เรื่องที่ 1 พี่แท็กซี่ข้างห้อง (2/2)

2459 คำ
เช้าวันถัดมา พี่ดนัยพาฉันไปนั่งทานอาหารเช้าที่ร้านโจ๊กทะเลชื่อดังในแถบนั้น แต่ก็อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ “เมื่อคืนพี่ดนัยนอนกี่ทุ่มคะ” “น่าจะตีสอง” “คิดงานไม่ออกเหรอคะ” “เปล่า ตรงกันข้าม คิดงานออก มันลื่นไหลไปเรื่อยๆ แหละ บรรยากาศมันดี สมองก็เลยแล่น” พี่ดนัยบอก เราสองคนกินเสร็จ พี่ดนัยก็พาฉันไปเดินดูตลาดของฝาก ฉันแค่เดินดูเล่นๆ ไม่ได้ซื้ออะไร แต่พี่ดนัยซื้อเสื้อยืดลายเหมือนกันมาสองตัวให้ฉันตัวหนึ่ง “ไว้พรุ่งนี้ใส่เป็นเสื้อคู่” พี่ดนัยบอก ฉันยิ้มเขินรับไว้ด้วยความเต็มใจ เราเดินดูของกันต่อ พี่ดนัยเดินข้างๆ ฉันหลังมือเราชนกันหลายครั้ง ฉันใจเต้นแรง รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก สงสัยใจอ่อนตั้งแต่โปรโมชั่นข้าวเช้าและรับส่งฟรีมาสองเดือนแล้วมั้ง พี่ดนัยเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน ฉันเห็นเขายิ้มและหันหน้าไปทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนทุกครั้งที่มือเราสัมผัสกันโดยบังเอิญ ฉันเหลือบไปเห็นร้านขายของที่ระลึกที่ทำจากเปลือกหอย ฉันจับมือพี่ดนัยจูงไปทางร้านนั้นแบบตั้งใจ ฉันรู้ว่าเขาคงเขิน แต่ฉันเดินนำหน้าเลยไม่ได้หันไปมองว่าเขาทำหน้ายังไง ฉันปล่อยมือเขาแล้วยืนเลือกดูโมบายที่ทำจากเปลือกหอย ฉันเลือกซื้อมาอันนึง หันกลับมาพบว่าพี่ดนัยยืนยิ้มไม่หุบ ฉันแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องที่ไปจับมือเขา พี่ดนัยยื่นมามาจับมือฉันไว้ “เราเดินไปดูทางนั้นกันเถอะ” เขาชวนแล้วจูงมือฉันเดินเคียงข้างกันไปด้วยรอยยิ้ม ฉันใจเต้น มั่นใจแล้วล่ะว่าคงใจอ่อนกับการจีบแบบค่อยเป็นค่อยไปของเขา เขาค่อยๆ มามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของฉันจนฉันรู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ฉันย้อนกลับไปคิดว่าบางวันฉันนั่งรอเขามาเคาะประตูเพื่อเอาอาหารเช้ามาฝาก บางวันฉันเดินออกจากห้องมองหาเขาที่ลานจอดรถ มองหารถแท็กซี่ของเขาหน้าบริษัททุกครั้งหลังเลิกงาน และตอนนี้ที่เราอยู่ด้วยกัน มันโคตรมีความสุขเลย เสร็จจากตลาดพี่ดนัยก็พาไปนั่งชมวิวที่จุดต่างๆ เพื่อถ่ายรูป และแวะทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารริมชายหาด ที่ร้านให้นั่งได้ไม่จำกัดเวลา เราเลยสั่งอาหารมาทีละอย่างแล้วนั่งไปเรื่อยๆ ฉันนั่งอ่านหนังสือ ส่วนพี่ดนัยก็ทำโปรเจ็คลับของเขาต่อ จนถึงบ่ายสองฉันก็ชวนพี่ดนัยกลับ ตอนเย็นฉันลงมือทำต้มยำทะเลรวม ยำทะเลรวม และข้าวผัดทะเล อวดฝีมือสุดฤทธิ์ พี่ดนัยชมไม่ขาดปากว่าอร่อยทุกอย่าง วันนี้เขาซื้อเบียร์มาด้วยหนึ่งลัง เอามาแช่ตู้เย็นไว้ “ดื่มไม่หมดก็ค่อยขนกลับ” เขาบอก วันนี้เราทานไปดื่มไปคุยกันไปจนกับข้าวหมดเกลี้ยง และเบียร์ถูกเปิดไปแล้วสามขวด กำลังจะมีขวดที่สี่ตามมา ตอนนี้เราเริ่มรู้สึกมึนๆ กันนิดหน่อยแล้ว “ทำไมพี่ดนัยถึงจีบส้ม” ฉันถาม “ก็ชอบนะ ไม่มีเหตุผลหรอก” “พี่คิดว่าจะจีบติดไหม” ฉันถามแล้วส่งยิ้มหวานให้เขา “พี่คิดว่า ความพยายามสองเดือนที่ผ่านมาต้องไม่สูญเปล่า” พี่ดนัยยิ้มตอบ “พี่บอกข้อดีของพี่ให้ส้มฟังหน่อยสิคะ” “พี่รักส้มคนเดียว นี่แหละคือข้อดีข้อเดียวของพี่” พี่ดนัยบอกแล้วดื่มเบียร์ในมือจนหมดแก้วแล้วเปิดขวดใหม่เติมเรื่อยๆ “ถ้าส้มตกลงคบกับพี่ ส้มจะเสียใจไหม” ฉันถามตรงๆ แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วยื่นให้เขาเติมให้อีก “พี่จะไม่ทำให้ส้มเสียใจ” พี่ดนัยบอก แล้วดึงมือฉันไปกุมไว้ “คบกับพี่นะส้ม” เขาพูดเสียงหวาน “ค่ะ” ฉันตอบแบบไม่ลังเล เพราะตอนนี้บรรยากาศมันเป็นใจสุดๆ พี่ดนัยวางแก้วเบียร์ในมือลง ดึงฉันให้ลุกขึ้นแล้วจูบฉัน ฉันผลักออก พี่ดนัยมองแบบรู้สึกผิด “พี่ขอโทษ” เขาบอกแล้วถอยออกห่างฉันไปหนึ่งก้าว “ส้มตัวเหม็น ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ฉันบอก แล้วยิ้มหวานไปให้เขา แล้วเดินเข้าไปในบังกะโล เขินกับการให้ท่าผู้ชายเป็นครั้งแรก ฉันอาบน้ำเสร็จพี่ดนัยก็เข้าไปอาบน้ำต่อ ฉันใส่ชุดนอนชุดเดิมของเมื่อคืนซ้ำนั่งรอเขาที่โซฟา เห็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คของเขาวางไว้กับสมุดบันทึก แต่ฉันไม่ได้สนใจเปิดดูเพราะเป็นคนมีมารยาท พี่ดนัยเดินเข้ามานั่งข้างๆ ฉัน เวลาที่ไม่ใส่แว่นเขาดูดีมากๆ ตอนนี้ยิ้มมีความสุข เอามือฉันไปกุมไว้ “ส้มเชื่อใจพี่นะ” เขาบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่มีเครื่องป้องกัน “ค่ะ” ฉันพยักหน้าเข้าใจ เพราะเราก็ไม่ได้คิดที่จะมาทำอย่างนี้กันตั้งแต่แรกแล้ว พี่ดนัยดึงฉันเข้าไปจูบอย่างดูดดื่ม ต่างคนต่างจูบแบบเก้ๆ กังๆ บ่งบอกได้ว่านี่อาจเป็นครั้งแรกของเราทั้งคู่ พี่ดนัยค่อยๆ จูบและถอดเสื้อผ้าออกอย่างบรรจง ค่อยเป็นค่อยไป แล้วดึงฉันขึ้นไปนอนราบบนเตียงแล้วทาบทับไว้ พรมจูบไปทั่วร่างอย่างนุ่มนวล แล้วก็ค่อยๆ ประสานร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกัน พี่ดนัยรู้ว่านี่คือครั้งแรกของฉัน เขาเบามือและพยายามถนอมฉันให้มากที่สุด และค่อยๆ เร่งมือจนเราดำดิ่งลงสู่ห้วงอารมณ์ที่ไม่สามารถหยุดกลางคันได้ รอบแรกผ่านไป รอบที่สองพี่ดนัยเริ่มรู้งาน เขาจูบและดูดเม้มหนักขึ้นกว่ารอบแรก จนฉันเผลอครางออกมาเบาๆ เขายิ้มพอใจแล้วเริ่มจัดการกับความรู้สึกเบื้องล่าง รอบนี้ยาวนานและสุขสมกว่ารอบแรก เมื่อเราทั้งสองคนบรรลุความสุขพร้อมๆ กันไปแล้ว ฉันก็เข้าไปทำความสะอาดร่างกายอีกรอบ ก่อนจะเข้ามานอนกอดแฟนหมาดๆ ของตัวเอง พี่ดนัยกอดฉันและหอมแก้มฟอดใหญ่ “พี่รักส้มนะ” ฉันกอดเขาแน่น หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขในอ้อมกอดนั้น ********************** ตื่นเช้าขึ้นมาฉันพบว่าพี่ดนัยกำลังนั่งทำงานที่โซฟา ยิ้มไปพิมพ์งานไป เงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าฉันมองเขาอยู่ “ส้ม พี่มีความลับจะบอก” พี่ดนัยบอกฉัน “อะไรเหรอคะ” ฉันสงสัย “ส้มรู้รึเปล่าว่าส้มทำให้โปรเจ็คของพี่เสร็จแล้ว” พี่ดนัยบอกยิ้มๆ “โปรเจ็คอะไรคะ” ฉันถามด้วยความสงสัย พี่ดนัยวางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คลงแล้วเดินมานอนกอดฉัน แล้วหยิบหนังสือหัวเตียงมาถือไว้ “โปรเจ็คก่อนหน้านี้ พี่ใช้จินตนาการล้วนๆ สร้างสรรค์ผลงาน แต่โปรเจ็คใหม่พี่ใช้ประสบการณ์ของพี่และความรู้สึกที่มีให้ส้มล้วนๆ เลย” พี่ดนัยบอกแล้วถอดแว่นวางไว้ที่โต๊ะ ก้มลงจุ๊บปากฉันที่งงๆ อยู่ “พี่ดนัยพูดถึงอะไรคะ” “โปรเจ็คถัดไปพี่ร่างเสร็จแล้ว เหลือแค่พิมพ์ฉบับเต็มและต้องใช้เวลาขัดเกลาภาษาก่อนส่งสำนักพิมพ์ ภายในสองปีก็น่าจะตีพิมพ์เสร็จ” พี่ดนัยพูดแล้วยื่นหนังสือของไดนะมาให้ฉัน “พี่เป็นนักเขียนสำนักเดียวกับไดนะเหรอคะ” ฉันยิ้มกว้าง “พี่คือไดนะต่างหากล่ะ” พี่ดนัยยิ้มกว้าง ฉันอ้าปากค้าง “ไม่รู้ว่าส้มติดตามผลงานพี่อยู่ ปลื้มใจนะเนี่ย” พี่ดนัยบอกแล้วโน้มหน้าจะจูบซ้ำ ฉันรู้สึกตัว ดันหน้าอกเขาเอาไว้ก่อน “พี่อย่าล้อส้มเล่นสิค่ะ ไม่ขำนะ” “ให้พี่สปอยล์ไหมว่าเล่มสองกับเล่มสามเป็นยังไง” พี่ดนัยถามยิ้มๆ “ไม่เอาอ่ะ” ฉันส่ายหัว “พี่คือไดนะจริงๆ เหรอคะ” ฉันถามย้ำอีกรอบเพื่อความมั่นใจ “อืม ได-นะ ก็ ดะ-ไน” พี่ดนัยพูดแล้วหยิบหนังสือออกจากมือฉันไปวางไว้ที่เดิม แล้วหันมากอดเอาไว้ แล้วหอมแก้มฉันอีกฟอดใหญ่ๆ “แล้วทำไมพี่ไม่บอกส้มตั้งแต่วันก่อน” ฉันถาม เพราะวันนั้นฉันชื่นชมเขาไว้เยอะ แสดงตัวว่าเป็นแฟนคลับอย่างชัดเจน “ก็พี่อยากให้ส้มรักดนัยมากกว่าไดนะ” พี่ดนัยพูดแล้วหน้าแดงอีกรอบ ฉันยิ้มแล้วหอมแก้มเขาหนักๆ “โถ พ่อนักเขียนที่น่าสงสาร ส้มก็คิดว่าประสบการณ์ด้านความรักโชกโชน เรื่องบนเตียงก็แต่งซะฟิน ที่ไหนได้ใช้จินตนาการล้วนๆ” ฉันแซว “แต่ต่อไปนี้ทั้งประสบการณ์รักและประสบการณ์บนเตียงมีพร้อมแล้วนะครับ โปรเจ็คหน้ามีฟินเป็นสองเท่าแน่นอน” พี่ดนัยบอกแล้วมองฉันด้วยแววตาต้องการ “อืม โครงเรื่องพี่ตอนท้ายพระเอกมีจับกดนางเอกด้วย” “แล้วไงคะ” ฉันถามยิ้มๆ รู้ว่าเขาจะทำอะไร พี่ดนัยยิ้มเจ้าเล่ห์ พลิกตัวคร่อมทับ แล้วจับมือฉันสองข้างกดไว้เหนือหัวของตัวเอง “พี่เขียนไม่ออกอ่ะ ยังไม่เคยลองทำ” พี่ดนัยบอกแล้วกดจมูกมาที่ซอกคอแล้วไซร้ซอกคออยู่อย่างนั้น แล้วปล่อยมือฉัน เงยหน้าสบตาแล้วยิ้มให้ฉัน ฉันเอามือคล้องคอเขาเอาไว้ “ถ้าถอดแว่นแล้วจะหล่อขนาดนี้ ไม่ต้องถอดแล้วนะคะ ส้มหวง” ฉันบอก “อืม” พี่ดนัยยิ้มพอใจ “แล้วห้ามยิ้มให้สาวคนไหนแบบนี้อีก มันกระชากใจมาก” ฉันบอก เอานิ้วแตะที่ปากเขา เขางับนิ้วฉันเบาๆ “ครับ พี่รับปาก” พี่ดนัยพูดแล้วสบตาหวานซึ้ง “ใช้มุกพระเอกในนิยายมาจีบส้มแบบนี้สินะ ส้มเลยหลงกลพี่ดนัย สกิลการมองตานี่กะจะให้ส้มละลายเลยรึเปล่าคะ” ฉันถาม ยิ้มจนแก้มแทบปริ พี่ดนัยคือนักเขียนที่ฉันชื่นชอบ เขาคือแฟนของฉัน เหมือนว่าฉันฝันไป “พี่ไม่เคยวางแผนจีบส้ม เหมือนวางโครงเรื่องในนิยาย แต่พี่ใช้หัวใจและความรู้สึกล้วนๆ” พี่ดนัยพูด ฉันยิ้มเขิน ต่างคนต่างเขินให้กัน “ส้ม มีอะไรจะพูดอีกไหม” พี่ดนัยถาม “ไม่มีค่ะ ทำไมเหรอคะ” พี่ดนัยก้มมาที่ข้างๆ หูแล้วกระซิบเบาๆ “พี่อยากศึกษาการจับกดต่อ” ฉันถึงกับขนลุกซู่ ยิ้มเขินอาย “นี่ตอนกลางวันนะคะ” ฉันบอก “พี่ไม่สนหรอก” พี่ดนัยพูดแล้วก็จับมือฉันกดลงข้างๆ หัว แล้วใช้ปากประกบปิดปากฉันไว้จูบอย่างดูดดื่ม ก่อนจะปลดเสื้อผ้าออกจากตัวจนไม่เหลือสักชิ้น พี่ดนัยจูบอย่างหนักหน่วงและรุนแรง แทนที่จะผลักไสฉันกลับชอบซะงั้น ฉันแอ่นตัวเข้าหาเขาด้วยความกำหนัด ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติของความต้องการทางร่างกายของมนุษย์ เมื่อความปรารถนาสิ้นสุดลง เราทั้งคู่ก็กอดกันกลม “พี่มียังมีอีกอย่างที่ยังไม่ได้บอกส้มนะ แต่มันไม่ใช่ความลับอะไรมากมายหรอก แต่สักวันส้มจะค่อยๆ รู้ไปเองทีละเรื่อง เพราะมันเยอะจนพี่ไม่รู้จะเล่าตรงไหนก่อน” พี่ดนัยบอก เหมือนออกตัวไว้ก่อนหากฉันรู้ในภายหลัง “พี่คงไม่ได้มีเมียแล้วใช่ไหม” ฉันเงยหน้าขึ้นจากอกเขา “เปล่า” เขาตอบยิ้มๆ “งั้นยกตัวอย่างได้รึเปล่าคะ ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง” “เช่นพี่มีคอนโดอยู่แล้ว แต่มาเช่าห้องเพื่อมาเก็บประสบการณ์ในการเขียนนิยายในหอพักและขับแท็กซี่เพื่อหาประสบการณ์เขียนนิยายเช่นกัน” พี่ดนัยบอก ฉันนิ่งไปพักใหญ่ ที่เขาเซอร์ไพรส์ฉันหลายเรื่องมากในวันนี้ “แล้วส้มเป็นตัวทดลองที่พี่จะใช้เป็นทางผ่านในการเขียนนิยายรึเปล่าคะ” ฉันถามเสียงน้อยใจ “ไม่ๆ ส้มอย่าคิดแบบนี้นะ ส้มคือของจริง คือตัวจริง พี่กะว่าจะเช่าแค่เดือนเดียว เพราะมีส้มพี่ถึงอยู่มาจนถึงตอนนี้” พี่ดนัยบอกกอดฉันเอาไว้แนบอก “กลับไป พี่ก็จะย้ายกลับคอนโดใช่ไหมคะ” “ตอนแรกก็กะว่าจะเช่าต่อเพื่ออยู่จีบส้มต่อ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว” พี่ดนัยพูด “.....” ฉันนิ่ง พอจีบสำเร็จก็คงกะจะตีตัวออกห่างสินะ ฉันน้อยใจและรู้สึกใจไม่ดี “พี่ว่าจะชวนส้มย้ายไปอยู่คอนโดกับพี่ เพราะพี่เป็นคนติดแฟน ไม่ยอมให้ส้มอยู่ห่างจากพี่หรอก” พี่ดนัยพูดต่อ ฉันยิ้มดีใจในสิ่งที่เขาพูด กอดเขาไว้แน่น “ของส้มเยอะนะ ย้ายไปก็เต็มห้องพอดี ต้องแย่งนอนเตียง แย่งตู้เสื้อผ้า แย่งที่ตากผ้า พี่ไหวเหรอ” ฉันพูดหยอก “ไหวสิ” พี่ดนัยบอกแล้วกดจมูกหอมที่หน้าผากของฉัน “ย้ายไปอยู่กับพี่นะ พี่จะไปรับไปส่งทุกวัน บริการอาหารเช้าฟรีทุกวัน แถมอาหารเย็นอีกมื้อ โปรโมชั่นพิเศษ ตัดสินใจตอนนี้ รับนักเขียนคนนี้เป็นแฟนฟรีตลอดชีวิต ตกลงรึเปล่าครับ” พี่ดนัยพูดซึ้งติดตลก “แถมอ่านนิยายล่วงหน้าฟรีแบบเอ็กซ์คลูซีฟด้วยได้ไหมคะ” ฉันถาม “ได้เลยครับ” “งั้นตกลงค่ะ” ฉันกอดเขาแนบแน่น ไม่อยากเชื่อว่าจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นหลายเรื่องเหลือเกินในวันนี้ ตกลงเป็นแฟนกับผู้ชายที่ตามจีบ แล้วเขาดันเป็นนักเขียนที่ตัวเองชื่นชอบ แถมฐานะก็ดี และที่สำคัญเขารักฉันจริง “ขอบคุณนะคะ ที่เลือกส้ม” “พี่ต้องเป็นฝ่ายพูดนะประโยคนั้น ขอบคุณที่เลือกนายดนัยคนขับแท็กซี่เป็นแฟนนะครับ” พี่ดนัยพูด เขาประทับใจที่ฉันตกลงเป็นแฟนของเขาเพราะตัวตนของเขา ไม่ใช่เพราะในฐานะไดนะ นักเขียนดาวรุ่งชื่อดัง เรานอนกอดกันอยู่อีกแบบนั้นสักพัก ยิ้มให้กันด้วยความสุข กับสถานะใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น ก่อนที่ไดนะของฉันจะหาข้ออ้างร้องขอบทรักเพื่อใช้ประกอบนิยายอีกครั้ง ฉันยิ้มรับแบบมีความสุข เป็นแฟนนักเขียนต้องอดทนและรับได้ทุกบทบาทสินะ -------- จบ --------
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม