สมน้ำหน้า

2087 คำ
“ใครมากันอีกล่ะ” เนื้อทองถามอาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้นเรียนของเธอในทันทีที่เธอเดินมาถึงหน้าโต๊ะของอาจารย์ เธอถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งตามมาแบบโดนขัดจังหวะเพราะเธอนั้นกำลังนั่งคุยกับชนกันต์เพื่อนชายคนใหม่ที่เพิ่งแย่งมาได้อยู่ ทำให้เธอไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ที่ถูกตามมาเพื่อพบใครก็ไม่รู้ จึงได้เอ่ยพูดไปแบบไม่มีหางเสียงแบบนั้น แต่ปกติแล้วเธอก็พูดไม่มีหางเสียงกับใครสักเท่าไหร่อยู่แล้ว เพราะเธอไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องทำด้วยบ้านเธออุปถัมภ์โรงเรียนนี้อยู่ “เนื้อทอง พูดจาให้มันดีๆหน่อยได้ไหมคะ” อาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้นเรียนจำต้องเป็นฝ่ายพูดจาที่ฟังดูไพเราะกับเด็กนักเรียนของเธอออกไปก่อน เธอรู้จักนิสัยดื้อรั้นของเนื้อทองดี และรู้ด้วยว่าจะรับมืออย่างไรในบางครั้ง แต่ในบางครั้งก็รับมือไม่ได้เพราะเนื้อทองไม่ใช่เด็กที่เธอจะเข้าไปยุ่งมากด้วยได้ ด้วยครอบครัวของเธอคือผู้สนับสนุนรายใหญ่ของโรงเรียนแห่งนี้ “ใครมากันอีกล่ะคะ” เด็กสาวพูดอย่างประชดประชันไม่น่าฟังกลับไปพร้อมกับส่งสายตาเบื่อหน่ายไปยังอาจารย์ที่ปรึกษา หวังว่าเธอคงจะไม่มีญาติมาพบ หรือว่ามีใครมาพยายามพากลับไปยังบ้านป่าน่าเบื่อนั้นอีก เธอไม่อยากกลับไป ด้วยกำลังสนุกที่สามารถแย่งเพื่อนชายของคู่อริมาได้ “เขาชื่อคุณดวงใจ จะมาเป็นครูสอนบุคลิกให้กับเธอ เขารออยู่ที่ห้องรับรอง” อาจารย์ทำหน้าที่แนะนำตัวให้กับคนที่มานั่งรอพบเด็กสาวไปแบบคร่าวๆ เพราะเธออยากให้เด็กในปกครองของเธอได้รับรู้อะไรบ้างก่อนที่จะไปพบหน้ากัน เนื้อทองอาจเป็นเด็กดื้อในสายตาทุกคน แต่ถ้าบอกกล่าวกันดีๆในบางครั้งเนื้อทองก็ยอมรับได้ “สวัสดีค่ะหนูครีม” ดวงใจผู้มีอาชีพรับปรับบุคลิกภาพทั่วราชอาณาจักรไทยลุกขึ้นยืนต้อนรับเด็กสาวที่เธอเรียนรู้ประวัติมาเป็นอย่างดีก่อนจะรับงานดัดนิสัยเด็กคนนี้ พร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงถึงความจริงใจ เธอเป็นครูที่แสนเจ้าระเบียบมาก่อน รู้ดีว่าควรจะรับมือกับเด็กคนนี้อย่างไร เพราะถ้าเธอไม่แน่จริงก็คงไม่รับงานที่ดูจะเสี่ยงเสียชื่อเสียงในการทำมาหากินแบบนี้หรอก “คุณเป็นใครมิทราบ กล้ายังไงมาเรียกชื่อของฉันแบบนั้น” เนื้อทองตอบกลับด้วยคำพูดแสนหยิ่งผยองโดยไม่สนว่าคนตรงหน้านั้นจะอายุปาเข้าไปเกือบจะรุ่นยายแล้วก็ตาม เธอไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนมาดัดนิสัยของเธอทั้งนั้น