เธอถึงต้องรีบสาวเท้าตามเขาเข้าไปบ้าง เหมือนกับถูกบังคับกลายๆให้ตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว
และเมื่อประตูเหล็กทั้งสองฝั่งขยับเข้าหากันเบาๆ ปภาณิณก็ถูกคว้าตัวเข้าไปหาพร้อมกับแรงบดจูบอย่างเร่าร้อนปนเรียกร้อง หญิงสาวชาวาบทั่วช่องท้องในตอนนั้น ก่อนที่ความรู้สึกซาบซ่านจะแผ่ขยายออกกว้างกระจายตามเรือนร่างเต็มอิ่มราวเชื้อโรคร้ายแรงที่พร้อมจะพล่าผลาญชีวิตน้อยๆของเธอ หรืออันที่จริงแล้วเป็นแรงปรารถนาจากข้างในลึกๆของเธอเอง ที่ต้องการเขาอย่างปฏิเสธไม่ได้เฉกเช่นเดียวกัน
และมันไม่ควรเกิดขึ้นเลยสักนิด
แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว เมื่อปภาณิณรู้สึกว่ากำลังคล้องแขนขึ้นไปอยู่บนต้นคอของเขา แล้วยังรู้สึกถึงสัมผัสหนักๆจากฝ่ามือร้อนระอุเหนือสะโพกผ่านเนื้อผ้าของเธออีกด้วย
ทั้งยังถูกลิ้นของเขาเกาะเกี่ยวรุกเร้าในโพรงปากอย่างลึกล้ำอยู่นาน ที่ไม่รู้ว่านานเพียงใด แต่พอตู้โดยสารเหล็กหยุดเคลื่อนไหว พฤกษ์ก็ถอนปากออกจากเธอ เขามองมาด้วยแววตาบ่งบอกความต้องการชนิดที่เห็นแล้วซาบซ่านไปหมดทั้งตัว
“ฉัน...เอ่อ เราต้องคุยกันก่อน”
เธอบอกเสียงสั่นเลยทีเดียว ก็ใครใช้ให้เขาหื่นใส่เธอแบบนี้ จู่ๆก็ดึงเข้าไปจูบ ตั้งแต่พบหน้าพฤกษ์มานี่ เธอถูกเขาเอาเปรียบไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อนเลยสักครั้งเดียว
“ถ้าคุณว่าผมแล้วกลับออกไปแบบเดิมอีก นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะยอมให้เข้าพบ”
ไม่เชิงขู่ และปภาณิณก็ฟังออกว่านั่นกดดันเธอให้รับข้อเสนอของเขากลายๆ
หมดหนทางแล้วจริงๆหรือไร กับการเป็นผู้หญิงลับๆอย่างที่เขาเสนอมา
ความเงียบแทรกผ่านอากาศระหว่างเธอและเขา และในเสี้ยววินาทีนั่นเองที่พฤกษ์คว้าข้อมือของเธอ ยึดเอาไว้เสียแน่นเหมือนกับเด็กชายที่กลัวพลัดหลงจากมารดา กดปุ่มให้ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง พาตรงไปยังด้านนอก เธอแทบสะดุดขาตัวเองเมื่อรับรู้ได้จากแรงจับจูงนั้นว่าเขาเร่งเร้าเพียงใด
ไม่นานทั้งคู่เดินมาหยุดลงตรงประตูห้องริมสุดบนของชั้น พฤกษ์ทาบมือร้อนผ่าวเหนือบั้นเอวดันให้เธอเดินหน้าตามแรงจับจูง และเธอก็ตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญที่ต้องดั้นด้นมาพบเขาในครั้งนี้เสียก่อน
“เรื่องพี่กวิน...”
