EP.6

1490 คำ
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันอีกครั้ง มันจะง่ายเกินไปไหม แค่เล่าเรื่องที่กำลังคิดอยู่ แลกกับแหวนราคาห้าแสนของเขา หรือว่าเขารวยล้นฟ้าจนไม่รู้จะเอาเงินไปแจกจ่ายใครดี เลยคิดจะเอาเงินมาแจกเธอ แลกกับคำบอกเล่าของเธอแค่ไม่กี่คำ          ‘ฝันไปรึเปล่าวะเนี่ย’          “ผมพูดจริงนะ”          ‘ถ้าเขาพูดจริง แค่เธอเล่าเรื่องที่คิดหนักกับเขา เธอก็จะได้แหวนวงนั้นมาครอง จากนั้นก็เอาไปขายเอาเงินมาใช้หนี้ให้ตากับยายก็ยังเหลือเงินใช้อีกตั้งเยอะ มันก็น่าเล่านะ ก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่ แถมถ้าเธอไม่คิดแต่งงานกับใคร ก็ไม่ต้องเลือกใครเป็นเจ้าบ่าวด้วย ตากับยายก็จะสบายขึ้นด้วย และถึงเล่าไป แล้วเขาไม่ให้แหวน ก็ไม่ได้เสียหายอะไรอีกเช่นกัน’          “เล่าให้คุณฟังก็ได้ค่ะ”          แล้วน้ำมนต์ก็พยายามอธิบายเรื่องราวการเลือกคู่ครองของเธอให้ชายหนุ่มฟังแบบสั้นๆ กะทัดรัดได้ใจความ ซึ่งเรื่องนี้ไกด์สาวได้เล่าให้เขาฟังแล้วตั้งแต่ตอนเช้า เพราะฟังแม่ของหล่อนเล่ามาอีกที เรื่องของเด็กสาวน้ำมนต์น่าสนใจไม่น้อย แล้วพอมาฟังที่หญิงสาวเล่าเอง หล่อนก็เล่าได้ตรงตามที่เขาได้ฟังมา ก็นับว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนตรงไปตรงมา และเป็นเด็กดีทีเดียว          ‘น่าเสียดายถ้าต้องมาแต่งงานเพื่อล้างหนี้และเพื่อตอบแทนคุณ ผู้หญิงดีๆแบบนี้ ควรจะได้เลือกผู้ชายสักคนที่หล่อนรักมาเป็นสามี หรือมีทางเลือกที่ดีกว่านี้’          “แล้ว เอ่อ... คุณเลือกใครล่ะครับ”          หญิงสาวถอนหายใจยาวออกมา ก่อนตอบ          “ฉันไม่อยากเลือกใครเลยค่ะ แต่ฉันก็อยากให้ตากับยายสบายขึ้น ฉันควรจะทำยังไงดี จะเลือกใครดี และฉันจำเป็นต้องเลือกไหม” ประโยคหลังๆหญิงสาวเหมือนบ่นออกมาลอยๆมากกว่า          “ก็ไม่ต้องเลือกสิครับ รับแหวนวงนี้ เอาไปขาย เอาเงินไปใช้หนี้ รับไปสิครับ” แบเรียลถอดแหวนแล้วยื่นมาให้หญิงสาวตรงหน้า หล่อนยังทำท่าลังเล ยังไม่ยื่นมือออกไปรับไปง่ายๆ          “มันคือแหวนเพชรแท้ครับ ไม่ปลอมแน่นอน” ไม่รู้ว่าเขาอธิบายว่ายังไง แต่เขาน่าจะมีเจตนาดี หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อยๆยื่นมือออกไปรับแหวนเพชรงามระยับจับตานั้นมาไว้ในมือ แล้วเงยหน้ามองใบหน้าหล่อชวนฝันแบบชาวตะวันตกนั้น ก่อนจะเอ่ยคำขอบคุณออกมา          “ขอบคุณค่ะ”          ชายหนุ่มยิ้มให้อย่างอ่อนโยน          “ผมเต็มใจ เพราะคุณเป็นคนดี”          น้ำมนต์ยิ้มเขิน หน้าแดงเมื่อถูกชมตรงๆ          “ตอนนี้คงได้เวลาไปบอกคำตอบกับทุกคนแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ บาย” น้ำมนต์หันหลังกลับ แล้วเดินไปหาตากับยายที่นั่งยิ้ม พูดคุยสนทนากับคุณนายทั้งสามครอบครัวที่มาสู่ขอหลานสาวของนาง ส่วนตาเชิศก็นั่งดื่มกับบรรดาว่าที่ลูกเขยกับสามีทั้งหลายของพวกคุณนายทั้งสามอย่างเพลิดเพลิน เพราะได้กินเหล้าฟรี สามหนุ่มที่ไม่ค่อยพูดคุยกันนัก มองไปยังน้ำมนต์ที่เดินเข้าไปนั่งแหมะข้างๆยายแจ่ม ต่างก็เข้าข้างตนเองว่าน้ำมนต์จะต้องเลือกตนแน่ๆ แล้วเมื่อป้าสงวนถามสาวเจ้าขึ้นมา ทุกคนต่างก็ตั้งใจรอฟังคำตอบจากปากของน้ำมนต์กันอย่างใจจดใจจ่อ          “หนูน้ำมนต์เลือกได้แล้วใช่ไหม ว่าอยากจะแต่งงานกับใคร”          “จ้ะ” น้ำมนต์พยักหน้า          “แล้วใครจ๊ะ เป็นว่าที่เจ้าบ่าวคนนั้น ใช่ลูกชายของป้าหรือเปล่า” ป้าหอมนวลถามขึ้นมาบ้าง ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดูมีสง่าราศีตามประสาคุณนายปั้มน้ำมันที่มีฐานะร่ำรวยไม่น้อยหน้าใคร          “หนูเลือกไว้ในใจแล้วจ้ะ แต่ว่าหนูให้คำตอบทุกคนพรุ่งนี้ตอนบ่ายนะจ๊ะ ขอเอาคนที่หนูเลือกไปปรึกษาตากับยายเป็นการส่วนตัวก่อน ถ้าตากับยายเห็นดีด้วย หนูก็ตกลงจ้ะ”          ทั้งสามครอบครัวต่างก็ถอนหายใจไปตามๆกัน ขณะที่สามหนุ่มก็คิดว่า จะหาเวลาทำคะแนนกับหญิงสาวก่อนที่จะฟังคำตอบจากปากของเธอในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้          ...ทว่าพอทุกคนกลับออกไป น้ำมนต์ก็หายหน้าไปเช่นกัน เธอไม่อยู่ให้ผู้ชายคนไหนทำคะแนนได้เลย...          ที่ร้านจิวเวลรี่แห่งหนึ่ง ในตัวอำเภอเมือง          วาสนามาเป็นเพื่อนน้ำมนต์นำแหวนเพชรมาขาย ทางร้านเมื่อเห็นสองสาวแต่งตัวบ้านๆ ก็กดราคาแหวน จากแหวนเพชรที่มีมูลค่าถึงห้าแสนกว่าๆ เหลือเพียงสามแสนถ้วนเท่านั้น คนที่ไม่รู้เรื่องเพชรก็ไม่รู้จะต่อรองยังไง ก็เลยขอเพิ่มอีกสักสองหมื่น บอกเขาไปว่าสามแสนที่ได้จะเอาไปใช้หนี้ให้หมด แต่อีกสองหมื่นที่เหลือ จะเอาไปทำทุนเลี้ยงชีพ และวาสนาก็ช่วยพูดหว่านล้อมให้เพื่อนรักดูน่าสงสารมากที่สุด จนเจ้าของร้านยอมเพิ่มให้อีกสองหมื่น ทั้งสองสาวดีใจมาก หอบเงินใส่กระเป๋าสะพายเก่าๆกลับบ้าน          “พริ้ม เราว่าไปบ้านพี่กิจก่อนดีไหม”          วาสนารู้ว่าน้ำมนต์จะไปบ้านของกรกิจก่อนเพื่ออะไรก็พยักหน้า          “แล้วแต่น้ำสิ แต่ว่าตอนนี้เราไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม พริ้มหิวแล้วอ่ะ”          “จ้ะ ได้เลย เดี๋ยวน้ำเลี้ยงเอง พริ้มอยากจะกินอะไรล่ะ ร้านนั้นไหม” น้ำมนต์ชี้ไปที่ร้านอาหารร้านหนึ่งซึ่งเมนูอาหารน่าจะพิเศษกว่าร้านข้างทาง วาสนาพยักหน้า แล้วจูงมือกันเข้าไปในร้าน          “กรี๊ด! ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย! โจรวิ่งราวกระเป๋า!”          “น้ำมนต์!”          วาสนาวิ่งตามน้ำมนต์ที่วิ่งตามโจรไปติดๆ แต่โจรวิ่งราวไวกว่ามาก และพวกชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นก็ทำได้แค่มองตามกันตาปิบๆ ไม่มีใครช่วยวิ่งตามโจรไปสักคน น้ำมนต์มองไอ้คนเลวมันฉกกระเป๋าตังค์เธอขึ้นรถไปต่อหน้าต่อตาโดยทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากจะเข่าอ่อนทรุดตัวนั่งร้องไห้อยู่ข้างถนน          ‘หมดกัน เงินตั้งสามแสนกว่า หายไปหมดในพริบตาเดียว ชาตินี้ทั้งชาติจะหาได้ไหม เงินเยอะแยะขนาดนั้น เงินที่จะเอาไปใช้หนี้ให้กับตากับยาย หมดเกลี้ยงเลย’          “น้ำ ช่างมันเถอะนะ ถือว่าฟาดเคราะห์ ลุกขึ้นเถอะ เดี๋ยวเราไปกินข้าวกัน พริ้มเลี้ยงเอง”          น้ำมนต์ส่ายหน้า          “น้ำคงกินอะไรไม่ลงหรอก”          “โธ่น้ำ อย่าคิดมากเลยนะ ถือซะว่าเงินนั่นไม่ใช่ของเราแต่แรก ถ้าใช่มันก็คงจะอยู่กับเรา อีกอย่างมันก็ได้มาง่ายๆ มันก็เลยเสียไปง่ายๆ น้ำอย่าคิดมากเลยนะ”          ‘จริงสิ มันได้มาง่ายๆ มันก็เลยเสียไปง่ายๆ’ น้ำมนต์เริ่มใจเย็นลง          เงินนั่นมันไม่ใช่เงินจากน้ำพักน้ำแรงของเธอ มันเหมือนเงินที่ลอยมาจากฟ้า แวบเดียวก็ปลิวหายไปตามลม เธอไม่ควรจะไปเสียดายมันมากไม่ใช่หรือ          แต่มันก็อดที่จะรู้สึกเสียดายไม่ได้จริงๆนะ เงินที่จะใช้หนี้ให้ตากับยายมาอยู่ในมือแล้วแท้ๆ แต่ยังหลุดมือไปได้อีก แล้วทีนี้เธอต้องกลับไปเลือกผู้ชายคนใดคนหนึ่งเป็นสามีของเธอจริงๆเหรอ          “พริ้ม เราต้องเลือกแล้วใช่ไหม ว่าจะแต่งงานกับใครดี” “ฮื่อ แต่ว่าน้ำก็มีสิทธิ์ไม่เลือกใครก็ได้นี่ ตาเชิศกับยายแจ่มไม่ได้บังคับน้ำสักหน่อย ใช้ชีวิตแบบเดิมๆต่อไปก็ได้ไม่ใช่เหรอ”          “อืม จริงด้วยสิ เรามัวแต่คิดอยากให้ตากับยายสบาย จริงๆเรายังไม่แต่งงานกับใครก็ได้เนาะ ไม่เห็นต้องรีบเลย” น้ำมนต์ค่อยยิ้มออกมาได้ แต่ในใจก็ยังเสียดายเงินสามแสนกว่าอยู่ดี          “ใช่ งั้นเราไปกินข้าวแซ่บๆกัน แล้วก็กลับบ้าน”          น้ำมนต์ถอนหายใจ พร้อมกับทำใจ เดินไปนั่งกินข้าวข้างทางกับเพื่อนรักด้วยใบหน้ายิ้มปนเศร้า ก่อนจะพากันขึ้นรถขบวนสุดท้ายกลับบ้านนอกไปด้วยสีหน้าผิดหวัง เพราะลึกๆแล้วทั้งสองสาวต่างก็ยังนึกเสียดายเงินตั้งมากมายนั้นอยู่ โดยเฉพาะน้ำมนต์ที่อยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ แต่เพราะคนเยอะ จึงได้แต่นั่งซึมไปตลอดทาง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม