เด็กหญิงเหลียวซ้ายแลขวา ดวงตาสีเขียวเต้นระริก เจ้าหล่อนตื่นตากับความแปลกใหม่รอบตัว บ้านหลังเล็กๆ ชั้นเดียว แต่รอบบ้านกลับเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ที่สำคัญเลย...ดอกไม้สีสวยๆ เต็มไปหมด แตกต่างจากคฤหาสน์หลังโตที่ตัวเองอาศัยอยู่กับบิดา มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันก็จริง แต่กลับแห้งแร้งไร้ชีวิตชีวา มีแต่สิ่งของเครื่องใช้ราคาแพงแต่ไร้จิตใจและความอ่อนโยน อิรินาจึงชมชอบชะเอมมากขึ้น บ้านหลังเล็กๆ ของหม่ามี้ป้ายแดง เต็มไปด้วยความอบอุ่น เพียงแค่เหยียบย่างลงไปในก้าวแรก
“โฮ่งๆ” เสียงสุนัขตัวเล็กเห่าทักทาย ขาหน้าของมันตะกายกรงเหล็กดังแกร๊กๆ เมื่อมีอาคันตุกะหน้าใหม่ตามติดก้นเจ้านายคนสวยของมันมาด้วย
“หูย...มีหมาน้อยด้วย” เด็กหญิงห่อปากทำตาโตๆ เธอยัดปลายนิ้วเข้าไปในปากพร้อมกับเม้มไว้แน่นๆ ทั้งกล้า ทั้งกลัวในเวลาเดียวกัน เมื่อสัตว์หน้าขนนั่น เป็นสิ่งเดียวที่ตัวเองเคยเรียกร้องขอจากบิดา แต่ยังไม่สัมฤทธิผล
“ตัวสีดำชื่อเฉาก๊วย ตัวสีครีมชื่อน้ำตาล อยากเล่นกับเจ้าสองตัวนี่ไหมจ๊ะ...ดื้อนิดหน่อย แต่ซนโคตร!”
ชะเอมเอ่ยแนะนำสัตว์หน้าขนให้รู้จักกับเพื่อนใหม่วัยเยาว์ เธอปิดประตูรั้วบ้าน แล้วจึงเดินไปยังกรงสัตว์เพื่อปล่อย2 ตัวแสบออกมาจากกรง เพื่อให้พวกมันได้วิ่งเล่นยืดขาด้านนอกหลังจากถูกขังกรงมาค่อนวัน “ห้ามคุ้ยดิน ห้ามเห่า ไม่อยากนั้นนอนกรงเหมือนเดิมนะ” เธอยกนิ้วชี้ขึ้นชู พร้อมกับเอ่ยขู่เจ้าตัวซน ขณะที่มือเอื้อมปลดสลักกรงน้อยๆ ปลดปล่อยให้จอมซนออกมาวิ่งเล่น
“นี่พี่เอวา อย่ากวนพี่เขารู้ไหม?” เธอร้องสั่ง เมื่อตัวแสบหน้าขน เดินเข้าไปดมกลิ่นเด็กหญิงเหมือนกำลังทำความรู้จัก “ลองลูบขนเจ้าสองตัวดูสิจ๊ะ จะได้เป็นเพื่อนกัน” เธอเปรยยิ้มๆ เดินเลยไปในส่วนครัว ก้มๆ เงยอยู่หน้าตู้เย็น เพื่อมองหาวัตถุดิบสำหรับการประกอบอาหาร พร้อมกับบ่นอุบอิบ เมื่อตู้เย็นของเธอ แทบจะไม่มีของสดหลงเหลืออยู่ เนื่องจากเจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้าทำงาน นานๆ จะได้หยุดพักอยู่ติดบ้านเหมือนคนอื่น “อยากเห็นหน้าพ่อเอวาจัง คงรูปร่างดีไม่เบา...แต่...คงต้องขออบรมหน่อยล่ะใช่ไม่ได้!! ลูกหายออกจากบ้านนานเป็นชั่วโมงขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก!!” หญิงสาวบ่นพึม เมื่อลูกสาวหน้าตาดีระดับนี้ คนเป็นพ่อคงหล่อขั้นเทพ
ไส้กรอก แฮม ชีส เธอโกยๆ ออกมาจากตู้เย็น เพื่อมาทำอาหารแสนง่าย เพราะดูจากเค้าหน้า อิรินาน่าจะชินกับนมเนย มากกว่าข้าวสวยร้อนๆ
เด็กหญิงเล่นกับเจ้าตัวซนจนลืมความตั้งใจเดิม เสียงหัวเราะดังกรี๊ดกร๊าด!! ผสมกับเสียงสุนัขเห่าดังขรม ทำให้บรรยากาศเงียบเหงารอบตัวของชะเอมสดใสขึ้น หญิงสาวอมยิ้ม เธอคอยมองอิรินาเป็นระยะๆ เด็กหญิงสดใส ดวงตาของหล่อนเป็นประกายจนลืมความขุ่นใจก่อนหน้านี้หมดสิ้น แป้งที่เธอนวดได้ที่หญิงสาวจึงนำออกมาคลึงเป็นแผ่นกลมๆ เพื่อเตรียมทำอาหารสุดโปรดให้ตัวเองกับเด็กสาวที่เพิ่งรู้จัก ซอสสำหรับทาหน้าพิซซ่ามีติดไว้ในตู้เย็น เมื่อชะเอมนิยมทำรับประทานเอง มากกว่าซื้อจากร้านค้าที่ทำขาย เมื่อแน่ใจได้ว่าอาหารที่ปรุงสะอาดและปลอดภัย
กลิ่นหอมของพิซซ่าฝีมือตัวเองเริ่มส่งกลิ่นฟุ้งรอบๆ บ้าน หลังเธอนำถาดที่ตกแต่งด้วยอาหารสดครบใส่ในเตาอบขนาดกะทัดรัด สายฝนเริ่มโปรยลงมาจากฟ้า มีลมกรรโชกนิดหน่อย แต่กลับทำให้อากาศรอบตัวยิ่งเย็นลง หญิงสาวชะเง้อออกไปมองนอกตัวบ้าน เธอหวังอยากให้ผู้ปกครองของอิรินามายืนอยู่ตรงรั้วบ้านนั่น ชะเอมไม่ได้รังเกียจเด็กหญิง แต่เธอห่วงความรู้สึกเจ้าตัว เด็กวัยแค่นี้...ห่างบ้าน ห่างพ่อ-แม่ เขาคงหวาดกลัวไม่ใช่น้อย เธอไม่อยากให้ความรู้สึกเช่นนั้นฝังอยู่ในความทรงจำของเด็กหญิงนานๆ
“เอวา...บ้านหนูอยู่ตรงไหนจ๊ะ” เธอเริ่มตะล่อมถาม เพราะเฝ้ารอผู้ปกครองของเด็กหญิงมามากกว่า2 ชั่วโมง เขาก็ยังไม่ปรากฏตัวสักที
“หลังใหญ่ๆ ท้ายหมู่บ้านค่ะ นั่นแหละบ้านเอวา” เด็กหญิงตอบ เธอยัดพิซซ่าชิ้นโตๆ เข้าปาก กัดกินอย่างเอร็ดอร่อยจนคราบซอสเลอะเทอะมุมปาก อาจจะเป็นเพราะหิวจัด เมื่อออกแรงกอดปล้ำ ฟัดกับเจ้าตูบสองตัวอยู่เป็นนาน และพิซซ่าที่เธอกำลังกินมันอร่อยจริงๆ
ชะเอมเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง เธอครางในอก... คฤหาสน์หลังใหญ่ท้ายหมู่บ้าน เธอเคยเห็นผ่านตาตอนออกไปวิ่งจ๊อกกิ้ง เคยค่อนคอดในใจเพราะแอบอิจฉาเล็กๆ ตัวบ้านหลังใหญ่ปานพระราชวังแวซาย เจ้าของบ้านคงร่ำรวยมหาศาล ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะได้มาพบเจอคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นตัวเป็นๆ
“คุณป๊าเอวาไม่อยู่เหรอ? ป่านนี้ทำไมไม่มีใครมาตามหาเอวาเลยล่ะ” เธอบ่นแบบไม่ค่อยเข้าใจ คอยใช้ทิชชูซับมุมปากให้อิรินาบ่อยๆ เป็นความเอาใจใส่แบบที่เด็กหญิงรู้สึกอิ่มเอม หญิงสาวย่นหัวคิ้ว แอบค่อนบิดาของเด็กหญิงในใจคุณหนูของบ้านหายตัวไปเป็นเวลานาน ทำไมไม่มีใครในบ้านนั้นรู้เรื่องสักคน
“อยู่ค่ะ แต่คุณป๊าไม่สนใจเอวาหร๊อก!! เอวาดื้อ” อิรินาเริ่มน้ำตาตกอีกครั้ง เมื่อหวนคิดถึงบิดา อเล็กไซบิดาของเธอคงกำลังป้อยอแม่สาวทรงโตที่เขาพามารับประทานมื้อค่ำด้วย เธอไม่พอใจอย่างแรง!! แต่บิดาไม่สนใจ...อิรินาก็เลยหลบออกมาจากบ้านโดยไม่บอกพี่เลี้ยง เพื่อต้องการเรียกร้องความสนใจจากบิดา และป่านนี้ที่บ้านคงวุ่นวาย แต่...ช่างเถอะ!! ทุกคนจะได้รู้เธอไม่พอใจผู้หญิงคนนั้น ไม่ชอบแววตาและการเสแสร้งของหล่อน มันไม่จริงใจ แม้แต่เด็กอย่างเธอยังรู้ แล้วทำไมบิดาถึงไม่รู้!! คงเป็นเพราะบิดาเอาแต่จ้องทรวดทรงของเจ้าหล่อน จนลืมความไม่เอาไหนส่วนอื่น และเธอไม่พอใจอย่างแรง!!
