ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ดวงหน้างดงามถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเบาบางมีแว่นตาสีดำสวมอำพรางใบหน้า เจ้าของนั้นแต่งกายด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงยีนทะมัดทะแมงเดินลากกระเป๋าออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้าหลังนั่งหลังขดหลังแข็งบนเครื่องบินมานานหลายชั่วโมงเที่ยวบินจากวอชิงตันดีซีบินตรงกลับมาสู่กรุงเทพมหานคร บรรยากาศในสนามบินสุวรรณภูมิยังเหมือนเดิมอาจจะต่างไปหน่อยตรงที่จำนวนนักท่องเที่ยวนั้นมากยิ่งขึ้น หล่อนยืนมองเนิ่นนานกระทั่งได้ยินเสียงเหมือนล้อรถกุกกักเข้ามาใกล้จึงหันหลังกลับไปมองแล้วรีบหลบทางให้
หญิงสาวหน้าหวานเข็นวีลแชร์ที่มีชายหนุ่มในชุดเสื้อฮู้ดนั่งเงียบ ส่งรอยยิ้มมาให้แทนคำขอบคุณเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก็เข็นรถตรงออกไป
นัยน์ตาอ่อนหวานของวารสายืนมองจนกระทั่งคู่รักสองคนนั้นลับสายตาไป อดสะท้อนคิดถึงตนเองไม่ได้ว่าหากคนรักของตนเองนั้นพิการเดินไม่ได้หรือเป็นอะไรหนักกว่านี้หล่อนก็คงไม่ลังเลที่จะดูแลอย่างที่ผู้หญิงคนเมื่อสักครู่ทำ เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นน้ำตาวารสาก็ไหลบ่าลงมา หลังมือบอบบางรีบยกขึ้นเช็ดก่อนเดินตามออกไป
ขอแค่ยังไม่สายเกินไปหล่อนพร้อมทำทุกอย่าง
ขอแค่ยังได้เป็นหนึ่งเดียวในหัวใจคุณเมฆต่อให้หนทางจะลำบากแค่ไหนหล่อนจะยอมทำทุกอย่าง
ทุกทาง…
เพื่อความรักของเราสองคน...
เสียงล้อลากกระเป๋าดังขึ้นทุกจังหวะของการลาก วารสาเดินตามออกมาก็ไม่เห็นสองคนนั้นแล้วจึงแยกเดินไปตามทางของตนเองออกไปยังร้านกาแฟในสนามบินเพื่อรอคอยไฟต์บินต่อไปช่วงบ่ายซึ่งเป็นเที่ยวบินภายในประเทศมีจุดหมายปลายทางคือจังหวัดเชียงราย
“พี่ไม่เข้าใจว่าเมฆจะมองมันทำไม!” เสียงห้วนแสนเกรี้ยวกราดนั้นทำให้อัศวเมฆินทร์หลุดออกมาจากภวังค์
“...”
“พี่ถามทำไมถึงไม่ตอบ อย่าลืมสิว่ามันทำอะไรกับเมฆไว้บ้าง”
ปลายฝนถามย้ำด้วยโทนเสียงเดิม
“ผมอยากอยู่คนเดียว” เขาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนหมุนล้อวีลแชร์แยกไปทางอื่นเพื่อหนีจากปลายฝนญาติผู้พี่ที่เติบโตมาด้วยกันรวมถึงปาริฉัตร ว่าที่คู่หมั้นสาวที่คอยดูแลเอาใจใส่เขามาตลอดสองปีเต็มไม่มีขาดตกบกพร่อง เขาไม่อยากคุยกับใครในตอนนี้จึงพาตนเองออกห่างมาหยุดอยู่มุมหนึ่งซึ่งมุมนี้ทำให้เขาได้เห็นแผ่นหลังบอบบางของผู้หญิงคนหนึ่งชัดเจน
เสื้อฮู้ดของเขาค่อนข้างหนาอีกทั้งยังมีหมวกให้อำพรางใบหน้าจึงไม่กลัวว่าหล่อนหันมองกลับมาแล้วจะบังเอิญเห็น ไม่คิดไม่ฝันว่าโลกจะกลมขนาดนี้ เขาเห็นหล่อนตั้งแต่สนามบินในกรุงวอชิงตันดีซีซ้ำยังบังเอิญนั่งเครื่องบินลำเดียวกันอีก เป็นความบังเอิญที่แสนเจ็บปวดหัวใจ ได้แค่แอบมองเท่านั้นไม่ได้ทักทายหรือเข้าไปกอดอย่างที่ใจหวัง
จะกอดได้ไง…
เลิกกันไปตั้งสองปีแล้วนี่…
สองปีที่ผ่านมาแสนทรมานกว่าจะใช้ชีวิตผ่านไปได้วันๆ หนึ่งใจเขาแทบขาด
“คุณเมฆคะ”
ผ่านไปกี่นาทีแล้วไม่รู้เสียงอ่อนหวานของปาริฉัตรก็ดังขึ้นจากทางข้างหลัง เขาผงกศีรษะเล็กน้อยหล่อนก็พูดต่อ
“เคาร์เตอร์เช็คอินเปิดแล้วค่ะเราเช็คอินแล้วเข้าไปรอในเกทเถอะนะคะ”
“อืม”
ครางรับแล้วปล่อยให้ปาริฉัตรเข้ามาเข็นวีลแชร์ให้
ก่อนไปจากตรงนั้นสายตาเขาไม่วายมองไปยังร้านกาแฟจุดเดิมที่วารสาเคยนั่งอยู่เห็นหล่อนกำลังเดินออกจากร้านพอดีก็รีบก้มหน้าลงแล้วดึงปีกหมวกเสื้อให้ต่ำลงอีกนิด
อย่าหันมองมา อย่ามาเห็นเขาในสภาพนี้เลย...
ขอเถอะ…
คนสองคนมีเส้นทางแตกต่างกัน วารสาคงจะบินกลับบ้านที่เชียงรายส่วนอัศวเมฆินทร์นั้นบินลงกระบี่พร้อมปลายฝนปาริฉัตร ช่วงก่อนหน้านี้เขาบินไปผ่าตัดที่ต่างประเทศสาเหตุเนื่องมาจากอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อนทำให้เขาเดินไม่ได้ พอไม่มีวารสาแล้วเขาไม่อยากทำอะไร ไม่อยากหาย ไม่อยากใช้ชีวิต ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นจนปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตบนวีลแชร์มากกว่าหนึ่งปีจนกระทั่งคุณเต็มเดือนผู้เป็นแม่เลี้ยงเกิดล้มป่วยเพราะทำงานหนักต่อกันมานาน เขาสงสารทำให้คิดได้ก็เลยยอมเข้ารับการผ่าตัด
ชีวิตเกือบหนึ่งปีในอเมริกาเขาไปอยู่ที่นั่น การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีเช่นเดียวกับการทำกายภาพบำบัดภายใต้การดูแลของนักกายภาพบำบัดมือดีทว่ามันก็ยังไม่ดีร้อยเปอร์เซ็น เดินนานๆ ก็รู้สึกเหมือนจะไม่ไหว ไม่รู้ว่ากายไม่ไหวหรือใจเขาไม่สู้กันแน่
อัศวเมฆินทร์ผ่อนลมหายใจเหนื่อยอ่อน หลุบสายตาลงมองท่อนขาของตนเองด้วยสายตาว่างเปล่า
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอคะ ลูกปัดเห็นคุณเมฆมองเธอพักใหญ่แล้ว”
“…”
ไม่ตอบแสร้งทำเหมือนไม่ได้ยิน
เรียวปากอิ่มเม้มแน่นอดรู้สึกโหวงๆ ในใจไม่ได้ที่ผ่านมาสองปีแล้วเขาก็ยังรักษาระยะห่างไว้คงเส้นคงวา
“คนรู้จักของคุณเมฆเหรอคะ”
“เปล่าหรอกจ้ะน้องปัด ตาเมฆก็คงมองอะไรเรื่อยเปื่อยอย่าไปสนใจเลยนะ”
“…”
อัศวเมฆินทร์ไม่พูดอะไร ไม่สนับสนุนไม่ปฏิเสธปล่อยให้ปลายฝนแต่งเรื่องพูดชักแม้น้ำทั้งห้าไม่ให้ปาริฉัตรไม่สบายใจ เขาเบื่อเต็มทนกับความเจ้ากี้เจ้าการของญาติคนนี้แต่ทำไงได้ในเมื่อปลายคนเป็นกำพร้าพ่อเขาเลยรับมาเลี้ยงดูไว้ตั้งแต่เด็ก ช่วงเด็กปลายฝนเป็นพี่สาวที่ดีแต่พอโตขึ้นโตขึ้นอีกปลายฝนก็ยิ่งเข้ามาบงการชีวิตมากขึ้น เขาเบื่อจึงชอบเงียบ ไม่สนใจอะไร
“จริงเหรอคะพี่ฝน”
“จริงสิจ๊ะ ใช่ไหมตาเมฆ”
ปลายฝนยิ้มหวานยามตวัดสายตามองน้องชายทว่าฝ่ายนั้นกลับไม่ตอบอะไร ปลายฝนหันกลับมายิ้มให้ปาริฉัตรก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย
“เราเข้าไปเข้าคิวเช็คอินกันเถอะจ้ะ”