เพราะเธอจะเป็นแบบนี้โดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ด้วยการทำให้ผู้ปกครองของเธอไม่พอใจมันคือความสุขของเธอ และทุกคนก็ต้องยอมรับมันให้ได้ เหมือนกับที่ต้องยอมรับชะตากรรมต้องมาอยู่โรงเรียนประจำแบบนี้ “เนื้อทอง” ปรียาส่งเสียงดุเด็กสาวเล็กน้อยเพื่อให้เด็กสาวพูดจาให้น่าฟังขึ้นกับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เธอรู้ว่าเนื้อทองคงไม่ชอบที่จะต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้ แต่ก็ควรจะรักษามารยาทเอาไว้บ้างเดี๋ยวเขาจะหาว่าอาจารย์อย่างเธอไม่สั่งสอน “บอกเขาด้วยนะ ไม่ต้องพยายามจ้างใครมาหรอก ยังไงก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคนอย่างเนื้อทองได้” แทนที่คำดุของอาจารย์จะทำให้เด็กสาวอย่างเธอยอมอ่อนลงและยอมรับชะตากรรม กลับเป็นแรงผลักให้เธอนั้นกล้าที่จะพูดออกมาหมดทุกความคิด เพราะถ้ายังคงเก็บความคิดนั้นเอาไว้ภายในใจ เธอคงอกแตกตายหลังจากป้าคนนี้กลับไปแล้วแน่ๆ อีกอย่างเธอก็ไม่ใช่เด็กดีในสายตาของใคร จะทำอะไรลงไปก็ย่อมได้ “เนื้อทองทำไมพูดแบบนั้น” ปรียาแทบอยากจะลากตัวเนื้อทองออกไปเอาไม้เรียวฟาดก้นสักทีสองทีก่อนค่อยกลับมาคุยกับใหม่ถึงกับใช้น้ำเสียงที่ดุดันมากขึ้นดุเด็กออกไป ช่างเป็นอะไรที่ขายขี้หน้าเอาเสียเหลือเกินที่เด็กในการดูแลแสดงกิริยาที่ไม่น่ารักออกไปแบบนั้น ราวกับเธอไม่เคยทำการอบรมใดๆเลย แทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีไปเสียให้พ้นจากตรงนี้ “ขอตัวนะคะ” เนื้อทองมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่เหมือนกำลังต้องการบีบบังคับให้เธอทำตามอย่างเบื่อหน่ายแล้วก็เดินออกจากห้องรับรองของโรงเรียนไป เธอเดินกลับไปอย่างไม่มีจุดหมาย ไม่ได้กลับไปหาชนกันต์เพื่อพูดคุยกันต่อเพราะอารมณ์ยังขุ่นมัวอยู่ ในใจคิดเพียงอยากไปหาที่เงียบๆนั่งสงบสติอารมณ์สักพักกับเรื่องบ้าๆที่เกิดขึ้นเพราะพวกผู้ใหญ่ที่ชอบบงการชีวิตของเธอ “เชิญไปขึ้นรถค่ะ” ดวงใจกึ่งวิ่งกึ่งเดินตามเด็กสาวที่เธอเพิ่งพบหน้าเป็นครั้งแรกและก็เจอดีเขาเลย จนตามมาทันคว้าแขนเด็กสาวที่หน้าตึกอำนวยการของโรงเรียนประจำแห่งนี้ เธอยังคงยิ้มอย่างจริงใจและใจดีเพื่อให้เด็กสาวยอมขึ้นรถกลับบ้านไปอบรมนิสัยกับเธอ “ปล่อย” เนื้อทองถึงขั้นโกรธจนตัวสั่นที่มีคนกล้ามาจับแขนรั้งเธอเอาไว้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เธอหันมาตวาดเสียงดังลั่นทันที โดยไม่สนว่าคนตรงหน้าจะแก่คราวย่าคราวยายแล้วก็ตาม ไม่ชอบอะไรที่มันดูจะมาวุ่นวายกับชีวิตแบบนี้เลยสักนิด เพราะที่ผ่านมาเธอก็ถูกพวกคนรวยๆนั้นบงการจนต้องมาอยู่โรงเรียนประจำไร้ชีวิตอิสระ และยังต้องให้เธอไปเจอกับอะไรอีก แค่นี้มันก็ควรจะพอแล้วไหม “อย่าให้ต้องใช้ไม้แข็งนะคะ เชิญค่ะ” ดวงใจงัดเอาความเป็นครูเจ้าระเบียบของเธอมาใช้กับเด็กสาวที่ดูจะปีกกล้าขาแข็งไม่ยอมใคร เธอเปลี่ยนจากยิ้มอย่างใจดีมาทำหน้าโหดราวกับจะจับเด็กฉีกออกเป็นชิ้นๆเมื่อยังไม่ยอมทำตาม “บอกให้ปล่อยไง” เนื้อทองที่ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นเพราะเธอผ่านอะไรมาเยอะภายในรั้วโรงเรียนประจำแห่งนี้ เธอดึงแขนของเธอกลับคืนมาด้วยความแรง และผลักอีกคนให้ไปให้พ้นด้วยความแรงเช่นกัน ไม่สนว่าผลมันจะออกมาอย่างไร ขอแค่ไม่มีใครมาขวางทางเดินของเธอก็พอ “โอ๊ย” ดวงใจล้มหงายท้องก้นกระแทกไปกับพื้นคอนกรีตอย่างจัง และนั้นก็ทำให้เธอลุกไม่ขึ้นเพราะความเจ็บแบบไม่ทันได้ตั้งตัว “สมน้ำหน้า” เนื้อทองหันมายิ้มเยาะด้วยความสะใจก่อนจะเดินต่อไปอย่างคนอารมณ์ดีที่ได้ระบายอารมณ์ขุ่นมัวออกไปแล้ว เธอไม่หันกลับมามองอะไรทั้งนั้นว่าสิ่งที่เธอทำลงไปมันจะเป็นอย่างไร เพราะเดี๋ยวพวกคนรวยๆที่เป็นผู้ปกครองของเธอก็จะส่งเงินมาปิดเรื่องนี้เอง “รู้นะว่าคุณควรจะทำยังไงต่อไป” นิรุตติ์เลขาของปรินทร์กำลังยื่นเช็คให้กับดวงใจที่เขาเพิ่งว่าจ้างไปเมื่อวันก่อนเป็นค่ารักษาพยาบาลและก็ปิดปาก เพราะดวงใจนั้นถูกลูกเลี้ยงของปรินทร์ผลักล้มจนสะโพกร้าวถึงขั้นต้องนั่งรถเข็น เรื่องที่ลูกเลี้ยงของเจ้านายเขาก่อเอาไว้จะต้องถูกปิดเงียบให้ได้มากที่สุดราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อรักษาชื่อเสียงของปรินทร์ที่เป็นถึงผู้บริหารระดับใหญ่ของบริษัทผลิตรถยนต์เอาไว้ งานจ่ายเงินปิดปากแบบนี้เขาทำบ่อยเพราะว่าลูกเลี้ยงของเจ้านายนั้นก่อเรื่องวันเว้นวันก็ว่าได้ “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ดวงใจรับเช็คในนั้นที่มีมูลค่าหลายหมื่นบาทมาไว้ในมือ แล้วเธอก็รีบให้ญาติที่ตามมาคอยดูแลเธอพาเธอกลับบ้าน ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคนในตระกูลที่แสนร่ำรวยนี้อีกแล้ว เพราะมันไม่คุ้มเลยกับที่เธอต้องมาบาดเจ็บถึงขั้นเดินเองไม่ได้แบบนี้ ก่อนหน้านี้มีความตั้งใจจะกอบโกยเงินของคนบ้านนี้ให้ได้เยอะๆแต่ตอนนี้เธอแทบไม่อยากได้แม้แต่บาทเดียวถ้าต้องมาเจ็บแบบนี้ “เรียบร้อยแล้วครับ” นิรุตติ์เดินกลับมาทำหน้าที่ขับรถให้กับผู้เป็นเจ้านายที่นั่งรออยู่บนรถภายในลานจอดรถของโรงพยาบาลต่อ หลังจากที่เขาต้องเป็นผู้ลงทำให้หน้าที่รักษาชื่อเสียงของเจ้านายเอาไว้ พร้อมกับกล่าวรายงานตามระเบียบให้เจ้านายฟังคล้ายกับแจ้งเตือนด้วยว่าเขานั้นกำลังจะขับรถกลับแล้ว เพราะว่าผู้เป็นเจ้านายนั้นกำลังนั่งจ้องมองโทรศัพท์มือถืออย่างเอาเป็นเอาตายไม่สนใจอะไรอย่างอื่นเลย “เด็กคนนั้นคงนิสัยเหมือนพ่อของเธอ” ปรินทร์ถอนหายใจพรืดใหญ่ออกมาอย่างเบื่อหน่ายที่ต้องออกมาทำอะไรแบบนี้ทั้งที่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องมาคอยรับผิดชอบตั้งแต่แรก งานในมือของเขาก็มีให้ทำตั้งมากมายจนล้นมือไปหมด แล้วยังต้องมาคอยดูแม่ตัวภาระนั้นอีก “เด็กคนนั้น คนไหนเหรอครับ” นิรุตติ์แอบมองกระจกหลังเล็กน้อยเพื่อมองหน้าของผู้เป็นเจ้านายก่อนจะเอ่ยถามออกไป ด้วยเขานั้นรู้ความลับของเจ้านายทุกอย่างว่ามีเด็กในสังกัดกี่คน เขาก็เลยไม่รู้ว่าวันนี้เจ้านายพูดถึงเด็กคนไหน เขาอยากจะรู้ให้แน่ใจก่อนจะได้พูดคุยไปด้วยได้ถูกต้อง จะได้ไม่ทำให้เจ้านายอารมณ์เสียไปมากกว่าเดิม “เฮ้อ” ปรินทร์ถอนหายใจพรืดใหญ่อีกครั้งดังลั่นรถอย่างนึกเบื่อหน่ายในตัวเลขาคนซื่อของเขา ถ้าไม่ติดว่านิรุตติ์ทำงานเก่งกาจไปเสียทุกเรื่องเห็นทีว่าเขาอาจจะเปลี่ยนเลขาไปนานแล้วก็เป็นได้ เพราะนิรุตติ์มีนิสัยที่ซื่อเอามากๆ บางครั้งเขาพูดอะไรด้วยเพียงไม่กี่คำหวังให้เข้าใจก็ต้องแปลความกันยาวจนเหนื่อยอยู่บ่อยครั้ง “ขอโทษครับ” นิรุตติ์แอบยิ้มแห้งๆให้กับความซื่อของตัวเองที่ทำให้เจ้านายต้องถอนหายใจอย่างดังออกมา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเด็กที่เจ้านายพูดถึงนั้นไม่ใช่พวกคู่นอนแต่เป็นลูกเลี้ยง “ฉันจะไปต่างจังหวัดสักวันสองวัน ถ้ามีอะไรด่วนก็ตัดสินใจแทนฉันไปได้เลย” ปรินทร์ให้เลขาของเขาขับรถมาส่งเขาที่บ้านพักก่อนที่จะส่งให้นิรุตติ์นั้นกลับไปทำงานแทนเขาต่อ เพราะว่าเขามีเรื่องสำคัญที่คงต้องไปจัดการด้วยตัวเอง เพราะถ้าปล่อยไปแบบนี้แม่ตัวดีนั้นคงต้องเลื่อนเดินทางแน่ๆ และเขาก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เขาอยากให้ลูกเลี้ยงนอกลำไส้ของเขานั้นไปให้พ้นๆเสียที “ครับคุณหนึ่ง” นิรุตติ์ไม่ถามหาเอาความจริงอะไรจากเจ้านายสักคำเพราะเรื่องส่วนตัวของเจ้านายถ้าไม่สั่งกับเขา เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว “แล้วเตรียมเรื่องที่เรียนของเด็กบ้านไร่ให้เรียบร้อยด้วย” ปรินทร์สั่งเรื่องสำคัญกับเลขาของเขาอีกเรื่องเพราะทันทีที่เขาจัดการดัดนิสัยเด็กคนนั้นเรียบร้อยแล้ว เขาจะจับเด็กคนนั้นใส่เครื่องบินส่งไปให้ไกลที่สุดในทันที เขาอยากจะพอแล้วหน้าที่พ่อเลี้ยงจอมปลอมที่เขาต้องมาคอยปวดหัวเพื่อรักษาชื่อเสียงบ้าบอของวงศ์ตระกูล “ครับ” นิรุตติ์รับคำเจ้านายแล้วก็รีบขับรถกลับออกไปเพื่อทำงานต่อ และรีบเร่งไปทำงานที่เจ้านายสั่งด้วย เพราะว่าปรินทร์ไม่ชอบคนชักช้า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม