เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาเอาเรื่องที่ฝังตัวในดวงตาหวานซึ้งคู่ของอัญญา
บรรยากาศดูอึมครึมครู่หนึ่ง เชียรเอ่ยปากขึ้น
“พี่เจอคุณสุรัตน์ด้วยนะน้องอัยย์”
อัญญาได้ยินชื่อคุณสุรัตน์ก็ตาโต แววตาเต้นระริกขึ้นในทันที หญิงสาวละมือที่คล้องแขนพฤกษ์ออกแล้วถาม
“ที่ไหนคะพี่เชียร”
“แถวๆสระน้ำ นี่พี่ยังไม่ได้เซย์ไฮแกเลย ไปด้วยกันไหม”
“ไปค่ะไป” อัญญาตอบอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดนาน แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ามากับพฤกษ์ เชียรดูท่าทีออก รีบพูดขึ้น
“งั้นเราไปกันเถอะ ฝากน้องเหนือด้วยนะพฤกษ์ เดี๋ยวเรามา”
แล้วเชียรก็ดึงมืออัญญาให้ไปอีกทางตอนที่กล่าวจบ พร้อมเสียงคุยกันคลอเสียงหัวเราะที่ดังแว่วมาให้ได้ยินจนลับตาไป
คล้อยหลังสองคนนั่นแล้ว ให้บังเกิดวามเงียบที่ตรงนั้น และปภาณิณคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องให้ใครมาดูแลเธอ จึงขยับตัวเดินหลบไปอีกทาง ตั้งใจหามิสเตอร์เฉินให้พบให้จงได้ จะได้กลับออกไปจากที่นี่เสียที
“ไม่รอเชียรก่อนหรือ เดี๋ยวมาไม่เจอจะมาว่าเอาได้ว่าไม่ดูแล”
เธอหันไปมองหน้าเขาหน่อยเดียว และเลือกที่จะไม่โต้ตอบอะไรด้วย ก่อนสาวเท้าเดินไปจากตรงนั้น พลันในใจมีความกรุ่นโกรธแทรกตัวเบียดกับความน้อยเนื้อต่ำใจจนทำให้เดินออกไปคนละทางกับด้านในของงานเลี้ยง
พอเท้าเหยียบย่างลงบนพื้นทรายก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้นว่ากำลังจะเดินลงหาดกอปรกับเสียงหยันที่ดังมาจากทางด้านหลังนั่นด้วยที่ทำให้เธอชะงักขาหยุดเดิน
“งอนเชียรหรือไง ที่เขาทิ้งเธอไปกับน้องอัยย์น่ะ”
ตะโกนออกไปโดยไม่หันไปมองทางด้านหลัง
“หยุดพูดเสียที รู้ไหมว่าเสียงของคุณมันน่ารำคาญ”
ไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกดึงจนหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา พฤกษ์มองมาด้วยสายตาท้าทายแล้วว่าขึ้น “ผมเปลี่ยนใจแล้วดีกว่า นอนด้วยกันแค่คืนนี้คืนเดียว ผมจะเคลียร์หนี้ให้คุณหมดเลย”
คำพูดที่เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม ทำให้เธอยิ่งกว่าเดือดดาล พยายามเลือกเฟ้นหาคำมาว่าเขา แต่ก็ทำได้เพียงเบาๆเท่านั้น ทั้งยังปากสั่นด้วยความคับแค้นใจขณะเอ่ย
“ความต้องการทางเพศของคุณนี่มันพลุ่งพล่านขนาดนั้นเลยหรือคะ ถึงได้เที่ยวหว่านล้อมให้ผู้หญิงคนอื่นมาร่วมหลับนอนโดยไม่เลือกหน้าแบบนี้”
แต่กลับไร้ผล เมื่อพฤกษ์ยิ้มรับท่าทางถูกใจนักหนาที่เธอโต้กลับมาเป็นชุดๆ
“ดูท้าทายดีนี่ ฝึกนานไหม”
เธอไม่ตอบแล้วสะบัดตัวออกจนหลุดจากการกอดรัดที่ไม่ได้แน่นหนาเท่าไรนัก มองเขาอย่างเอาเรื่อง พฤกษ์ยิ้มมุมปาก สายตามองมาอย่างเหยียดหยันถึงที่สุด พร้อมปัดมือหนาใหญ่ผ่านยอดอกของเธอไป ปภาณิณถดตัวถอยห่าง ก็ถูกเขาดึงต้นแขนให้กลับมายืนประจันหน้ากันอีก เสียงดุตวาดใส่ แต่มีหรือที่ราชสีห์อย่างพฤกษ์จะกริ่งเกรงหนูตัวเล็กๆแบบเธอ
“ทำบ้าอะไรเนี่ย หยาบที่สุดเลยเท่าที่ฉันเคยเจอมา”
“ท่าทางแบบนี้...ก็ดูกระตุ้นอารมณ์ไปอีกแบบนะ ให้ตายเถอะ ไปฝึกที่ไหนมา ถึงได้รู้ใจผู้ชายว่าชอบให้ไล่ล่า” เขาว่าพร้อมกับปล่อยมือจากต้นแขนเปลี่ยนเป็นไล้ด้วยปลายนิ้วแข็งแกร่งลากขึ้นลงอย่างปลุกเร้า
ปภาณิณรีบกระชากแขนออกจากสัมผัสนั่นในทันที บอกตัวเองว่าเธอทั้งโกรธทั้งเกลียดเขาอย่างที่สุดแล้ว
“ให้ตายเถอะ ยิ่งคุณสะบัดตัวหนี ยิ่งทำให้ผมคลั่งแทบแย่จนอยากเมคเลิฟด้วยตรงนี้เสียเลย”
พฤกษ์แสร้งครางกระเส่าออกมาด้วยเสียงที่แหบห้าว ก่อนก้าวเข้าไปหาเธอพร้อมตวัดแขนรัดรอบเอวเสียแน่น ดันให้แนบชิดกันจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับเขา แล้วตะโบมจุมพิตลงมาที่ริมฝีปากของเธออย่างดุเดือด มือแข็งแรงสอดขยุ้มตรงท้ายทอยได้รูปตรึงให้นิ่งก่อนบดจูบอย่างดุเดือดเร่าร้อน ปภาณิณตัวแข็ง เธอตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ทันทีที่มือร้อนผ่าวลากผ่านเนื้อผ้ามาถึงฐานทรวงงามจึงได้รู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบอย่างจงใจให้รู้ว่าเธอรังเกียจ พฤกษ์จึงได้หยุดทุกอย่างในตอนนั้นเอง
เมื่อผละออกจากกันได้แล้ว เธอมองเขาอยู่อึดใจ แล้วเค้นเสียงไม่ให้สั่นประกาศกร้าว
“ไม่ว่าจะเป็นคืนนี้คืนเดียวหรืออาทิตย์เดียว เดือนเดียว ครึ่งปี หรือหนึ่งปี ฉันก็ไม่มีทางยอมเป็นผู้หญิงลับๆของคุณ จำเอาไว้!”
ปภาณิณตัดสินใจตรงไปที่รถทันทีแล้วขับรถออกไปในนาทีต่อมา แม้จะล้ามาทั้งวัน แต่การต้องอยู่แล้วพบหน้าพฤกษ์ เธอยอมขับรถออกมาคว่ำตายเสียกลางทางดีกว่า คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะแปรเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
เสียแรงที่เธอหลงเทิดทูนเขามาตลอด
เสียแรงที่แอบวาดความฝันไว้ว่าหากพบกันอีกครั้ง เขาและเธอจะปรับความเข้าใจกันได้ เรื่องในอดีตควรกระจ่างแจ้งเสียที แต่เมื่อเป็นแบบนี้แล้วก็คงต้องปล่อยให้เขาเข้าใจแบบนั้นต่อไป
ช่างปะไร เธอจะหาหนทางอื่นเพื่อกอบกู้ครอบครัวของตัวเอง
และจะไม่มีวันบากหน้าไปพบกับเขาอีก
พฤกษ์ยืนนิ่งตรงจุดที่เชียรพาอัญญาจากไป นานร่วมสี่สิบนาทีกว่าที่ทั้งสองจะกลับมาอีกครั้ง
“อ้าว น้องเหนือล่ะพฤกษ์” เชียรถามเมื่อไม่พบปภาณิณที่ตรงนั้นแล้ว พฤกษ์บอกเสียงมึนตึง
“ไม่รู้สิ”
“ยังไม่ได้ขอเบอร์กันเลย นี่คุณพฤกษ์คงไม่ได้ทำให้น้องตื่นตกใจ แล้วหนีไปหรอกใช่ไหมครับ”
เชียรถามเซ้าซี้จนพฤกษ์เริ่มชักสีหน้า อัญญาลอบสังเกตชายทั้งสองพร้อมกับความสงสัยในสมองของเธอที่เกี่ยวพันไปถึงหญิงสาวคนนั้น แล้วก็พอจะจำได้แล้วว่าเป็นคนเดียวกันกับที่บุกไปหาพฤกษ์ถึงที่ห้องทำงานคราวก่อน เมื่อเธอออกปากถามก็ว่าเป็นเพียงลูกหนี้คนหนึ่งเท่านั้น หวังว่าคงจะไม่มีการเอาตัวเข้าแลกชดใช้หนี้กันหรอกนะ