“มึงมองอะไรวะ”
“กูว่ากูเห็น...หายไปไหนวะ” ผมตอบไอ้ภูผาเพื่อนสนิทของผมเอง แต่ยังตอบมันไม่จบประโยคคนที่ผมเห็นก็หายไปจากโฟกัสของสายตาแล้ว
“เห็นห่าไร เห็นผี?”
“ผีพ่อง! แต่ถ้าเป็นผีก็คงเป็นผีที่สวยฉิบ” ผมหันกลับมาตอบไอ้ภูผา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรต่อเพราะเธอคนนั้นหายไปแล้ว
“หึ ๆๆ กูว่าแล้วมึงจ้องแบบนั้นต้องผู้หญิงชัวร์ มึงแม่งร่านไอ้ห่าคัส”
“จะให้กูมองผู้ชายรึไงวะ”
“แล้วยัยน้องมีมี่ของมึงล่ะ เป็นไงบ้าง”
“ไม่เด็ด”
“อ่าส์! กูอุตส่าห์จะเครมต่อ ไม่เด็ดหรือมึงหวง”
“หึ ๆๆ ได้อยู่ถ้ามึงขยันเพราะน้องมีมี่ของมึงนอนนิ่งเป็นท่อนไม้ ขยันอย่างเดียวคือคราง แต่เล็ก ๆ อย่างมึงคงทำน้องเขาครางไม่ได้หรอกไอ้ผา”
“F_ck!” ไอ้ภูผาไม่พูดอะไรต่อนอกจากสบถคำหยาบเป็นภาษาอังกฤษและชูนิ้วกลางให้ผมเท่านั้น
ผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมันเท่าไหร่ เพราะในใจของผมตอนนี้กำลังติดอยู่ที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมมองเห็นก่อนหน้านี้ เธอเดินอยู่ในคณะที่ผมเรียนอยู่ และผมมั่นใจว่าผมไม่เคยเจอเธอ เธอสวยมาก สวยชนิดที่ว่ามองเห็นผ่านหางตาก็รู้ว่าสวยไม่มีทางที่ผมจะไม่รู้จักแน่นอน
ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่ถ้ามีโอกาสเจออีกครั้งผมจะต้องทำความรู้จักเธอแน่นอน แล้วผมก็จะต้องได้รู้จักแบบลึกซึ้ง ถ้าไม่ได้อย่าเรียกผมว่ามาร์คัสเลยครับ
-เวลาต่อมา-
“...”
“เป็นไรของมึงไอ้คัส อยู่ดี ๆ ก็หยุดเดิน” ไอ้ภูผาหันมาถามผมระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินเข้าไปในสถานที่ที่นานครั้งผมกับมันจะเดินเข้ามา ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ไม่มีทางเข้ามาแน่ เพราะมันมีแต่ความเงียบ เต็มไปด้วยพวกเด็กเนิร์ดน่าเบื่อไปหมดอย่างห้องสมุด
“กูเจอแล้วว่ะ” ผมมองไปทางเดิมพร้อมกับตอบไอ้ภูผาทำให้มันมองตามสายตาผม
“สวยว่ะ สวยฉิบ”
“กูจอง” ผมตอบมันแล้วก็เดินไปหาที่นั่ง ไม่ได้ใกล้เธอเท่าไหร่ แต่เป็นมุมที่เห็นไปชัดเจนพอสมควร
“ไม่ใช่เด็กคณะเรา” ไอ้ภูผาเดินตามมานั่งแล้วก็พูดขึ้น ผมเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับมัน เพราะถ้าเป็นนักศึกษาคณะเดียวกันคงเสร็จผมไปแล้ว
จะหมั่นไส้ที่ผมมั่นใจว่าเธอต้องเสร็จผมแน่นอนก็ไม่เป็นอะไรนะครับ แต่ผมมั่นใจแบบนั้นจริง ๆ การที่ผมจะมีอะไรผู้หญิงสักคนไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครจะง่ายหรือยากก็ตามมันไม่ได้อยู่ที่ผู้หญิง แต่มันอยู่ที่ผมต่างหาก หึ ๆๆ
“กูว่าไม่ใช่เด็กมหาลัยเราด้วยว่ะ มึงดูเข็ม”
“เชี่ยคัส มึงสายตาดีเกินไปไหมวะมองเห็นยันเข็ม” ไอ้ภูผามองผมด้วยความอึ้งเพราะระยะที่ผมกับมันนั่งห่างจากโต๊ะของเธอคนนั้นมันเกือบ 20 เมตร
“สีเข็มมันต่างกัน มองไกล ๆ ก็เห็น”
“แต่กูว่ามึงไม่ได้ตั้งใจมองเข็มเขาใช่ไหมไอ้คัส”
“หึ ๆๆ จะมองอะไรก็เรื่องของกูมึงห้ามมองก็พอเพราะคนนี้...แม่ของลูกกู” ผมตอบไอ้ภูผาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“แม่ของลูกเลยเหรอวะ”
“สเปคกูมึงก็รู้ สวย กูว่า...กูอยู่ในสภาวะตกหลุมรักว่ะ” ผมยังจ้องเธอคนนั้นอยู่พร้อมกับตอบมันด้วยน้ำเสียงเรื่อย ๆ ไม่บ่งบอกว่าจริงจังกับคำพูดมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ฟังดูเหมือนการพูดเล่นสนุกปากหรอก
“มึงโจ๊กแน่นอนไอ้คัส”
“โจ๊กห่าไร สเปคกู” ผมปลายตากลับมามองไอ้ภูผาที่ยังทำเหมือนไม่เชื่อผม ผมไม่เคยชอบใครจริงจังก็ไม่แปลกหรกครับที่มันจะไม่เชื่อ แต่อย่างน้อยมันก็ควรเชื่อสักนิดไม่ใช่ค้านหัวชนฝาในเมื่อผมไม่เคยพูดสักครั้งว่าผู้หญิงคนไหนเป็นแม่ของลูก หรือบอกว่าผมตกหลุมรักใคร
“เอาจริง?”
“เอาจริงสิวะ เอาจริงแน่” ผมตอบมันแล้วก็มองเธอที่นั่งอ่านหนังสือ คงจะเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นที่เข้ามาหาข้อมูลในห้องสมุดคณะผม มันก็ไม่แปลกอะไรสำหรับชีวิตมหาลัยที่จะมีการไปค้นคว้าข้อมูลจากมหาวิทยาลัยอื่นอยู่แล้ว
เธอเป็นคนสวยครับ สวยมาก แต่งหน้าอ่อน ๆ สมวัยของการเป็นนักศึกษา แตกต่างจากบางคนหรืออาจจะหลาย ๆ คนที่ใส่ชุดนักศึกษาแล้วแต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็มจนผมแยกไม่ออกระหว่างนักศึกษาที่แต่งตัวเซ็กซี่กับไซด์ไลน์ของจริง
สวย ท่าทางเป็นธรรมชาติ มองนานยิ่งเพลิน ไม่ใช่แค่น่ากินน่าจับขึ้นเตียงเหมือนคนอื่น แต่เธอสวยจนน่ามองไปหมด
“อยู่ตรงไหนนะ?”
“หาอะไรครับ ให้ช่วยไหม” อ่าส์! นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเข้ามาทักผู้หญิงด้วยคำพูดโคตรเบสิก ดูโคตรเชย แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เข้าหาผู้หญิงในห้องสมุด ไม่สมกับการเป็นมาร์คัสเลยสักนิด แต่ความสวยตรงสเปคของเธอมันดึงดูดผมสำเร็จ
“คะ?” เธอมองหน้าผมแล้วเอ่ยคำพูดสั้น ๆ เต็มไปด้วยความสงสัย
“เห็นเหมือนหาอะไรอยู่ ให้พี่ช่วยหาไหม” ผมถามเธอด้วยรอยยิ้ม ผู้หญิงอะไรวะเห็นในระยะไกลว่าสวยแล้วมองใกล้ ๆ ยิ่งสวย เธอสวยจนทำให้ใจผมสั่น ทั้งที่ความจริงผมเจอผู้หญิงสวยมากมายแต่ผมไม่เคยมีอาการแบบนี้เลยสักครั้ง อาจจะเป็นเพราะเธอตรงสเปคของผมทุกอย่างก็ได้
“เอ่อ...ถ้าไม่รบกวนก็ดีเหมือนกันค่ะ พอดีเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก” เธอบอกผมด้วยน้ำเสียงเกรงใจ แต่ก็ไม่วายส่งรอยยิ้มหวานกลับมาในตอนท้าย และแน่นอนว่ามันเรียกให้ใจผมกระตุกได้เป็นอย่างดี
“โอเคครับผม ถ้างั้นหาหนังสืออะไรอยู่เดี๋ยวพี่ช่วยหา” ผมตอบรับด้วยความเต็มใจ
“หาหนังสือ XXX ค่ะ เมื่อกี้เสิร์ชดูแล้วแต่หาไม่เจอ” เธอเอ่ยชื่อหนังสือให้ผมฟัง
“อ่อ ครับผม พี่ช่วยหานะ” อ่าส์! หนังสือเชี่ยไรวะไม่เคยได้ยินเลย ผมไม่ใช่ผู้สันทัดเรื่องหนังสือซะด้วยสิ แต่ถ้าพูดชื่อเหล้าหรือดาราหนังโป๊ขึ้นมาอันนั้นก็ว่าไปอย่าง ถึงผมไม่รู้จักแต่ก็ยินดีหาช่วยเธอ แต่ผมว่ายิ่งไม่รู้ยิ่งดีจะได้ไม่ต้องทำเล่นละครว่าหายังไม่เจอ
เราช่วยกันหาหนังสือ มีคุยกันบ้างนิดหน่อยแต่ก็แค่ถามว่าเธอเจอรึยัง ผมเจอรึยังก็แค่นั้น ความจริงผมหาเจอแล้วครับแค่ทำเป็นยังหาไม่เจอให้เวลาผ่านไปสักพักก็เท่านั้น แต่พอเห็นใบหน้าเครียดของเธอผมก็ไม่อยากยืดเวลา เพราะเธอคงจำเป็นต้องค้นคว้าข้อมูลจากหนังสือนั่นล่ะถึงได้มาหาที่มหาลัยอื่น
“เจอแล้วครับ”
“คะ? อ้าว อยู่ตรงนั้นเองเหรอคะ หาตั้งนานทำไมไม่เจอนะ” เธอมองหนังสือที่ผมดึงออกจากชั้นหนังสือด้วยรอยยิ้มก่อนจะพึมพำออกมาด้วยท่าทางแปลกใจ
“สงสัยตอนมองคงตาลายมั้งครับ หนังสือมันเยอะนี่ พี่ยังมองผ่านตั้งหลายรอบเลย”
“คงงั้นมั้งคะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ถ้าไม่ได้พี่มาช่วยหาป่านนี้คงยังไม่เจอแน่เลยค่ะ” เธอยยิ้มขอบคุณแล้วก็พูดออกมาด้วยเสียงหวานของเธอ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองไหม แต่การพูดของเธอเป็นธรรมชาติ น้ำเสียงทุกอย่างมันเพราะฟังแล้วรื่นไหลไม่มีอาการสั่นหรือตื่นเต้นประหม่าในการคุยกับผู้ชายแม้แต่นิดเดียว
ฟังเสียงของเธอที่คุยกับผมแล้วมันทำให้ผมรู้สึกเสียความมั่นใจนิดหน่อย เสียความมั่นใจเพราะผู้หญิงคนอื่นไม่เคยมีใครแสดงอาการเมินเฉยต่อผมสักครั้ง ขนาดพวกผู้หญิงที่มีผัวหรือควงเพื่อนผมมายังแสดงอาการเกร็งหรือหวั่นไหวให้ผมรับรู้ จะมีก็แค่เพื่อนสนิทของผมที่เรียนอยู่เมืองนอกอย่างควีน แล้วก็บรรดาซ้อแฟนเฮีย ๆ ที่ผมสนิทเท่านั้นที่ไม่ตื่นเต้นเวลาคุยกับผม
เห็นอาการของเธอแบบนี้มันก็ทำให้ผมยิ่งอยากค้นหา อยากค้นหาจริง ๆ นะครับ ไม่ใช่แค่อยากเอาชนะ ตามประสาผู้ชายรักสนุกอย่างที่ผ่านมา
“แล้วอยากได้หนังสืออะไรอีกครับ พี่จะได้ช่วยหา”
“ไม่แล้วล่ะค่ะ เล่นนี้เล่มเดียว...ก็เกินพอแล้ว ยังไงก็ขอบคุณมาก ๆ นะคะ”
“ยินดีครับ แต่เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลยนะ พี่ชื่อมาร์คัสครับ” ใครจะไปคาดคิดว่าคนอย่างผมเป็นฝ่ายอยากรู้จักผู้หญิงก่อนทั้งที่ทุกครั้งมีแต่สาว ๆ เสนอตัวพร้อมกับบอกชื่อย้ำชื่อตัวเองให้ผมฟังบ่อย ๆ พวกเธอทำเหมือนพูดชื่อตัวเองหลาย ๆ ครั้งแล้วจะทำให้เข้ามาอยู่ในใจผมได้ ทั้งที่ความเป็นจริงแทบจะทุกครั้งที่เสร็จหรือแยกย้ายกันผมก็จำชื่อไม่ได้อยู่เป็นประจำ
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่มาร์คัส...มิ้นท์ค่ะ”