คุณหนู

1842 คำ
“ไปพาตัวออกมาจากในห้อง” เมื่อรถหรูของปรินทร์จอดเทียบท่าตรงบริเวณหน้าบ้านไร่ที่อยู่ห่างไกลความเจริญแบบมากๆ เนื้อทองก็รีบลงจากรถและรีบวิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองในทันที ไม่พูดไม่จาอะไรกับใครทั้งนั้น ทำเอาปรินทร์ที่ก้าวลงรถตามมาถึงกับอารมณ์ขึ้นเรียกหาคนดูแลบ้านอย่างแดงอ้อยลั่นบ้าน เขาต้องการตัวเด็กเหลือขอคนนั้นมาจัดการสั่งสอนเดี๋ยวนี้ โดยไม่สนใจว่าเวลานี้มันจะเริ่มมืดค่ำแล้วก็ตาม เพราะเด็กคนนั้นดูช่างกล้าดีเกินตัวที่ทำให้เขาอารมณ์เสียแบบไม่มีหยุดพักเลยตั้งแต่เจอหน้ากัน “ค่ะๆ” แดงอ้อยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรีบวิ่งอย่างกุลีกุจอไปทำตามคำสั่งในทันทีทิ้งงานถักผ้าที่กำลังทำอยู่ไปเลย เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าปรินทร์จะมาที่นี่พร้อมกับเนื้อทองเด็กสาวที่เธอคอยดูแลอยู่ ทำเอาเธอตกใจไม่น้อยถึงกับแสดงท่าทีลนลานออกไป นับเป็นการมาเยือนบ้านไร่แห่งนี้ของปรินทร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบจะสิบแปดปี และเป็นการพบกันครั้งแรกของพ่อเลี้ยงและลูกเลี้ยง สำหรับคนแก่อย่างเธอที่เฝ้ารอวันดีๆแบบนี้มาโดยตลอดก็ทำเอาดีใจปนตื่นเต้นขึ้นมาเลย แต่ในความดีใจปนตื่นเต้นนั้นมีความกังวลซ่อนอยู่ด้วยเพราะว่าคงต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆไม่อย่างนั้นคนอย่างเนื้อทองไม่มีทางวิ่งหนีไปแบบนั้น “คุณหนูเปิดประตูค่ะ คุณหนู” แดงอ้อยเล่นตามน้ำไปก่อนตามคำสั่งพร้อมกับครุ่นคิดไปเรื่อยๆว่ามันกำลังมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทำไมเด็กสาวที่ภายนอกแข็งแกร่งแต่ภายในน่าสงสารจับใจถึงได้วิ่งหนีมาแบบนั้น ทั้งที่เด็กสาวนั้นเฝ้ารออยากจะเจอผู้เป็นพ่อมานานแสนนาน ไม่น่าจะแสดงอาการแบบนั้นออกมา “ไปเอากุญแจสำรองมา” ปรินทร์ยืนรอดูท่าทีของคนที่กล้าวิ่งหนีเขาไปสักพักโดยยังไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆกับสิ่งที่ใช้ให้แดงอ้อยทำ แต่คนภายในห้องกลับเงียบไม่ตอบรับการร้องเรียกใดๆก็ทำเอาเขานั้นอยู่นิ่งๆต่อไปไม่ได้ เขาหันไปเรียกหาบุญส่งให้ไปหยิบกุญแจสำรองของห้องนี้ ที่บุญส่งมีหน้าที่เก็บรักษาไว้ออกมา “ครับ” บุญส่งรีบวิ่งไปหยิบกุญแจที่เก็บอยู่ในครัวเอามาให้กับผู้เป็นเจ้านายตามคำสั่ง รีบร้อนไปมาอย่างลืมไปเลยว่าอายุนั้นหกสิบกว่าแล้ว ทำเอาเหนื่อยหอบแทบขาดใจเมื่อวิ่งกลับมาถึง “คุณหนู คุณหนู” ทันทีที่ปรินทร์เปิดห้องนอนของเนื้อทองออก แดงอ้อยก็รีบแทรกตัวเข้าไปในห้องนอนนั้นเป็นคนแรก เธอรีบเรียกหาเด็กสาวเพื่อจะปกป้องเอาไว้ก่อนที่ปรินทร์จะเข้ามาภายในห้องนอนเล็กๆนี้ แต่มองหาเด็กสาวเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ภายในห้องนอนเล็กนั้นมีแต่ความว่างเปล่า “ตัวแสบหนีไปจนได้ซินะ” ปรินทร์ที่เดินเข้าภายในห้องตรงดิ่งไปยังหน้าต่างที่ถูกเปิดอยู่ทันที พร้อมกับก้มหน้าลงไปมองร่องรอยของการหนี กรามหนาของชายหนุ่มถึงกับขบเข้าหากันแน่นเมื่ออารมณ์ร้อนกำลังปะทุภายในอกแทบระเบิดออกมา