ตอนที่ 2 (2) เป็นได้แค่อดีต - จบบท

1412 คำ
“ฉันไม่ใช่ลูกค้าทางโรงแรมไม่จำเป็นต้องให้บริการนั้นกับฉัน แล้วอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าห้องไม่ได้ไม่ว่างอย่างที่เธอโกหกเพราะก่อนเข้ามาโรงแรมฉันเช็คดูแล้ว” “เอ่อ… ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ” “ฉันไม่โทษเธอหรอกเพราะรู้ว่านี่คือคำสั่งของคุณปลายฝน แต่ฉันขอบอกคำเดียวเลยนะว่าถ้าคุณเมฆรู้เขาจะต้องไม่พอใจแน่ที่เธอทำแบบนี้กับฉัน” วารสาบอกเสียงราบเรียบ ทว่าสายตานั้นแข็งกร้าวจนน่ากลัวทำเอาพนักงานหัวหด “…” “เอาเถอะ ฉันไม่ได้โกรธอะไรเธอหรอก” คำบอกเล่านั้นพลอยทำให้ใครหลายคนหายใจหายคอคล่องมากขึ้น “แต่ฉันขอถามคำสุดท้ายนะหวังว่าเธอคงจะยินดีตอบ” “ได้ค่ะ” พนักงานสาวถึงกับโล่งอกทว่ากลับต้องช็อกหนักกับคำถามฟ้าแลบต่อมา “คุณเมฆอยู่ที่ไหน?” ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าลางสังหรณ์ของหล่อนจะกลายเป็นเรื่องจริง เพราะอย่างนี้ไงเขาถึงได้บอกว่าสัญชาตญาณของผู้หญิงนั้นน่ากลัว สองเท้าบอบบางห่อหุ้มด้วยรองเท้าไนกี้เดินบนชายหาดในยามเย็นด้วยความรู้สึกเสียอกเสียใจที่รู้เหตุการณ์สำคัญที่ตนเองพลาดไป อัศวเมฆินทร์มีผู้หญิงคนรักคนใหม่แล้ว เขาหมดรักหล่อนแล้ว ขอบตาหล่อนร้อนผ่าวกลั้นกรองน้ำตาเม็ดโตให้ไหล่บ่าลงมาอาบแก้วนวลให้สาสมกับความเสียใจ ‘อย่าอยากรู้อะไรที่คุณไม่ควรรู้เลยนะคะ’ คำตอบของพนักงานคนนั้นสร้างความตกใจให้วารสาเป็นอย่างมาก หล่อนรีบถามกลับ ‘ทำไมล่ะ ทำไมฉันจะอยากรู้ไม่ได้ในเมื่อฉันเป็นคนรักของเขา เธอเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่เหรอถึงไม่รู้จักฉัน วารสาไง วารสาคนรักของคุณเมฆ’ ‘แค่อดีตเท่านั้นแหละค่ะเพราะคนปัจจุบันของคุณคือคุณหนูลูกปัด คุณหนูลูกปัดดีกับคุณเมฆมากๆ เลยนะคะคอยดูแลตลอด เผลอๆ อาจจะดูแลคุณเมฆดีกว่าคุณด้วยซ้ำ’ ‘ฉัน…’ ‘คุณกลับไปเถอะนะคะ ไม่ว่าจะกลับมาอีกกี่ครั้งที่นี่ก็จะไม่มีอะไรว่างสำหรับคุณ…’ ‘ขอบคุณ’ นาทีนั้นวารสาคิดอะไรไม่ออกนอกจากคำนั้นแล้วพาร่างกายกับหน้าชาๆ ของตนเองออกมาจากบริเวณนั้น เขามีคนใหม่แล้วจริงๆ มีใหม่ทั้งๆ ที่หล่อนยังอยู่ที่เดิม อัศวเมฆินทร์ตั้งใจควักหัวใจหล่อนออกมาเหยียบหรือไรทำไมถึงทำแบบนี้ ทำแบบนี้ได้ยังไง… ที่ผ่านมาหล่อนทำเพื่อเขาทั้งนั้นทำไมเขาถึงมองไม่เห็นคุณค่า ทำไมถึงดูถูกความตั้งใจของหล่อน วารสาตระหนักได้ว่าตนเองนั้นไม่เหมาะสมกับอัศวเมฆินทร์เลยสักทางทั้งการศึกษาทั้งฐานะทั้งชาติตระกูล แม้หล่อนจะเกิดในตระกูลเตชะธรรมรงค์แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตนเองเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ครอบครัวคุณเพลิงกัลป์รับมาอุปการะเท่านั้น ชาติตระกูลไม่มี สิ่งเดียวที่ทำได้คือหล่อนต้องเรียนให้สูงเข้าไว้ ตอนไปเรียนต่อหล่อนคิดแค่หากตนเองเรียนจบต่างประเทศแบบคุณเมฆแบบคุณเพลิงหรือปลายฝน หล่อนคงจะพอเทียบเท่าพวกเขาได้บ้าง คิดแค่นั้นจริงๆ เลยทำให้วันนี้หล่อนเสียเขาไป นานร่วมชั่วโมงที่วารสานั่งร้องไห้หมดอาลัยตายอยากตรงนี้ คิดไม่ตกเลยว่าจะทำยังไงถึงจะได้พบอัศวเมฆินทร์ในวันนี้นอกจากโทรศัพท์ถามเพลิงกัลป์ ลังเลอยู่นานเพราะกลัวจะโดนเอ็ดที่แอบหนีมากระบี่ แต่กระนั้นวารสาก็จำเป็นต้องโทร ‘มีอะไรเหรอสา’ “ฮึก…” ‘สา! เป็นอะไรร้องไห้ทำไม ใครทำอะไร!!’ น้ำเสียงเพลิงกัลป์เดือดขึ้นเป็นเท่าตัวหลังได้ยินเสียงสะอื้นของน้องสาวภรรยา ไม่บ่อยนักที่วารสาจะโทรมาหาตน แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ “คุณเพลิง… บอกสาได้ไหม บอกได้ไหมว่าคุณเมฆอยู่ไหน สาอยากพบเขา ฮือ… สาไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งเขาหรอกนะ สาแค่อยากเรียนสูงๆ อยากคู่ควรกับเขามากกว่านี้ บอกได้ไหม บอกได้ไหมคะสาอยากพบเขาจริงๆ” ‘…’ เพลิงกัลป์พูดไม่ออกชั่วขณะยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ ‘อย่าบอกนะว่าตอนนี้สาอยู่ที่กระบี่!’ “ค่ะ…” ‘วาไม่รู้ใช่ไหม’ “ค่ะ สาไม่ได้บอกใคร ฮึก…” ‘ฟังนะสา ไอ้เมฆมันมีคนใหม่แล้วกำลังจะหมั้นกันในเร็วๆ นี้ สาไปหามันก็เจ็บตัวเองเปล่าๆ กลับมาเชียงรายเถอะนะ กลับมาบ้านของเรา ลืมมันไปซะไอ้คนใจปอดพรรคนั้น’ “ไม่ได้ค่ะ ลืมไม่ได้ ต่อให้ต้องตายสาก็ลบเขาออกจากใจไม่ได้” น้ำตาวารสาตื้นขอบไหลหลั่งปานทำนบเขื่อนแตก ร่วงรินเม็ดต่อเม็ดจนเปียกชุ่มไปทั้งชายเสื้อ ‘…’ “ขอร้องนะคะคุณเพลิง อย่าบอกพี่วาสาไม่อยากให้พี่วาผิดหวัง สาอยากพบคุณเมฆจริงๆ” ‘สา!’ “ฮือ… ขอแค่ได้พบ ได้คุยให้เข้าใจว่าเขาไม่ต้องการสาจริงๆ แล้วสาจะกลับไปค่ะ ขอร้องเถอะนะคะคุณเพลิง บอกทีเถอะว่าเขาอยู่ที่ไหน อยู่ที่ไหน…” ขอแค่นั้นจริงๆ หากเขาบอกไม่ต้องการหล่อนแล้วหล่อนก็พร้อมหันหลังให้เขา แค่อยากรู้ว่าความรักที่เคยมีให้กันเขาเอาไปทิ้งลงทะเลแถบไหนถึงหมดสิ้นจากหัวใจเขาได้ถึงขนาดนี้ เพลิงกัลป์ไม่ตอบหล่อนก็ไม่วางสายร้องไห้อยู่อย่างนั้นไม่อับอายสายตาใครทั้งนั้น เนิ่นนานกระทั่งเพลิงกัลป์ใจอ่อน ‘โอเคๆ สัญญาว่าจะไม่บอกวาแต่สาต้องกลับมาภายในวันอาทิตย์นี้ ตกลงไหม’ “ค่ะ สาจะรีบกลับ” ‘เฮ้อ!!’ ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างปลงๆ ‘ไอ้เมฆมันมีบ้านพักอยู่บนเนินเขาหลังโรงแรม เหมือนมันเคยพาสาไปเที่ยวอยู่นี่นาจำทางไปได้ไหม’ จำได้สิเรื่องอะไรจะจำไม่ได้ เรื่องราวทุกอย่างที่เกี่ยวกับอัศวเมฆินทร์แม้จะเรื่องเล็กเท่าขี้ผงหล่อนก็จำได้ขึ้นใจอีกสักสิบปีไม่มีวันลืมเลือน วารสาหอบพาดวงใจช้ำๆ แอบลักลอบเข้ามาอาณาจักรเมฆินทร์อีกครั้ง ระหว่างทางเดินนั้นแทบจะไม่มีผู้คนหรือรถราขับผ่านถือว่าค่อนข้างเงียบสงบ ยิ่งเดินเข้ามาใกล้เรือนใหญ่มากเท่าไหร่หัวใจวารสายิ่งสั่นไหว กลัวเขาจะเปลี่ยนไป กลัวว่าเขาจะขับไล่ กลัวไปหมดจนแข้งขาอ่อนแรง “ไสหัวออกไป!” เสียงทรงพลังตะเบ็งลั่นทั่วบ้านดังไกลถึงวารสาที่เพิ่งเข้ามาใกล้ เท้าเล็กสะดุดกึกได้ยินเสียงข้าวของล้มระเนระนาดแตกกระจาย เกิดอะไรขึ้นข้างในบ้านทำไมถึงเสียงดังแบบนี้ “บอกให้ออกไปไงจะยืนมองหน้าอีกทำไม! แล้วต่อไปถ้าฉันไม่สั่งก็ไม่ต้องเข้ามามันน่ารำคาญ!!” เคร้ง!! เสียงข้าวของถูกโยนตกแตกตามมาอีกชุดใหญ่ก่อนจะมีเสียงกระทืบเท้าของใครคนหนึ่งวิ่งมาจากทางด้านในบ้าน “คุณเมฆพอเถอะค่ะ! คุณพยาบาลกลัวหมดแล้ว” “ไม่พอ! ผมไม่ได้บอกให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายเลยนะก็บอกว่าหายแล้วๆ ยังจะมาทำอยู่ได้ไอ้กายภาพบำบัดบ้าๆ เนี่ย!!” “ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ เธอกลับไปก่อนเถอะ เร็วเข้า” ท้ายคำเจ้าของเสียงหวานนั้นเหมือนจะพูดกับใครอีกคน ราวกับละเมอวารสาสาวเท้าออกมายืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าโดยที่ทั้งสามไม่ได้หันมามองหล่อนเลยแม้แต่น้อย ภาพตรงหน้าบาดใจเหลือเกิน ใครคนหนึ่งรีบเดินออกไป หญิงอีกคนโผล่เข้ากอดชายบนวีลแชร์ที่มองตาเดียวก็รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร คุณเมฆ… ทำไมถึงทำกับหล่อนแบบนี้ มีคนอื่นจริงๆ น่ะเหรอ น้ำตาวารสาหลั่งไหลเสียใจอย่างสุดซึ้ง “ฮึก…” เสียงสะอื้นหนักมากจนเรียกสติหญิงสาวอีกคนให้ผละอ้อมแขนออกจากอัศวเมฆินทร์เพื่อมองมายังทางบันไดเรือนซึ่งมีหญิงสาวปริศนาเดินขึ้นมาหยุดยืนนิ่งน้ำตาไหล หลายวินาทีที่วารสาจ้องมองตาชายคนรักที่สำหรับเขาหล่อนคงเป็นได้แค่ …อดีต ..................... ฝากติดตามนิยายด้วยนะคะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม