Ep2(1) : อานนท์ บูรณกำจร By...kanokrot

1405 คำ
คนแรงเยอะเท่าช้างสารยื้อแรงสุดกำลังเพื่อกระชากเรียวแขนเล็กให้ลุกขึ้นจากพื้นถนนโดยไม่คิดห่วงว่าหญิงสาวจะรู้สึกเจ็บหรือไม่ เพราะนี่มันท้องถนนสำหรับรถวิ่งผ่าน ไม่ใช่เวทีแสดงสำหรับคนเจ้าเล่ห์ที่บังอาจเที่ยวหากินแบบผิดกฎหมายอย่างยัยผู้หญิงคนนี้กำลังกระทำอยู่ โดยมีเขาเป็นเหยื่อเสียด้วย แต่ทว่าคนยังอยู่ในอาการขวัญเสียกลับขยับแขนขาไม่ขึ้นตามแรงดึง เลยยิ่งเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับคนรั้งร่างจนเป็นเหตุทำให้คนเจ้าอารมณ์ที่หลงเอาความคิดตัวเองตัดสินกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่หัวเสียหนักยิ่งกว่าเดิม อานนท์ส่งสายตาวาววับจับจ้องร่างสั่นผวาไม่ต่างจากเสือร้ายที่กำลังจ้องตะครุบเหยื่อของตนเอง “จะลุกขึ้นเดินดีๆ หรือจะให้ฉันจับเธอเหวี่ยงขึ้นไปบนถนนนั้นแทน” อานนท์ขู่ฟ่อ สันกรามแกร่งปูดโปนจากความโมโหสุดกลั้นมาพร้อมกับเสียงคำสั่งแหบกระด้าง “ฉันสั่งให้เธอลุกขึ้น...เดี๋ยวนี้!” “.....” แต่ทว่ากลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบรับใดอีกเช่นเก่านอกจากเสียงสะอื้นไห้ ซึ่งดูๆแล้วไม่ต่างจากการปาวัตถุระเบิดเข้าไปในเปลวเพลิงดีๆนี่เอง ข้อมือร้ายเกร็งขยับบีบแน่นพร้อมจิกเล็กคมลงบนเนื้อนิ่มเตรียมพร้อมกระทำอย่างที่ตนเองขู่ คนหวาดกลัวรู้สึกเจ็บตรงที่ถูกบีบแต่ไม่กล้าส่งเสียงร้องประท้วงใดออกมาทั้งนั้น ยังคงนั่งตัวสั่นงันงกปล่อยให้คนหัวเสียเต้นผางไปฝ่ายเดียว “จะไม่ลุกขึ้นดีๆใช่ไหมหึ...ยัยนักต้มตุ๋น” อานนท์กัดฟันถามพร้อมรั้งร่างบางลอยขึ้นจากพื้นก่อนจะลากถูไปตามพื้นถนนเมื่อเขาสิ้นสุดความอดทน “.....” ส่วนคนถูกเข้าใจผิดให้เป็นนักต้มตุ๋นยังคงไม่กล้าลืมตาขึ้นมาดู หญิงสาวเม้มปากกลั้นเสียงร้องเอาไว้สุดแรง ใจยังเต้นโครมครามไม่หาย หวาดกลัวกับน้ำเสียงดุดันของเขาจับใจ เธอเลยยอมปล่อยให้ตัวเองถูกลากไปตามพื้นถนน คิดเอาไว้ในใจ ต่อให้ต้องเจ็บตัวเป็นแผลถลอกปอกเปิก ก็ยังดีกว่าต้องเผชิญหน้ากับอสุรกายปากร้ายอย่างเจ้าของรถแรงคันที่เกือบชนเธอเข้าเมื่อกี้นี้ ดีหน่อยที่วันนี้เธอสวมกางเกงยีนขายาวมา ความหนาของเนื้อผ้า จึงช่วยลดทอนแรงเสียดทานผิวตัวเองกับผิวของพื้นปูนได้พอสมควร เธอไม่เจ็บเมื่อถูกลากกับพื้น แต่เธอเจ็บหัวไหล่ตอนถูกเขากระชากขึ้นจากพื้นมากกว่า ไม่รู้ว่าไหล่จะหลุดหรือเปล่าด้วยสิ เพราะตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บร้าวเหลือเกิน... “ลุกขึ้นสักทีสิโว้ย! จะฝืนตัวเองไว้ทำบ้าอะไรนักหนาหะ มันหนักไม่รู้หรือไง แล้วนี่มันก็เป็นถนนสำหรับรถวิ่งไม่ใช่ที่นั่งเล่นของเธอนะยัยนักต้มตุ๋น นี่ถ้าเกิดรถมันวิ่งสวนทางออกมา อย่ามากล่าวหาว่าฉันเป็นคนชนเธอตายก็แล้วกัน เพราะฉันจะไม่ยอมควักเงินในกระเป๋าช่วยค่าทำศพเธอแม้แต่สตางค์แดงเดียว” คนโมโหพ่นคำบ่นยาวเหยียด ครั้นพอจะตัดใจ แล้วทิ้งเจ้าหล่อนไว้ตรงกลางถนนนี้ให้สิ้นเรื่องราว เพื่อที่ตัวเองจะได้ขับรถกลับบ้านเพื่อพักผ่อนเสียที แล้วค่อยปล่อยให้ลูกน้องมาจัดการสะสางปัญหานี้ต่อโดยไม่คำนึงหรือสนใจไยดีในตัวผู้หญิงคนนี้อีกใจเขานั้นดันทำไม่ได้เสียด้วย ถ้าหากเกิดมีรถยนต์ขับสวนทางออกมาจากร้านอาหารแล้วชนแม่นี่เขา เขามิซวยตามไปด้วยหรอกเหรอไง อารมณ์ของอานนท์เริ่มปะทุเดือดขึ้นมาเรื่อยๆจนกลายเป็นลาวาร้อนระอุปากร้ายกาจนั้นขยันบ่นขยันจิกกัดหญิงสาวตลอดทางที่ลากร่างบาง มุขธิดาฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะเธอมัวเอาแต่ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เวลายิ่งผ่าน ดวงตาเข้มราชสีห์ยิ่งเริ่มลุกเป็นไฟ เตรียมฟาดงวงฟาดงากับทุกสิ่งที่คิดขว้างหน้า ถ้าขืนเจ้าหล่อนยังไม่ยอมผ่อนแรงโดยการลุกขึ้นเดินเสียเอง เดี๋ยวพ่อจะจับโยนไปเสียจริงๆหรอก คอยดู... "เอาไง จะลุกหรือไม่ลุก" "....." คนร้องไห้ส่ายหัว ไม่ใช่เป็นการปฏิเสธแต่เธอไม่ทันฟังคำถามของเขาต่างหาก แต่ทำเอาคนถามถึงกับตาลุกวาว “ตกลงเธอจะไม่ลุกขึ้นเดินเองดีๆใช่มั้ย! ก็ได้ เดี๋ยวรู้กัน...” อานนท์ถามเสียงเครียดกัดฟันแน่นเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเขาทั้งกระชากทั้งลาก ทั้งข่มขู่เจ้าหล่อนสารพัด แต่เจ้าหล่อนยังคงเอาแต่นั่งก้มหน้าร้องไห้มันลูกเดียว เขาจะถือซะว่าเจ้าหล่อนขัดคำสั่งประกาศิตจากเขาก็แล้วกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะมาโทษเขาไม่ดีไม่ได้ด้วย เขาเตือนเจ้าหล่อนแล้วนะเมื่อกี้นี้... เสี้ยววินาทีต่อมา หลังจากคนฟิวส์ขาดคาดโทษก็แล้วข่มขู่ก็แล้ว แต่ว่าคนขวัญบินหายยังไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น อานนท์กลั้นใจก้มมองร่างเล็กตรงฝ่าเท้าของตัวเองอีกหน นัยน์ตาดุเป็นนิจหลับลง พอลืมขึ้นมาอีกที เขาจัดการดึงรั้งร่างเล็กของแม่ตัวจิ๋วจนตัวลอยขึ้นเหนือพื้น จับโยนทีเดียวร่างนั้นปลิวกระเด็นล้มโครมตรงริมฟุตบาทพอดี ผลั๊ก!ตุ๊บ! เสียงเหมือนของหนักหล่นกระทบพื้นปะปนกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นประสานกันทันทีที่ร่างเล็กร่วงพล่อยลงบนพื้นปูน “โอ๊ะ!..ซู้ด!” คนถูกจับโยนไม่ต่างจากสิ่งของหลุดร้องเสียงหลง อาการเจ็บจนจุกจากแรงกระแทกทำเอาหญิงสาวต้องงอร่างลงกับพื้น ปล่อยเสียงโฮลั่น น้ำหูน้ำตาเปรอะเปื้อนจนใบหน้าขาวมอมแมม “ฮือๆ...ฉันเจ็บนะคนใจร้าย เหวี่ยงกันได้ลงคอ” “ดีสมน้ำหน้า ฉันเตือนเธอแล้วไม่อยากฟังเอง ช่วยไม่ได้” เขาบอกเสียงเขียวพร้อมสะบัดฝ่ามือกับอากาศพลางหยักไหล่เก๋ไก๋ เหลือบแลหางตามองก้อนขยะตรงหน้าอย่างซะใจ เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษขนาดนั้น สิ่งแวดล้อมรอบกายสอนให้เขาตาต้องตาต่อตาฟันต่อฟันมาเสมอ “แล้วก็เลิกแหกปากร้องไห้ซะที ถ้าไม่อยากถูกฉันเอาขี้ดินยัดปาก” อานนท์ชี้หน้าคาดโทษอีกจนได้ มุขธิดาเจ็บจนพูดไม่ออก ทำได้เพียงพยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นนั่งในท่าที่ถนัดขึ้น พลางคลำสะโพกตัวเองปรอยๆเพื่อลดอาการเจ็บร้าวให้เบาบาง “เอ้า...จะเอาค่าแสดงครั้งนี้กี่บาทก็เรียกร้องมา แต่ถ้าเยอะเกินบทบาทที่เธอกล้าลงทุนเดินให้รถฉันเกือบชน เธอไม่ได้ตายดีแน่ นอกจากเธอจะไม่ได้เงินจากฉันสักบาทเดียว เธอยังจะกลายเป็นผีเฝ้าทะเลที่ไหนสักแห่งด้วย” ร่างสูงราวเสาไฟยกมือขึ้นเท้าสะเอว ส่งสายตาดุร้ายมองร่างกลมที่ห่อหุ้มเสื้อผ้าแสนเก่า สภาพผ้าขี้ริ้วบ้านเขายังจะดีซะกว่าอีก อานนท์เห็นแล้วก็เบ้ปากอย่างนึกแคลน “ฉันจะให้เงินเธอหนึ่งหมื่นสำหรับการแสดงครั้งนี้ แต่จะขอเตือนว่าคราวหน้าคราวหลังก็หัดหาทำมาหากินอาชีพที่มันสุจริตหน่อย ไม่ใช่ใช้กลโกงเพื่อหวังปล้นเงินคนอื่นอย่างหน้าด้านๆแบบนี้อีก” อาจเพราะนิสัยเคยชินมาตลอด กับการแก้ปัญหาโดยใช้เงินฟาดหัว ทำให้อานนท์มองสิ่งรอบกายเป็นเพียงสิ่งของไร้หัวใจ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมมีผลประโยชน์ ใครจะได้มากได้น้อยนั้นขึ้นอยู่กับไหวพริบ ความฉลาด และกลโกง เขาเองก็มีส่วนผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะอาการมึนเมาเล็กน้อยหลังจากการดื่มเลี้ยงรับรองลูกค้า ทำให้เขาเหยียบคันเร่งเต็มที่ ท้องถนนเส้นนี้เขาพอจะคุ้นชิน เพราะพาลูกค้ามาเลี้ยงบ่อย ความจริงตรงนี้มีป้ายขนาดกลางเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็ว เขารู้แต่ไม่คิดสนใจ ปล่อยหน้าที่นี้ให้คนข้าม ก็รถเขามันแรง จะให้ลดความเร็วตามป้ายเตือนได้ยังไง... “คุณหมายถึงอะไร?”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม