พื่อเก็บกลับไปเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งได้มาเยือนเกาะเหลาเหลียง* อันเป็นความฝันใฝ่ตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยของเธอ
ขณะกวาดสายตามองหาทำเลเหมาะๆเพื่อจะเขียนรูป เมื่อรู้สึกถึงแสงแดดอุ่นที่เริ่มเปลี่ยนเป็นร้อนขึ้นทุกที ยืนยันด้วยสายเหงื่อรินเรี่ยเป็นสายออกมาจากช่วงรอยต่อของหน้าผากและไรผม
“ตรงนั้นดีไหม” มินตราหันไปขอความเห็นจากดารินที่ก้าวตามหลังมาติดๆ ชี้ชวนไปที่พุ่มไม้สีเขียวข้างหน้า มีโต๊ะและเก้าอี้ไม้ไผ่เก่าๆสองตัววางทิ้งเอาไว้
เมื่อเห็นว่าทำเลตรงนั้นไม่เลวนัก หากจะใช้เวลาพักเพื่อเขียนรูป เหมาะที่มีร่มไม้เขียวครึ้มพอให้หลบร้อนได้
“ใจตรงกันเลยมิน” ดารินรีบสำทับความเห็นให้กับเพื่อนสาวในทันที ทอดสายตาใบยังต้นไม้ใหญ่ที่แผ่พุ่มสีเขียวขจี ดูร่มรื่น ยื่นก้านกิ่งเผื่อแผ่ร่มเงาให้กับเวิ้งน้ำตรงหน้า แถมยังมีโต๊ะกับเก้าอี้ไม้ไผ่วางเอาไว้พร้อม
“วันนี้อากาศปลอดโปร่งดีจริงๆ น่าแปลกที่เมื่อตอนเช้ามืดกลับมีฝนตก” ดารินว่า
“ทะเลก็เป็นแบบนี้แหละ บางครั้งเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางวันที่เห็นแสงแดดจ้า ทว่าไม่นานฝนอาจพรมพรำลงมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย” มินตรากล่าวอย่างคนที่รู้จักและเข้าใจในธรรมชาติของทะเล
ภายใต้ร่มเงาของต้นจิกทะเล อาศัยพุ่มใบเขียวครึ้มจากก้านกิ่งแผ่สยาย ช่วยบดบังความร้อน จากแสงแดดบางส่วนที่ส่องลอดพุ่มใบลงมาถึงผืนทรายเบื้องล่าง ในยามที่สายลมไหว แลเห็นเงารำไรของใบไม้ เคลื่อนขยับอยู่บนผืนทราย
ใกล้ๆกันกับต้นจิก มีพุ่มไม้เตี้ยๆขึ้นรวมอยู่เป็นกลุ่มกอ กิ่งก้านสีดำของมันหงิกงอแปลกตา หากหญิงสาวรู้สึกว่า ต้นไม้เหล่านั้นช่วยสะท้อนความเป็นจริงในธรรมชาติ ว่าไม่มีสิ่งใดดีพร้อม เช่นต้นไม้บางต้นที่เติบโตขึ้นมาอย่างแคะแกรน โค้งงอ และบิดเบี้ยว ทว่าก็ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อย ที่นึกชื่นชมในความบิดเบี้ยวไม่สมบูรณ์ของมัน มิตรามองซ้ายมองขวา กวาดสายตาสำรวจไปรอบเกาะอีกชั่วอึดใจ รู้ว่าควรรีบหาทำเลเหมาะๆ ขณะนั้นแสงและเงากำลังงดงาม หากชักช้า เมื่อตำแหน่งของดวงตะวันเคลื่อนสูงไปกว่านั้น แสงเงาย่อมเปลี่ยนตาม
“ได้มุมถูกใจหรือยังมิน” ดารินถาม
“ได้ละ มุมนี้สวยมากเลยแก” มินตราทอดสายตาไปยังภูมิทัศน์ตรงหน้า เขาหินปูนแปลกตา งดงามราวกับประติมากรรมที่โผล่พ้นผืนน้ำทะเลสีครามขึ้นมาอวดความงาม แลเห็นพรรณไม้ป่าสีเขียวขจี แซมสลับอยู่ในสีทึมเทาของภูเขาซึ่งถูกโอบเอาไว้ด้วยเวิ้งทรายและผืนน้ำ
ห่างออกไปจากบริเวณที่สองสาวทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ไผ่ แลเห็นนักท่องเที่ยวสามสี่คนกำลังสนุกสนานกับการดำผุดดำว่ายอยู่ไกลๆ ท่ามกลางลอนคลื่นเล็กๆ กระเพื่อมพลิ้วเบาๆอยู่บนผืนน้ำ คลื่นลมสงบจนน่าลงไปว่ายเล่น
“แล้วแกล่ะ...เล็งอยู่นั่นและ ได้มุมที่พอใจหรือยัง” มินตราถามบ้าง เมื่อเห็นดารินใช้เวลาอยู่นานสองนานเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่ายังไม่ได้มุมที่ถูกใจ
“ได้ละ” เสียงดารินตอบเบาๆโดยไม่ได้หันมามองคนถาม
มินตราหันกระดานเขียนรูปไปตามทิศทางที่เลือก ทว่าระหว่างที่กำลังก้มหยิบอุปกรณ์ออกจากย่ามใบเก่า เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็พบว่ามีบางอย่างโผล่เพิ่มเข้ามาในมุมที่เธอเลือก จะเรียกว่าเป็นส่วนเกินที่เข้ามาขัดสายตาก็ไม่เชิงเสียทีเดียว
“เฮ้ย!...” มินตราอุทานลั่น ยกมือขึ้นเกาศีรษะ
“อะไรของแก?” ดารินละมือจากหน้ากระดาษที่กำลังจรดปลายดินสอร่างรูปภูเขา ลากเส้นแนวฟ้าจรดน้ำสองสามที แล้วหันมามองเพื่อน
“แกดูอีตาบ้านั่นสิ โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ โธ่โว้ย!…มุมกำลังดีเชียว เสียบรรยากาศหมด” มินตราบ่นอุบ ชี้ให้เพื่อนดูชายหนุ่มที่ปรากฏกายขึ้นเป็นส่วนเกินของภาพโดยที่เจ้าตัวไม่ตั้งใจ
ดารินชำเลืองมองไปยังทิศทางที่เพื่อนสาวบอก
“ว้าว...เซ็กซี่เป็นบ้าเลยว่ะ ถ้าแกไม่ชอบ มาแลกมุมกับฉันก็ได้นะ” ดารินแกล้งทำตาวาว หันมาทำหน้าทะเล้นกับเพื่อน
“บ้า!” มินตราเบะปาก
จากนั้นสองสาวก็หันไปมองดูชายหนุ่ม ทอดร่างกำยำอยู่ใต้ร่มเงาของจิกทะเลต้นใหญ่ เขานุ่งกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว อวดช่วงไหล่กว้าง แผงอกแกร่งที่เห็น ริ้วลายกล้ามเนื้อที่สะท้อนความคมชัดอยู่ภายใต้แสงเงาของแดดยามสาย เดาได้ว่าเขาต้องออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ ดวงตาคมถูกอำพรางเอาไว้ด้วยแว่นกันแดดฉาบปรอท นอนหงายเอกเขนก กางหนังสืออ่านอย่างสบายอารมณ์
ชั่วอึดใจ เขาก็คว้าขวดน้ำแร่ที่วางอยู่ข้างๆกล้องถ่ายรูป เปิดขวดกระดกดื่มแล้วเปลี่ยนอิริยาบถจากหงายเป็นคว่ำหน้า ชันข้อศอกทั้งสองข้างลงบนผืนทราย อวดแผ่นหลังบึกบึน เลื่อมลื่นไปด้วยครีมกันแดด เปิดหนังสืออ่านต่อไปโดยไม่สนใจสายตาของหญิงสาวที่จ้องมองและวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ
“คนไทยหรือฝรั่งวะแก” ดารินถาม ชำเลืองไปที่ชายหนุ่มเป็นระยะๆ
“ไม่แน่ใจ” แม้มินตราทำทีท่าว่าไม่สนใจ แต่ก็อดที่จะแสดงความเห็นไม่ได้ เมื่อดารินถาม
จากนั้นมินตราก็พยายามไม่ให้ตัวเองเสียสมาธิจากสิ่งกระตุ้นเร้าและกำลังรบกวนอยู่ในขณะนั้น รีบเบือนสายตามาที่หน้ากระดาษสีขาว ทุ่มเทสมาธิทั้งหมดพร้อมๆกับการจรดปลายดินสอ เก็บรายละเอียดของภาพตรงหน้าด้วยเส้นสายรางๆเป็นรูปเป็นร่างภูเขากลางทะเลขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วด้วย ความชำนิชำนาญ
มินตราเริ่มวาดภาพตรงหน้า ไม่ได้ใส่ใจกับชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นอีกต่อไป ทว่าเพียงชั่วอึดใจจากนั้น หญิงสาวก็ละพู่กันด้วยความฉุนเฉียว
“เฮ้ย ยัยมิน...เกิดอะไรขึ้น” ดารินทำหน้างง ชำเลืองมองเพื่อนสาวซึ่งแสดงอารมณ์กระฟัดกระเฟียดออกมา
“อีตาบ้านั่นแอบถ่ายภาพฉัน”
“จริงด้วย” ดารินหันไปเห็นในสิ่งเดียวกันกับที่เพื่อนกล่าว