“มาขอร้องอีกแล้ว?” เขาถามราวกับเยาะ
ก็จะไม่ใช่แบบนั้นหรอกหรือ ในเมื่อกวินถูกซ้อมหน้าพังยับก็เพราะเมาแล้วเข้าไปลวนลามหญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเขาที่ชื่ออัญญา แถมยังถูกรวบตัวไปนอนซังเตแล้วตอนนี้ด้วยข้อหาพัวพันยาเสพย์ติด เธอกล้ายืนยันว่ากวินไม่มีทางเกี่ยวข้องกับยาเสพย์ติดอย่างแน่นอน
พฤกษ์กอดอกมองมาเงียบๆเปิดโอกาสให้เธอเริ่มเจรจาอย่างใจเย็น
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนะคะ พี่กวินเมาและก็คงจำสับสน”
พฤกษ์สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างต้องการระงับอารมณ์ชนิดหนึ่ง และปภาณิณเองก็มัวแต่พะวงแต่กับเรื่องที่เธอต้องการเจรจา จนไม่ทันสังเกตเห็น
“แบบนี้ไงถึงต้องเอาไปดัดความคิดความจำในคุก จะได้ไม่มั่วกับผู้หญิงคนไหนได้อีก”
“พี่กวินไม่ใช่คนแบบนั้น” เถียงเขาขึ้นมาทันที เพราะพฤกษ์กล่าวหาอีกฝ่ายจนเกินจากความจริงไปไกลโข แม้กวินจะหน้าตาหล่อเหลา แต่กลับไม่ใช่พวกชอบมั่วคั่วสาวไปทั่วเสียหน่อย
พอตั้งสติได้ก็รีบสงบปากสงบคำ เพราะเธอมาเพื่อขอร้องเขา ไม่ใช่มาเถียงคำไม่ตกฟาก และบางทีพฤกษ์ผู้ไม่ชอบการถกเถียงอาจหมั่นไส้จนปิดหนทางช่วยเหลือเธอก็เป็นได้ แม้จะยังแอบหวังเล็กๆว่าที่เขาบอกไว้ว่านั่น ขอให้มันเป็นเพียงแค่การหยอกเย้ากันเท่านั้นก็ตาม
“ตามข้อตกลงเดิม”
พฤกษ์บอกสั้นๆ จนเธออดฉุนวูบขึ้นมาไม่ได้
“ทำไมคุณต้องอยากให้ฉันเป็นผู้หญิงลับบ้าบออะไรนั่นด้วย”
ปภาณิณถามเสียงสั่นเครือ อยากคิดว่าเขาพิศวาสเธอนักถึงได้ยื่นข้อเสนอเรื่องเดิมอยู่อย่างนั้น แต่หากว่าเขาพิศวาสและใยดีเธอจริง เขาต้องรู้ดีว่าเธอชิงชังนักกับการเป็นผู้หญิงลับๆของผู้ชาย
และยังอีกเรื่อง เขากำลังจะแต่งงานกับอัญญา พฤกษ์ทำแบบนี้ถือว่าเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด ถ้าหื่นนักก็ทำไมไม่ไปทำกับผู้หญิงคนนั้น เธอคิดใส่ร้ายเขาอยู่ในใจ แล้วก็ให้โมโหอย่างหนัก เมื่อสำนึกได้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกดีกับเธออย่างที่เธอมีให้เขาเลยสักนิดเดียว
ถามเขาเสียงหวิว แววตาที่มองรวดร้าวอย่างเห็นได้ชัด
“หรือคุณยังตัดใจจากฉันไม่ได้ถึงได้อยากเอาไว้สนองตัณหาลับหลังแฟนของคุณ”
พฤกษ์มองมาด้วยสายตาที่เธอคาดเดาความคิดของเขาไม่ออก มีแต่ความเหยียดหยันอยู่ในนั้นจนสัมผัสได้ และเมื่อเขาเงียบ เธอเลยถามออกไปอีก
“ไม่มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนั้นเลยใช่ไหม”
ได้ยินเสียงตัวเองถามอย่างรอความหวังว่าเขาจะตอบกลับมาว่าไม่ใช่ เขายังคงเป็นพี่พฤกษ์คนเก่าคนนั้นคนที่หวังดี ปรารถนาดีต่อเธอไม่เปลี่ยนแปลง แต่แววตาที่พฤกษ์ทอดมองมามันแปรเจตนาไปทางนั้นไม่ได้เลยจริงๆ
เมื่อไม่ได้ยินเขาพูดว่าอะไรอีก เธอหลับตาลงทันทีพร้อมกับเอ่ยปากยอมรับด้วยหัวใจอันห่อเหี่ยวแห้งแล้งถึงที่สุด
“นานแค่ไหน กับการเป็นผู้หญิงลับๆของคุณ”
“เดือนเดียวก็หรูแล้ว ปกติผมไม่ชอบใช้อะไรซ้ำๆเกินสามครั้ง”
“เดือนเดียว?” เธอทวนเขาเสียงเบาหวิว หมดสิ้นศรัทธาในตนเองถึงที่สุด
“อ้อ นับวันเอาดีกว่า ต้องมาเป็นเวลาสามสิบวัน เผื่อวันไหนคนหัวเสเกิดเบี้ยวไม่มา ผมจะได้ไม่เสียเปรียบ”
เธออยากตะโกนใส่หน้าเขาเสียตอนนี้ วินาทีนี้ว่าเขาไม่มีทางเสียเปรียบเลยแม้แต่นิดเดียว มีแต่ได้กับได้ แล้วนิ่งรับชะตากรรมอันแสนโหดร้าย ก่อนตอบออกไปด้วยเสียงสั่นเทา
“ก็ได้ ฉันยอมรับข้อเสนอทุเรศๆนั่นแล้ว”
พฤกษ์อยากหัวเราะออกมาให้ดังๆนัก แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะท่าทีบอกว่ายอมแต่โดยดีมันมีการต่อต้านแฝงอยู่อย่างแนบเนียน แล้วเลยสั่งเสียงเข้มงวดกับหญิงสาวตรงหน้าว่า
“ลืมตาขึ้นมาฟังก่อน ผมมีข้อตกลงเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย”
จึงต้องทำตามอย่างที่เขาสั่งชนิดเลี่ยงไม่ได้ ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขามองเธออยู่ก่อนแล้ว