มือหนาทุบลงตรงขอบหน้าต่างอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์ที่กำลังร้อนจนถึงจุดเดือดออกไป “คุณหนูกระโดดหน้าต่างหนีไปแน่ๆ ทำไงกันดีวะยายแดง” บุญแอบเดินเข้ามาภายในห้องนอนของเนื้อทองอีกคน แล้วรีบเข้าไปกระซิบกระซาบพูดกับแดงอ้อยด้วยความพยายามให้เงียบที่สุด ไม่ให้ปรินทร์ที่ยังยืนอยู่ตรงหน้าต่างได้ยิน สถานการณ์ชักเริ่มตึงเครียดเข้าไปทุกทีแล้ว ชักเริ่มมีกลิ่นไม่ดีรุนแรงมากขึ้นทุกที จนเขากำลังกลัวว่าเนื้อทองกำลังจะเดือดร้อนเพราะความดื้อที่ได้ก่อขึ้นมา “เงียบก่อน” แดงอ้อยหันไปตวาดสามีจอมพูดมากของเธอเบาๆเพราะไม่อยากให้ปรินทร์ได้ยินอะไรที่ทำให้ต้องมีความโมโหเพิ่มขึ้นมาอีก ตอนนี้การทำตัวให้นิ่งไว้เป็นดีที่สุดน่าจะเป็นหนทางเดียวที่พอจะช่วยเนื้อทองเอาไว้ได้ เพราะนั้นเป็นการทำให้ปรินทร์ลดอารมณ์แห่งความโมโหลง และอาจไม่สนใจความดื้อของเนื้อทองอีก “สั่งให้คนงานในไร่ตามหาเด็กนั้นให้เจอ” ปรินทร์รีบเดินออกจากห้องนอนของเด็กเหลือขอคนนั้นแล้วเดินออกจากบ้านไป โดยให้บุญส่งรับคำสั่งจากเขาไปกระจายให้คนงานภายในไร่รับรู้ เพราะเขาต้องการจะเจอตัวเด็กคนนั้นภายในคืนนี้ “สวัสดีครับคุณหนึ่ง” ชุบคนงานเก่าแก่ประจำโรงเลี้ยงม้าชั้นดีของบ้านไร่ยกมือไหว้ผู้เป็นเจ้านายที่กำลังเดินตรงมาทางเขา เขาเป็นเพียงคนงานเพียงคนเดียวในโรงเลี้ยงม้าที่รู้จักกับปรินทร์เพราะผู้เป็นเจ้านายคนนี้ไม่เคยมาเหยียบที่ไร่แห่งนี้มาเกือบจะยี่สิบปีแล้ว แม้กาลเวลาจะผ่านมานานหลายปีที่ไม่เคยเจอหน้าผู้เป็นเจ้านายเลย แต่ปรินทร์ก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีแก่ลงเลย ไม่เหมือนเขาที่แก่ลงทุกวันๆจนผมขาวแทบจะหมดหัวแล้ว “พาทองขาวออกมา” ปรินทร์เรียกหาม้าตัวใหม่ที่เขาเพิ่งสั่งมาจากต่างประเทศเพื่อมาเป็นพ่อพันธุ์ในการเพาะพันธุ์ม้าชั้นดีขาย เขาจะขี่มันออกตามล่าเด็กแสบนั้น เพราะถ้าขับรถยนต์ไปอาจจะข้ามจุดที่เด็กนั้นหลบซ่อนตัวอยู่ได้ “ครับ” ชุบรีบหันไปสั่งลูกน้องอีกทีเพราะเขาแก่เกินกว่าจะไปพาม้าตัวใหญ่นั้นมาเองแล้ว ร่างกายของเขามันโรยราไปตามวัย ผิดกับผู้เป็นเจ้านายที่ยังดูหนุ่มแน่นราวกับอายุเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ “เธอจะต้องถูกลงโทษอย่างสาสมโดยไม่มีข้อยกเว้นเนื้อทอง” ร่างหนาแสนกำยำของปรินทร์กระโดดขึ้นหลังม้าในทันทีพร้อมกับสายฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา เขาควบม้าไปด้านหน้าด้วยความเร็วตามรอยเท้าเล็กๆที่วิ่งหนีออกมาจากบ้าน “ไอ้รองเท้าบ้า” เสียงเล็กๆของเนื้อทองกับทะเลาะกับรองเท้านักเรียนของเธอที่กำลังติดดินเหนียวๆอยู่เต็มไปหมดจนเดินต่อไม่ได้ และเธอก็จำต้องถอดรองเท้านั้นทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเพราะถ้าขืนใส่มันต่อไปเธอคงหนีไปได้ไม่ไกลแน่นอน ก็เพราะดินในไร่ที่มีการปลูกพืชมากมายที่เธอก็ไม่รู้จักว่ามันเป็นพืชอะไรด้วยไม่เคยใส่ใจถูกรดน้ำจนแฉะไปทุกพื้นที่และนั่นก็ทำให้ดินพวกนั้นติดรองเท้าของเธอ และถ้าเธอโดนจับได้ขึ้นมาเธอจะถางพืชบ้าๆพวกนี้ทิ้งจะได้ไม่ต้องมีการรดน้ำอะไรกันอีก ต่อไปเธอจะได้หนีรอดไปได้ “จะมาตกอะไรกันตอนนี้เนี้ย คนยิ่งรีบๆอยู่” ยังทะเลาะกับดินและรองเท้ายังไม่ทันจะจบดีเม็ดฝนก็โปรยปรายลงมาจากฝากฟ้าอีก ทำเอาเด็กสาวที่ยังคงใส่ชุดนักเรียนอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นทะเลาะกับฟ้ากับฝนต่ออีก แต่ถึงจะทะเลาะกับสิ่งรอบตัวไปทั่วๆเธอก็ไม่ลืมที่จะออกวิ่งไปข้างหน้าเพื่อจะไปยังไร่ข้างๆ ที่นั่นมีคนพอจะช่วยเธอได้อยู่ “รอยเท้าครับนาย น่าจะมุ่งหน้าไปทางไร่ลำไยครับ” คนงานที่ช่วยกันออกตามหาร้องเรียกปรินทร์ที่ขี่ม้ามาหยุดอยู่ใกล้ๆเมื่อเจอเข้ากับรอยเท้าเล็กๆ รอยเท้านั้นเป็นเท้าเปล่าชัดเจนที่วิ่งผ่าไปตามแปลงปลูกกะหล่ำปลีขนาดใหญ่มุ่งหน้าไปทางส่วนของไร่ลำไย “เดี๋ยวกูตามต่อเองพาทองขาวไปดูแลด้วย” ปรินทร์ลงจากหลังม้าแล้วเดินเท้าตามรอยเด็กเหลือขอนั้นไป โดยเขาไปเพียงลำพังไม่ได้ให้คนงานตามไป เพราะตรงที่เขากำลังเดินไปนั้นมันไม่ใช่แค่ทางเดินไปยังส่วนของไร่ลำไยแต่ยังเป็นทางเดินไปยังท้ายไร่ที่มีพื้นที่ติดกับไร่ของพ่อเลี้ยงกมล เขาไม่อยากคนอื่นที่นอกเหนือจากคนภายในไร่ของเขาต้องมารับรู้ว่าเขากำลังตามหาเด็กแสบนั้นอยู่ การที่เขาไปเพียงลำพังจะดีกว่า เพราะถ้าแห่กันไปหมดนี้คงต้องมีคนนอกมารับรู้แน่นอน “ครับคุณหนึ่ง” คนงานภายในไร่รีบยกขบวนกันเดินกลับไปในทันทีตามคำสั่ง เพราะฝนเริ่มลงเม็ดหนาตาขึ้นมากแล้ว โดยมีคนงานที่เป็นชายฉกรรจ์สองคนคอยตามปรินทร์ไปห่างๆเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ “สองปีก่อนมันยังไม่มีลวดหนามนี่นา ใครมาทำเพิ่มวะ เกะกะชะมัด” เนื้อทองกึ่งวิ่งกึ่งเดินฝ่าสายฝนมาจนสุดทางเดินของไร่ลำไยถึงกับออกอาการเข่าอ่อนขึ้นมาทันที เมื่อเธอนั้นมาเจอเข้ากับลวดหนามขึงเอาไว้เต็มไปหมดตรงรอยต่อระหว่างไร่สองไร่ สองปีก่อนเธอเคยมาที่ตรงนี้มันยังไม่มีอะไรแบบนี้เลย แล้วใครกันมาทำลวดหนามขวางเธอเอาไว้แบบนี้ “ฉันสั่งทำเอง” เสียงหนาของปรินทร์ตอบคำถามที่เด็กสาวกำลังถามอยู่เสียงดังพอสมควรเพราะต้องแข่งกับเสียงฝน เขานั้นเป็นคนสั่งทำรั้วลวดหนามนั้นขึ้นมาเอง เพราะพ่อเลี้ยงกมลเจ้าของไร่ข้างๆเริ่มทำไร่บุกรุกเข้ามาภายในไร่ของเขา “งั้นก็เชิญอยู่ดูต่อไปเถอะ” เนื้อทองปีนขึ้นไปบนรั้วลวดหนามอย่างไม่มีเกรงกลัวว่าจะถูกหนามของลวดเกี่ยวเอาแม้แต่นิด และเพียงอึดใจเธอก็ขึ้นไปอยู่บนเส้นลวดเส้นบนสุดของรั้ว เพราะทักษะการกีฬาที่ร่ำเรียนมาในชั้นเรียน “หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ปรินทร์รีบสาวเท้าเดินเร็วเข้ามาหาร่างบางที่กำลังทำตัวเป็นลิงเป็นข้าง พร้อมกับตะโกนเรียกเสียงดังลั่น “ฝันไปเถอะ โอ๊ย” ร่างบางกระโดดลงมาจากรั้วลวดหนามลงไปยังไร่ของพ่อเลี้ยงกมล เธอนั้นกลิ้งไม่เป็นท่าลงไปในหลุมขนาดใหญ่ที่มีต้นหญ้าขึ้นปกคลุมอยู่ เธอส่งเสียงร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในหลุมลึกนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม