เมียนักเลง | 1

1457 คำ
“ไอ้ปั้น ป๊าบอกกี่รอบแล้วจะมีเรื่องก็มีไปแต่อย่าให้เรื่องมันต้องถึงโรงพัก ป๊าไม่อยากฟังแม่แกบ่น” อ่า...ตอนนี้ผมกำลังโดนป๊าสวดอยู่หน้าโรงพัก เพราะเหตุมันมีอยู่ว่า… “ไอ้เหี้ยปั้น มึงจะปล่อยหรือเล่นแม่งวะ” เสียงของไอ้แชมป์เพื่อนสนิทผมถามขึ้น ตอนนี้ผมกับมันอยู่กันที่หน้าโรงเรียน แน่นอนว่าตอนนี้มีคู่อริต่างโรงเรียนมันกำลังห้าวตีนอยู่แถวหน้าโรงเรียนของผมโดยการขี่รถมอไซต์แว้นไปมามากกว่าห้ารอบแล้ว “หย่ามกันถึงที่แบบนี้มึงคิดว่ากูจะปล่อยหรอวะ” ผมใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มพร้อมพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด พวกแม่งเล่นมาถึงถิ่นแบบนี้ เจ้าถิ่นอย่างผมก็ควรจะต้อนรับหน่อยจริงไหม “งั้นก็ลุยแม่งเลยดิวะ” สิ้นเสียงไอ้แชมป์ ผมก็วิ่งไปกลางถนนแล้วถีบรถของไอ้โดมคู่อริต่างโรงเรียนให้ล้มลง “สัส” พวกไอ้โดมที่ล้มลงเอ่ยปากขึ้นมองหน้าผมอย่างเอาเรื่อง “มึงมาถึงถิ่นกูแบบนี้คิดว่ากูจะให้กลับไปง่ายๆหรือไง” ผมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนที่มันและผมจะพุ่งตัวเข้าหากันและแลกหมัดใส่กันอย่างเอาเป็นตาย ส่วนไอ้แชมป์เพื่อนของผมก็เช่นกันมันกำลังแลกหมัดกับไอ้คนที่มากับไอ้โดม อั่ก ! เสียงหมัดของผมพุ่งเข้าใส่หน้าไอ้โดมคู่อริต่างสถาบันอย่างแรง “ไอ้เหี้ยปั้น” มันเอ่ยขึ้นพร้อมเช็ดแผลที่มุมปากและถ่มน้ำลายลงพื้น “ไอ้สัสนี่ สงสัยแผลเดียวจะเอาปากหมาๆของมึงไม่อยู่” ผมพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมพุ่งตัวใส่มันอีกรอบ ผมและมันแลกหมัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ถ้าเกิดมีไม้สักอันใกล้ๆตัว รับรองไอ้เวรนี่เลือดหัวมันต้องออก อีกอย่างตอนนี้รถบนถนนหยุดเคลื่อนที่เพราะมวยคู่เอกระหว่างผมกับไอ้โดมกำลังเล่นสดๆกันอยู่ ปี๊ด ! “ไอ้ปั้น พ่อมึงมาวิ่งเร็ว” เสียงไอ้แชมป์ตะโกนขึ้น นั่นทำให้ผมหันหลังกลับไปมอง คำว่าพ่อมึงมาของมัน มันไม่ได้หมายถึงพ่อของผมแต่มันหมายถึงข้าราชการตำรวจ “สัสเอ้ย ! มึงเจอกูอีกแน่ไอ้เหี้ยโดม” ผมพูดขึ้นก่อนจะกระทืบลงไปที่หน้าอกของไอ้เหี้ยโดมที่ล้มลงอีกครั้งและสับตีนหมาวิ่งหนีตำรวจด้านหลัง “มึงหนีตำรวจให้ได้ก่อน ค่อยมาปากดีกับกู” มันตะโกนตามหลังผมอีกครั้ง มันยิ่งทำให้ผมสับตีนแตกมากกว่าเดิมแต่ก็ไม่ทันเพราะตอนนี้ข้าราชการตำรวจด้านหลังรวบตัวผมกับไอ้แชมป์ขึ้นท้ายกระบะไปพร้อมไอ้เหี้ยโดมและเพื่อนของมันเรียบร้อยแล้ว “สุดท้ายมึงก็หนีไม่รอด” ไอ้เหี้ยโดมทำหน้ากวนส้นตีนและพูดขึ้นอีกครั้ง “อย่าปากดีเพราะกูเอาตีนยันหน้ามึงได้นะตอนนี้” ผมพูดขึ้นพร้อมทำท่าจะพุ่งไปหาไอ้โดมแต่ก็โดนข้าราชการตำรวจด้านหลังล็อกตัวของผมไว้ก่อน “ใจเย็นพ่อหนุ่ม มีอะไรไปเคลียร์ที่โรงพักเป็นนักเรียนกันแท้ๆ ริอ่านมีเรื่องต่อยตี” ข้าราชการตำรวจพูดขึ้นทันที นั่นทำให้ผมหยุดการกระทำอันแสนอุกอาจ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมโดนป๊าสวดยับอยู่แบบนี้เพราะทุกครั้งที่ผมมีเรื่องป๊าไม่เคยว่าเพราะป๊าของผมก็คือผมในสมัยก่อน เห็นผมเป็นยังไงป๊าผมก็แบบนั้น ป๊าเข้าใจชีวิตวัยรุ่นแต่ที่ผมโดนสวดอยู่แบบนี้ มันเป็นเพราะเรื่องถึงโรงพัก คนที่จะสวดผมคนต่อไม่ใช่ป๊าแต่จะเป็นแม่ของผมเอง ที่ทุกคนในบ้านไม่กล้าหืออะไรด้วยทั้งสิ้น “ปั้นหนีแล้วป๊าแต่ปั้นหนีไม่ทัน อีกอย่างไอ้เหี้ยโดมมันมาถึงถิ่นเป็นป๊าป๊าจะยอมให้มันผ่านไปเฉยๆไหมล่ะ” ผมพูดขึ้นอีกครั้งเพราะรู้ดีต่อให้ป๊าจะผ่านชีวิตแบบนี้มาแล้วหลายสิบปีแต่เรื่องแบบนี้ยังไงมันก็อยู่ในสายเลือด ขึ้นชื่อว่าศักดิ์ศรี ขึ้นชื่อว่าสถาบัน จะให้ใครมาหยามได้ไงวะ “เลิกคุยเรื่องนี้ แล้วเตรียมหูไปฟังแม่แกบ่น” คนตรงหน้าพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินนำหน้าไปที่รถ ส่วนไอ้แชมป์ตอนนี้ที่บ้านมันก็มาประกันตัวไปเรียบร้อยแล้ว “แม่บอกกี่ครั้งแล้วข้าวปั้นว่าอย่ามีเรื่อง” นั่นไง ทันทีเมื่อผมเดินเข้ามาในบ้านคนเป็นแม่ก็เอ่ยปากขึ้นทันทีและการที่แม่เรียกชื่อผมเต็มๆมันก็ไม่ใช่เรื่องดี ถึงแม่ผมจะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆแต่หากเวลาโกรธก็ไม่ต่างจากนางยักษ์ในเรื่องพระอภัยมณีหรอก ความร้ายแรงและฝีปากอันแกร่งกล้าพอๆกัน ใครจะคิดวะว่าผู้หญิงตัวเล็กๆที่คลอดผมออกมาจะมีพลังทำลายล้างสูงมากถ้าเธอโมโห “ใจเย็นข้าว” ป๊าพูดห้ามปรามแต่ก็โดนสายตาดุๆของแม่มองกลับไป นั่นทำให้ผู้ชายร่างโตๆอย่างป๊าของผมต้องหลบสายตา คำว่า กลัวเมีย มีในพจนานุกรมของป๊า “ใจเย็นไม่ได้แล้วเถื่อน ข้าวปั้นขึ้นโรงพักไม่เว้นแต่ละวันไม่คิดบ้างหรือไงว่าแม่จะเป็นห่วงขนาดไหน” คนเป็นแม่พูดขึ้นอีกครั้ง นั่นทำให้ผมรู้สึกผิดทันทีเพราะคำว่าเป็นห่วง “อายน้องบ้างไหม เห็นไหมวันๆเอาแต่ติวหนังสือกับเพื่อน ไม่เหมือนเราที่เอาแต่มีเรื่องชกต่อยให้แม่ปวดหัว” แม่พูดขึ้นอีกครั้งก่อนที่ผมจะปรายตาไปทางด้านหลังที่ข้าวหอมน้องสาวแท้ๆของผมกำลังนั่งอยู่กับเพื่อนสนิทของเธอที่ชื่อเลิฟ อ่า...โคตรไม่ชอบความรู้สึกของตัวเองตอนนี้เลย โดนแม่ด่าต่อหน้าคนที่ชอบ “แม่ไม่ทำแผลให้หรอกนะ หาแผลมาเองก็หัดทำเอง” แม่พูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะวางกล่องยาไว้ให้และเดินขึ้นบ้านไป ผมยังคงรับรู้ถึงความเป็นห่วงของแม่เพราะอย่างน้อยก็อุตส่าห์เอากล่องยามาวางไว้ให้ ส่วนป๊าก็ตามขึ้นไปติดๆเพราะคงกลัวความผิดที่ไม่เคยห้ามลูกอย่างผม “หนูไม่ทำให้เฮียหรอกนะ นู้นให้เลิฟทำให้แล้วกัน” ข้าวหอมน้องสาวของผมพูดขึ้นก่อนจะหันหน้าไปทางเพื่อนสาวคนสนิทของตัวเอง นั่นทำให้ผมยกยิ้มทันทีเพราะน้องสาวผมโคตรจะรู้งาน “ฉันไปเข้าห้องน้ำนะแก” ผมยกยิ้มขึ้นอีกครั้งเพราะตอนนี้ไม่มีใครอยู่เป็น กขค ระหว่างผมกับเธออีกแล้ว “มีเรื่องอีกแล้วหรอคะ” คนตรงหน้าถามผมขึ้นทันที นับว่าเป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำที่เธอพูดกับผมตอนที่เราอยู่ด้วยกันสองคน “ถามแบบนี้เธอรู้เรื่องของฉันด้วยหรอ” จริงๆผมชอบเธอมากแต่ด้วยความที่เธอเป็นเพื่อนสนิทกับน้องสาวและป๊ากับแม่ก็รักและเอ็นดูเธอมาก มันทำให้ผมค่อนข้างจะประหม่า อีกอย่างผมไม่เคยจีบใครด้วยสิ ไม่รู้ว่าต้องเข้าหาและชวนคุยยังไง ถึงเธอจะมาที่บ้านบ่อยๆแต่มันก็ไม่บ่อยที่ผมจะมีโอกาสคุยกับเธอ “ข้าวหอมเล่าให้ฟังบ่อยค่ะ บอกว่าพี่ชายชอบมีเรื่องชกต่อยเป็นประจำ คงเป็นข้าวโอ๊ตไม่ได้หรอกจริงไหม” ก็จริง ! ถ้าถามว่าข้าวโอ๊ตคือใคร มันก็เป็นน้องชายของผมอีกคนนี่แหละแต่มันกับผมต่างกันมากเพราะข้าวโอ๊ตมันเป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่นซึ่งขัดกับผมทุกทาง “ทำแผลให้ฉัน” ผมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะหยิบกล่องยาวางบนโต๊ะตรงหน้าของเธอ แน่นอนเธอก็ปฏิเสธสายตากดดันของผมไม่ได้ มือน้อยค่อยๆหยิบอุปกรณ์ทำแผลให้ผม “มือไม่ต้องสั่นขนาดนี้ก็ได้ ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก” ผมพูดขึ้นอีกครั้งเพราะอาการประหม่าของเธอมันทำให้ผมขัดใจ “แต่หน้าตาพี่มันไว้ใจไม่ได้ เลิฟไม่อยากสนิทกับคนที่มีเรื่องบ่อยๆมันน่ากลัว” “เฮีย” “อะไรคะ” “เรียกฉันว่าเฮีย เฮียปั้น” ❤️ เลือดพ่อมันแรง พ่อยังไง ลูกก็แบบนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม