“โอเคค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วย แต่พอดีว่ามีเรื่องด่วนที่ต้องเข้ามาขัดจังหวะตอนนี้”
“อะไรของหล่อนยะ?”
“มีคนมาขอพบคุณรีสค่ะ”
นุชนารถรีบหันมาและย่นคิ้ว “ใครกันคะมาขอพบฉันตอนนี้ เขาได้แจ้งผู้จัดการส่วนตัวของฉันไว้หรือเปล่าคะ”
“เห็นผู้จัดการของคุณบอกว่าเขาแจ้งเธอไว้แล้วค่ะ”
“เขาเหรอ?...ใครน่ะ...เขาชื่ออะไร?” สวีทเลิฟแทรกขึ้น
“เขาให้บอกคุณรีสว่า...เขาชื่อเมมฟิสค่ะ”
คำตอบนั้นยิ่งทำให้คนฟังงุนงงหนักขึ้นไปอีก นุชนาถเหลือบมองเข็มนานาฬิกาติดผนังที่ใกล้ถึงเวลาเดินทางไปงานเลี้ยงใหญ่ของเหล่าดาราในอีกไม่ถึงชั่วโมง โดยปกติแล้วเวลาเร่งด่วนแบบนี้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอจะไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบ แล้วคนคนนั้นเป็นใครกันถึงทำให้ผู้จัดการส่วนตัวของเธอยินยอมได้
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนยะ?” สวีทเลิฟที่ทำหน้ายุ่งเป็นฝ่ายถาม
“เขารออยู่ที่ห้องสวีทชั้นเดียวกันนี่ล่ะค่ะ”
“โอเค...หล่อนเอาหน้าบื้อ ๆ ของหล่อนออกไปจากห้องนี้ได้แล้วไป”
“ค่า...สวีทตี้”
สต๊าฟสาวคนสวยรับคำพร้อมกลอกตาไปมาก่อนออกไปจากห้องนั้น นุชนาถลุกจากเก้าอี้ สวีทเลิฟลุกขึ้นตามและทำสีหน้าครุ่นคิด
“หวังว่าคงไม่ใช่พวกมหาเศรษฐีงี่เง่าที่ชอบมาติดต่อดาราสาว ๆ หน้าใหม่ไปรับเลี้ยงหรอกนะ”
“ถ้าใช่ฉันก็แค่ปฏิเสธเท่านั้น”
“รีส...”
สวีทเลิฟเรียกหญิงสาวที่กำลังจะหันหลังเดินไปที่ประตู นุชนารีหยุดชะงักและหันกลับไปมองช่างแต่งหน้าหนุ่ม
“มีอะไรเหรอคะสวีทตี้”
“ฉันแค่อยากบอกว่า...ถ้าคืนนี้เธอได้พบกับ...นีล ที่งานเลี้ยงพรมแดง เธอควรต้องอยู่ห่าง ๆ เขา ไม่อย่างนั้นพวกนักข่าวต้องพากันรุมยำเธอแน่ ๆ”
หญิงสาวยิ้มจาง ๆ ให้กับคำพูดแสดงความหวังดีนั้นแม้ตัวเธอเองจะหวั่นใจในสิ่งที่เขาพูดก็ตาม ร่างบอบบางเดินไปหยุดที่ประตูโดยที่สวีทเลิฟหันกลับไปก้มหน้าก้มตาเก็บอุปกรณ์แต่งหน้าบนโต๊ะเครื่องแป้ง แต่เมื่อนุชนาถก้าวออกมายังห้องด้านนอกก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าภายในห้องที่ก่อนหน้านี้มีเหล่าสไตลิสต์จัดเสื้อผ้าและช่างภาพนั้นบัดนี้ไม่เห็นเงาของคนเหล่านั้น มีก็เพียงแต่บุรุษร่างใหญ่สองคนในชุดสูทสีดำสนิทยืนอยู่ และเมื่อพวกเขาเห็นเธอก้าวออกมาจากห้องแต่งตัว หนึ่งในสองคนก็เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าหญิงสาว
“สวัสดีครับคุณรีส”
ชายร่างใหญ่กล่าวขึ้น นุชนารีเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
“เอ้อ...ขอโทษนะคะ พวกคุณเป็นใคร”
“ผมสองคนจะมารับคุณไปพบคุณเมมฟิส”
“รับฉันเหรอคะ?...ฉันกำลังจะออกไปพบเขาพอดี แล้วนี่...ผู้จัดการส่วนตัวของฉันอยู่ที่ไหน”
ดาราสาวเอ่ยถามพลางกวาดสายตาไปรอบห้องขณะเริ่มเกิดความลังเลไม่แน่ใจ ผู้จัดการส่วนตัวของเธอไม่อยู่ มีก็เพียงชายแปลกหน้าสองคนที่ดูไม่น่าไว้วางใจ แต่แล้วชายคนนั้นก็กล่าวขึ้น
“เธอออกไปแล้วครับ...เชิญทางนี้ครับคุณรีส เบคเลอร์”
“ฉันยังไม่ทราบเลยนะคะว่า...คุณเมมฟิส...คนที่มาขอพบฉันเขามีธุระสำคัญอะไร อย่างน้อยฉันควรต้องได้พบผู้จัดการส่วนตัวของฉันก่อนนะคะ”
“เราได้แจ้งให้เธอทราบแล้วครับ...ผมขอรับรอง”
เขาพยายามยืนยัน นุชนาถจ้องหน้าคนพูดชั่วอึดใจก่อนที่เขาและชายอีกคนจะเดินไปเปิดประตูราวกับจะบอกว่าเธอต้องออกไปจากห้องเดี๋ยวนั้น ร่างแน่งน้อยเริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะทุกอย่างดูไม่ปกติหากก็ต้องเดินตามชายทั้งสองไปยังอีกห้องซึ่งอยู่ด้านสุดของโถงทางเดินบนชั้นที่ห้าสิบของโรงแรมดัง และเมื่อไปถึงหญิงสาวจึงหยุดยืนที่หน้าห้องนั้นและหันไปมองชายแปลกหน้าที่พาเธอมา
“เชิญครับ”
หนึ่งในนั้นเปิดประตูให้ หญิงสาวยังยืนนิ่งอยู่อีกไม่ถึงนาทีและตัดสินใจก้าวเข้าไปในห้อง บานประตูถูกปิดลงและชายทั้งสองก็ไม่ได้ตามเข้ามา ในห้องนั้นเป็นห้องพักแบบสวีทหรูหราและมีขนาดใหญ่โตโอ่โถงมาก นุชนารีกวาดสายตาไปทั่วห้องพักเลิศหรูกระทั่งไปหยุดที่ร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขก และเมื่อเขาเห็นว่าใครเข้ามาก็เปลี่ยนท่าเป็นนั่งหลังตรงและประสานมือไว้ด้านหน้า
“สวัสดี...คุณรีส เบคเลอร์”
เสียงทักทายที่ดังขึ้นนั้นทุ้มกังวานแต่หนักหน่วง หญิงสาวมองไปรอบห้องอีกครั้งก็ไม่เห็นว่ามีใคร มีเพียงเธอและ ใครคนนั้น ที่ไม่แน่ใจเลยว่าเขามีจุดประสงค์อันใดถึงได้มาขอพบเธอที่นี่ ร่างแน่งน้อยก้าวเข้าไปหยุดที่ชุดเก้าอี้รับแขกที่ซึ่งร่างสูงใหญ่ของชายอเมริกันผิวสีแทนจัดภายใต้ชุดสูทสีนิลนั่งอยู่ และเมื่อเข้าไปใกล้เธอจึงได้เห็นใบหน้าคร้ามเข้มนั้นชัด ๆ เขาเป็นผู้ชายที่จัดได้ว่าหน้าตาดีมาก หล่อเหลาถึงขั้นที่ทำให้เธอนึกถึงเหล่านายแบบโลก
รูปร่างนั้นสูงสง่าแม้ขณะนั่งก็ประมาณได้ว่าเขาน่าจะสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรเลยทีเดียว นุชนาถเผลอจ้องหน้าคมคายที่สันกรามแกร่งรกด้วยขนเคราสั้นและจมูกโด่งยาวรับกับริมฝีปากหยักหนาโดยไม่รู้ตัว โครงหน้าใต้กรอบเรือนผมสีบรูเน็ตนั้นคมเข้มดิบดัน และเธอก็เผลอจ้องนัยน์ตาสีน้ำตาลหม่นทรงอำนาจคู่นั้นกระทั่งเขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“นั่งสิ...คุณรีส เบคเลอร์”
“เอ้อ...คุณคือ...”
“เมมฟิส...ผมชื่อเมมฟิส แคเมอรอน”
ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงฟังดูเหมือนราบเรียบขณะโน้มตัวไปหยิบแก้วไวน์บนโต๊ะขึ้นมาจิบเบา ๆ โดยไม่ได้มองสีหน้าของอีกฝ่ายว่าเปลี่ยนไปแทบจะในทันทีที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามนั้น นุชนาถนิ่งอึ้งและยืนนิ่งงัน
เธอเอามือประสานกันไว้เบื้องหน้าและมองบุรุษร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้มทว่าเยือกเย็นที่วางแก้วไวน์ลงพร้อมทั้งเหลือบมองเธออีกครั้ง นุชนาถจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยยิ้มเหยียดขึ้นแว่บหนึ่ง หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอที่เริ่มแห้งผาก เธอจ้องมองเขาเหมือนเป็นสิ่งแปลกประหลาดที่สุดในโลก
“ว่าไงล่ะ...ทำไมไม่นั่ง”
เขาถามอีกหนแต่เสียงนั้นหน่วงมากกว่าเดิม นุชนาถเม้มปากเข้าหากันแน่นก่อนตอบ
“ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับดิฉันหรือคะ คุณ...แคเมอรอน”