“ไม่มีพ่อ-แม่คนไหนไม่รักลูกหรอกนะจ๊ะ ท่านอาจจะแสดงออกไม่เป็นเพราะเป็นผู้ชาย เอวาเลยเข้าใจผิด”
ชะเอมพยายามช่วย เธอแก้ต่างให้ผู้ชายที่ไม่เคยพบหน้า เพราะสงสารความรู้สึกของเด็กหญิงที่เธอหลงรัก
“เอวาไม่อยากพูด...คุณป๊ามีเวลาให้แม่พวกนั้น แต่กลับเอวา คุณป๊าไม่เคยว่าง” เด็กหญิงจีบปากเล่า มุมปากอิ่มบิดเบี้ยวเมื่อย้อนนึกถึงความหลัง เธอไม่เคยอยู่ในสายตาบิดา...ไม่ว่าจะงานกิจกรรมที่โรงเรียน หรือการออกไปเที่ยวกันเป็นการส่วนตัว...อิรินามักต้องไปกับพี่เลี้ยงหรือไม่ก็คนสนิทบิดา ไร้เงาอเล็กไซ เมื่อเขายุ๊งยุ่ง!!
ชะเอมยิ่งปวดตับ!! เศรษฐีส่วนใหญ่เลี้ยงลูกแบบใช้เงิน ไร้ซึ่งความอบอุ่น
“เอ่อ...พี่เอม” เธอหยุดพูดเมื่ออิรินาช้อนสายตาตัดพ้อขึ้นมอง “เอ่อ...ไม่ชินน่ะ หม่ามี้ขอถามนี๊ด...ได้ไหมคะ” เธอรีบเปลี่ยนสรรพนามและมันได้ผล นางฟ้าของเธอค่อยๆ ยิ้มออก
“ได้ค่า...ถามมาเลย...เอวาจะตอบ”
“หม่ามี้ของเอวาไปไหนเหรอคะ?” เธออยากรู้เพราะหากพูดอะไรผิดๆ ออกไปจะได้แก้ต่างทันนิ้วกลมป้อมชะงักนิดๆ ก่อนจะยกชิ้นพิซซ่าขึ้นกัดกินต่อ ปากอิ่มรูปกระจับขยับตอบ หลังเคี้ยวพิซซ่าชิ้นโตๆ ไปได้สักพัก
“หม่ามี้ฟิริเซีย...อยู่ที่อื่นค่า หม่ามี้ไม่ชอบเอวาหร๊อก!! ชอบว่าเอวาบ่อยๆ ว่าเอวาดื้อ...เอวามีคุณป๊าคนเดียวก็พอค่ะ” คำพูดของเด็กมีปัญหาตรงหน้า มันบ่งบอกถึงสถาบันครอบครัว เด็กที่ยังไม่ประสีประสามักจะจดจำฝังใจกับเหตุการณ์ในชีวิต ชะเอมนึกอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่ให้กำเนิดอิรินาเสียยิ่งนัก เด็กหญิงน่ารักเช่นนี้ ทำไมมารดาถึงรังเกียจรังงอน
“คุณป๊าเอวายังไม่ได้แต่งงานใหม่ใช่ไหมจ๊ะ?” ปัญหาโลกแตกที่ไม่ว่าใครก็แก้ไม่ตก เมื่อเป็นความพอใจของคนทั้งคู่ โดยลืมนึกถึงผลพวงที่เกิดตามมา พ่อไปทาง แม่ไปทาง ปล่อยให้สายใยความรักที่ขึ้นชื่อว่า ‘ลูก’ จมอยู่กับความอ้างว้าง และหวาดระแวง
“ค่ะ เอวาไม่เอาแม่ใหม่ ถ้าคุณป๊าจะมีใคร? ต้องถามเอวาก่อน” เด็กหญิงตอบเสียงหนักๆ หากบิดาคิดจะหาใครเข้ามาแทนที่มารดา ท่านต้องถามความเห็นของเธอก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะโวยให้บ้านพัง!!