเหมือนโซ่ที่กระชากหญิงสาวเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป โอเคงั้นฉันขอถามเธออีกครั้ง ว่าถ้าฉันจะขอให้เธอไปนั่งเป็นเพื่อนฉันที่ห้อง เธอจะคิดค่าบริการเท่าไหร่”          นั่นไงล่ะ ในที่สุดชายหนุ่มก็เผยไต๋ออกมาจนได้ ผู้ชายรวยๆ ก็เหมือนกันหมดทุกคน เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นที่ซื้อได้ด้วยเงิน หญิงสาวล่ะเกลียดนักผู้ชายประเภทนี้          “ขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันแค่มาแด๊นซ์อย่างเดียวค่ะไม่ได้มาทำอย่างอื่น”          “แล้วถ้าฉันให้เธอเท่านี้ล่ะเธอยังจะกล้าปฎิเสธอีกมั้ย” มือหนาเขียนอะไรยิกๆ ที่กระดาษแผ่นหนึ่งก่อนจะกรอกตัวเลขลงไปแล้วยื่นมันให้เธอ          “นี่คุณ! ฉันบอกคุณแล้วไงคะว่าฉันไม่ขายตัว ได้ยินชัดมั้ยคะ” ร่างบางเริ่มสั่นเทิ้มด้วยความโมโห เสียงดังมากขึ้นตามอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น ใช่อยู่ตัวเลขที่ชายหนุ่มเขียนให้มันมากกว่ารายได้ที่เธอทำงานมาทั้งปีรวมกันเสียอีก แต่หญิงสาวก็ไม่คิดที่จะแคร์สิ่งที่เขาหยิบยื่นให้ กลับยิ่งรู้สึกขยะแขยงผู้ชายตรงหน้านี้มากขึ้น ผู้ชายอะไรหน้าตาก็ดีแต่นิสัยแย่ชะมัด เขาเห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นหรือยังไงกัน ถึงได้ขอซื้อต่อรองราคากันเป็นผักเป็นปลาแบบนี้          “โอกาสดีๆ ไม่ได้มีมาง่ายๆ นะคุณ คิดดูดีๆ สิ คุณต้องเต้นไปอีกกี่คืนต้องรับแขกไปอีกสักกี่คนคุณถึงจะได้เงินมากมายขนาดนี้ แค่ไปกับผมคืนเดียวมันไม่สึกหรอเท่าไหร่หรอกน่า ดีไม่ดีคุณอาจจะติดใจผมก็ได้นะ”          เผียะ!          เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังสนั่นหวั่นไหว ใบหน้าหล่อเข้มคมคายของร่างสูงใหญ่หันไปตามแรงตบเล็กน้อย ตามมาด้วยรอยแดงเป็นปื้นบนใบหน้าที่เริ่มเหี้ยมเกรียมนั่น          ที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน ดวงตาที่เปล่งประกายวาวโรจน์ดั่งมีเปลวไฟร้อนแรงอยู่ภายในช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก โดยเฉพาะในนาทีนี้ มันแทบจะเผาร่างเล็กตรงหน้าให้มอดไหม้เป็นจุณไปในพริบตาเลยทีเดียวถ้าเขายังมองเธออยู่อย่างนั้น          ร่างบางถึงกับขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง เมื่อรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวผู้ชายร่างกายใหญ่โตตรงหน้า แววตาที่เขามองมายังเธอทำให้หญิงสาวต้องรีบถอยหลังกลับอย่างลนลานแต่กว่าจะรู้ตัวว่าภัยมาถึงตัว มันก็สายเกินไปเสียแล้ว ไม่มีใครในที่นั่นกล้าเข้ามาช่วยหญิงสาวได้ เพราะทุกคนต่างก็รักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น ร่างบางจึงถูกนำตัวออกมาจากผับ และพามาขึ้นรถเมอร์ซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสสีดำคันหรูออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วดุจสายลม ด้วยเครื่องบินส่วนตัวทำให้อภิมหึมามหาเศรษฐีหนุ่มเดินทางมาถึงที่พักในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง และร่างของสาวน้อยที่ยังอยู่ในชุดโคโยตี้อันเซ็กซี่ก็ถูกพามาขังไว้ในเรือนเล็กใจกลางป่า ป่าที่อยู่ลึกเกินกว่าที่คนภายนอกจะย่างกรายเข้าไปถึง เพราะที่นี่คือ ไร่ทัพเทวัญ อาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาลท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ที่มีเจ้าของเพียงคนเดียวที่ดูแลอยู่ตอนนี้ คือทัพเทวินทร์ เลิศบริรักษ์          อากาศยามเช้าของที่นี่ปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาวที่ยังคงเกาะพร่างพราวจนขาวโพลนอยู่บนต้นไม้ใบหญ้า ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ออกอาการหนาวเหน็บจนตัวสั่น ผู้คนที่ทำงานในไร่แห่งนี้บ้างก็ใส่เสื้อกันหนาวผืนหนาเพื่อคลายหนาว บ้างก็พากันก่อกองไฟผิงกายเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น เพราะช่วงนี้เป็นช่วงหน้าหนาวอากาศจึงเย็นยะเยือกอย่างกับอยู่บนขั้วโลกเหนือยังไงยังงั้น โดยเฉพาะที่ไร่ ทัพเทวัญ แห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูงแต่ไม่ชันมากนัก แทบจะมีหมอกปกคลุมเกือบตลอดทั้งวัน          ร่างบางนอนคดคู้จนตัวงอเป็นกุ้งเพราะความหนาวเหน็บ ที่คืบคลานเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ แสงสว่างยามเช้าลอดเข้ามาทางกระจกหน้าต่างบานใสกระทบกับเปลือกตาที่กำลังเริ่มปรือขึ้นและเปิดเปลือกตาออกมาในที่สุด เมื่อม่านตาขยาย โฟกัสเริ่มปรับแสงความคมชัดได้เต็มที่ ร่างบางก็ตกใจแทบช็อกเมื่อมองไปรอบๆ ตัวแล้วพบว่าที่นี่ไม่ใช่ที่พักของเธอ แต่เป็นที่ไหนไม่รู้ที่หญิงสาวไม่รู้จัก ‘ที่นี่คือที่ไหน เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วใครพาเรามา’ เชลยสาวพึมพำถามคำถามในใจด้วยความรู้สึกตื่นกลัว          ณัฐกานต์พยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่หญิงสาวก็ต้องตกใจเมื่อพบว่า ทั้งมือทั้งเท้าของเธอถูกพันธนาการด้วยสายโซ่เส้นใหญ่ที่ล็อกไว้อย่างแน่นหนาด้วยกุญแจตัวเขื่อง แต่ร่างเล็กก็พยายามลุกขึ้นนั่งจนได้ และหญิงสาวก็ต้องตกใจจนผวาอีกรอบเมื่อประตูห้องเปิดออกพร้อมกับชายร่างยักษ์หน้าตาถมึงทึงปรากฏตัวอยู่หน้าประตู ร่างใหญ่ยักษ์กำลังค่อยๆ ก้าวเข้ามาหาเธอพร้อมกับจานข้าวในมือ          ณัฐกานต์กระถดถอยหนีไปจนชิดฝาผนังห้องแต่มันก็ยังตามเธอมาติดๆ จนหญิงสาวหมดทางหนี ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงด้วยความกลัว แต่ร่างสูงก็ไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาทำร้ายเธอแต่อย่างใด ชายแปลกหน้าย่อตัวลงวางจานข้าวไว้ข้างหน้าเชลยสาว          “เจ้านายสั่งให้เอาข้าวเช้ามาให้คุณกิน”          “เจ้านายแกเป็นใคร แล้วจับฉันมาทำไม แล้วที่นี่มันที่ไหน” เชลยสาวรัวคำถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ แต่แววตายังคงแฝงไปด้วยความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว “เก็บคำถามของคุณเอาไว้ถามเจ้านายดีกว่า ผมมีหน้าที่แค่เอาข้าวมาให้คุณทานเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ตอบคำถามคุณ รีบกินข้าวซะ” ร่างใหญ่พูดจบก็หันหลังเดินออกไปจากห้องปล่อยให้ร่างบางนั่งมองจานข้าวอย่างไม่ไว้ใจ          ‘ใครจะไปกินลง เกิดพวกมันเอายาพิษอะไรใส่ลงไปเธอจะไม่แย่ไปกว่านี้เหรอ” สาวน้อยนึกในใจอย่างหวาดหวั่น ใบหน้าหวานผินหน้าไปทางอื่นหญิงสาวไม่อยากเห็นจานข้าวที่วางล่อน้ำย่อยของเธออยู่ตรงหน้า แม้ว่าท้องไส้มันจะร้องประท้วงว่ากำลังหิวก็ตาม ความใจแข็งและไม่ไว้ใจทำให้ณัฐกานต์ไม่คิดที่จะแตะต้องกับข้าวในจานแม้แต่คำเดียว เธอจะไม่ยอมกินอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะได้รับการปล่อยตัว แต่หญิงสาวหารู้ไม่ว่า สิ่งที่เธอกำลังคิดมันห่างไกลแม้กระทั่งในความฝันของเธอด้วยซ้ำไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม