ตีห้าฉันต้องทำตัวเป็นนักย่องเบา ย่องออกจากห้องของพี่ไทก้าเพื่อที่จะกลับมาที่บ้าน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปทำงาน ทว่าก็ไม่ลืมไปเอาน้องแมวที่พี่เขาฝากไว้ที่ลุงยามหรอกนะ
ฉันมาถึงบ้านก็หกโมงนิดๆ แต่ด้วยบ้านฉันเป็นแม่ค้า พ่อกับแม่ก็ตื่นแล้ว แต่แม่ไม่ได้ถามอะไรฉันมาก ที่ถามคือเรื่องของแมวมากกว่า หากไปทำงานก็คงต้องให้แม่เป็นคนดูแลไว้ เจ้าแมวตัวนี้ฉันตั้งชื่อให้ ระหว่างที่ขับรถมา ถ้วยฟู ก็ขนมันฟูสีขาวน่ารักดี
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็บอกกับแม่ว่าให้ดูแล ถ้วยฟูให้หน่อย อาหารแมวฉันแวะซื้อที่เซเว่นมาแล้ว จากนั้นก็รีบ ออกบ้านกลัวว่ารถจะติด
ในระหว่างทางที่ขับรถมา ก็เหมือนจะปกติดี แต่อยู่ๆ
"เป็นอะไรเนี่ย ฉันรีบนะเว้ย"
รถของฉันเหมือนจะดับ แต่น้ำมันฉันก็เติมไว้เต็มถัง ฉันตัดสินใจเลี้ยวลงไหล่ทางตามคาดมันดับจริงๆ กว่าจะถึงบริษัท ฉันต้องเข้าสายแน่นๆ
ฉันก้าวขาลงจากรถแล้วเปิดกระโปรงหน้า ที่จริงก็ทำอะไรไม่เป็นหรอกแค่ดู ไม่รู้จะทำยังไงเลยบอกพ่อให้ขับรถอีกคันตามมา ส่วนฉันคงนั่งแท็กซี่ไปทำงาน ส่วนรถพ่อคงให้ช่างมาลากไปอู่ เฮ้ย ทำไมช่วงนี้มีแต่เรื่อง
ฉันนั่งแท็กซี่มาที่ทำงานได้ทันเวลาพอดี ด้วยความเร่งรีบกลัวว่าจะเข้างานสายก็เลย ไม่ได้ซื้อกาแฟเจ้าประจำ เพราะวันนี้ฉันต้องรีบไปเคลียร์งานที่ค้างให้หัวหน้าด้วย
แต่พอเดินขึ้นมาที่โต๊ะเท่านั้น สิ่งที่ฉันแปลกใจคือ กาแฟเจ้าประจำตั้งอยู่บนโต๊ะเรียบร้อย ใครกันที่รู้ใจขนาดนี้
"อิ้ง เราซื้อกาแฟมาเผื่อ คิดว่าอิ้งคงมาสายแน่"
เสียงที่ดังมา คือดินแดนเพื่อนร่วมงานของฉันเอง
"ขอบใจนะ รถเราเสียกลางทาง ก็เลยได้นั่งแท็กซี่ครั้นจะไปซื้อก็กลัวว่าจะเข้างานสาย ว่าแต่ทำไมรู้ว่าเราไม่ไปซื้อละ"
"ก็เล่นมาสายกว่าทุกวัน หากไปยืนรอเราคิดว่ามาไม่ทันแน่ อีกอย่างวันนี้ไม่เห็นรถ อิ้งด้วย"
ฉันฉีกยิ้มให้เพื่อนร่วมงาน ก่อนที่จะหย่อนสะโพกลงนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง จากนั้นก็เคลียร์งานที่หัวหน้ามอบหมายให้ เพราะไม่อยากจะค้างนาน อีกอย่างช่วงบ่ายนี้มีประชุม หัวหน้าแจ้งว่าจะประชุมเรื่องโปรเจกใหญ่ เพราะทุกคนที่แผนกต้องเสนองานตัวเองให้ฝ่ายการตลาด หากผลงานใครได้รับเลือก นั่นแปลว่าตำแหน่งใหม่ข้างหน้ารออยู่
ฉันนั่งทำงานจนเสร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ คงเพราะกาแฟที่ดินซื้อมาเผื่อมันทำให้ร่างกายตื่นตัว แม้ว่าเมื่อคืนฉันจะโดนศึกหนักมาก็ตามที
เที่ยง
โทรศัพท์
"ไปไม่ได้วะ"
(อะไรว่ะ ร้านก็อยู่แถวบริษัทนะ ทำไมมึงจะมาไม่ได้ ทำอย่างกับกูไม่เคยทำงานที่นั่น)
"ที่บอกไปไม่ได้เพราะกูนัดกับดินกินที่โรงอาหารเนี่ย"
(ปะ ไปซุ้มคบกันตอนไหน เนียนนะมึงบอกว่าคุณเดย์แค่พี่น้องที่แท้แอบคบดิน)
"โอ้ยท่านceoค่ะ มึงคิดไปถึงไหน กูแค่เลี้ยงข้าวตอบแทนเขาเพราะเมื่อเช้ารถกูเสีย แล้วมาสาย เขาเลยซื้อกาแฟมาเผื่อเท่านั้น แค่นี้นะ ไม่อยากคุยกับท่านประธานแล้ว"
ภัทรก็ขยันให้ฉันมีแฟนเหลือเกิน ขยันหาคนเข้ามาในชีวิต แต่ถ้ามันรู้ว่าคนที่เข้ามาในชีวิตฉันจริงๆเป็นเขาคนนั้น มันคงคาดไม่ถึงแน่
ฉันกับดินมุ่งหน้ามาที่โรงอาหารของบริษัท จากนั้นฉันก็ไปหยุดอยู่ร้านข้าวแกง แล้วถามดินว่าอยากกินอะไร
"เอาอะไรดี"
"อะไรก็ได้ อิ้งสั่งอะไรก็เอาให้เราแบบนั้นแหละจะได้ไม่ยุ่งยาก"
"แต่เรากินรสเผ็ดนะ"
"ได้หมด"
"ที่จริงไม่ต้องเลี้ยงเราก็ได้นะ ก็แค่กาแฟไม่กี่บาทเอง"
"ไม่กี่บาทก็เงินนะ ส่วนข้าวแกงก็ไม่กี่บาทเหมือนกัน เราไม่อยากเอาเปรียบเพื่อน เงินเดือนเราเท่ากัน ดินก็ต้องใช้เหมือนกันนิ"
พูดแล้ว ฉันก็ส่งยิ้มให้ดิน จากนั้นก็หันไปสั่งอาหาร ไม่นานเราทั้งคู่ก็เดินมาที่โต๊ะ ส่วนดินบอกว่าจะไปซื้อน้ำขวด ให้ฉันนั่งรอ จังหวะนั้นเสียงแจ้งเตือนมือถือก็ดังขึ้น
ข้อความ
ไทก้า เมื่อเช้ากลับตอนกี่โมง ทำไมไม่ปลุกพี่
ฉันอ่านแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับไป เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเวลานี้คงเป็นเวลาที่เขาตื่นนอนสินะ ฉันวางมือถือลงบนโต๊ะไม่กี่อึดใจเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นอีก เมื่อมองดูเบอร์แล้วก็ชั่งใจอยู่สักพัก แล้วถึงกดรับ
"ค่ะ"
(อ่านแต่ไม่ตอบ คือไร)
"อิ้ง ทานข้าวอยู่"
(เหรอ พี่ก็ยังไม่ทาน)
"พี่ก็สั่งสิ"
(ถ้าเป็นเมื่อก่อน อิ้งต้องซื้อมาให้พี่ไม่ใช่หรือไง)
"แต่วันนี้อิ้งไม่ว่าง"
เสียงสนทนานั้นเงียบลงสักพัก เป็นจังหวะที่ดินเดินเข้ามาพร้อมคำถามที่ถามฉันพอดี
"อิ้ง เอาน้ำหวานไหมเราซื้อมาแค่น้ำเปล่า"
(นี้สินะที่ไม่ว่าง)
"งั้นแค่นี้นะ อิ้งทานข้าวกับเพื่อน"
ฉันรีบวางสายทันที แม้ในใจจะแอบหวั่น กลัวเขาจะโกรธแม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้รักตนก็ตามที แต่มันยากนะที่จะหักห้ามใจไม่ให้รักเขา ก็ใจมันรักไปแล้วจะให้ทำไง แม้จะรู้ว่าเขาเป็นเสือผู้หญิงก็เถอะ
หลังจากที่ทานข้าวเที่ยงอิ่ม พ่อของฉันก็โทรมาบอกเรื่องรถ คงเป็นข่าวร้ายเพราะพ่อบอกว่าอู่เขาลากไปจอดแต่คงต้องรอร่วมอาทิตย์เพราะเครื่องยนต์มีปัญหา แต่โชคดีที่ฉันยังไม่ขับมาไกล ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุ สรุป เบญจเพสต้องอายุยี่สิบสี่ หรือยี่สิบห้ากันแน่ ทำไมฉันเจอแต่เรื่องร้ายๆ