"ภัทร วันนี้รินทร์ว่าติวหนังสือเสร็จแล้วไปหาอะไรอร่อยๆกินกันดีกว่า" อุณารินทร์ชวนภัทรทิมาเพื่อนสาว
"ไม่ดีกว่าช่วงนี้บ้านภัทรต้องประหยัดเพราะนี่ก็ใกล้จะต้องลงทะเบียนเทอมหน้าแล้ว กินอะไรที่โรงอาหารมหาวิทยาลัย น้ำปั่นคนละแก้วก็พอ" ภัทรทิมาปฏิเสธ
"รินทร์เลี้ยงเอง นะวัฒน์" อุณารินทร์หันไปหาธนาวัฒน์เพื่อเป็นแนวร่วม
"วัฒน์เห็นด้วยกับภัทรนะเพราะเดี๋ยววัฒน์ต้องรีบกลับไปช่วยพ่อล้างรถด้วย" ธนาวัฒน์เสริมความคิดภัทรทิมา
"เฮ้อ อะไรกันนะ วัฒน์ก็ด้วยไม่ล้างแล้วใครจะว่าถ้าคุณพ่อรู้ว่าไปเป็นเพื่อนรินทร์รับรองไม่มีบ่นหรอก" อุณารินทร์พร้อมปกป้องธนาวัฒน์เสมอ
"ไม่ได้หรอกยังไงพ่อวัฒน์ก็เป็นคนขับรถกินเงินเดือนวัฒน์ก็อาศัยกินนอนอยู่ที่บ้านอะไรที่วัฒน์สมควรทำวัฒน์ก็ต้องทำ"
"น่าเบื่อจริงเธอสองคน" อุณารินทร์กอดอกไม่สบอารมณ์
ระหว่างที่กำลังแง่งอนกันอยู่เพื่อสาวต่างคณะของอุณารินทร์ก็ตะโกนเรียก
"รินทร์ เย็นนี้ไปช้อปกัน เรียนเสร็จแล้วเครียด อยากใช้เงินหน่อยซื้อกระเป๋าใหม่ๆสักใบ" เพื่อนสาวไฮโซเสนอไอเดีย
"ดีๆเซ็งมากเลยไม่ได้ใช้เงิน" อุณารินทร์ดีใจที่มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์
"เชิญเธอสองคนกินน้ำปั่นที่โรงอาหารไปนะจ๊ะ รินทร์ไปละบ๊ายบาย" คว้าหนังสือและกระเป๋าสะพายได้อุณารินทร์ก็กระดี๊กระด๊าเดินตามเพื่อนไฮโซไปทันที
"งั้นเรามาติวกันต่อดีกว่า แล้วไปกินแตงโมปั่นร้านโปรดในโรงอาหารกัน วันนี้วัฒน์เลี้ยงนะตอบแทนที่ยืมสมุดเล็คเช่อร์ภัทรไปคราวก่อน ไม่ได้สมุดของภัทรวัฒน์ต้องสอบไม่ผ่านแน่" ธนาวัฒร์ชวนภัทรทิมาพร้อมทั้งส่งสายตาที่มีเริ่มมีความรู้สึกที่ดีให้กับภัทรทิมา
"โอเคจ้ะ งั้นสองแก้วเลยนะ" ภัทรทิมาแกล้งธนาวัฒน์
"ถ้ากินไหวก็ได้เลยนะ" ธนาวัฒน์ตอบกลับด้วยความยินดี ทั้งสองหนุ่มสาวหยอกล้อสลับไปมากับการติวหนังสือด้วยความสนิทสนม
และความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็เริ่มก่อร่างสร้างตัวดีขึ้นเรื่อยๆแต่ก็เป็นความรู้สึกที่รู้กันเพียงสองคนเท่านั้น
.......................................................................
ยิ่งนับวันอุณารินทร์ก็เริ่มแสดงความเป็นเจ้าของธนาวัฒน์ ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างธนาวัฒน์กับภัทรทิมาก็ก่อตัวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งอุณารินทร์เองก็รับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น แต่คนอย่างอุณารินทร์ไม่เก็บความรู้สึกสงสัยเอาไว้นาน
ธนาวัฒน์มักจะแวะไปช่วยจ่ายตลาดและช่วยงานที่ร้านอาหารตามสั่งของบ้านภัทรทิมาเป็นประจำ
"เหนื่อยไหมวัฒน์ ขอบคุณมากเลยนะที่แวะมาช่วยประจำเลย" ภัทรทิมาพูดด้วยความรู้สึกดีที่มีธนาวัฒน์เคียงข้าง
"ไม่เหนื่อยหรอกเราเต็มใจ เราอยากอยู่ใกล้ๆภัทร" ธนาวัฒน์หยอดคำหวาน
ระหว่างนั้นเองอุณารินทร์ขับรถเข้ามาในซอยเห็นทั้งสองคนเดินจูงมือจึงบีบแตรเสียงดังใส่และจอดรถลงไปหาทั้งคู่ทันที
"อย่างนี้นี่เอง ที่วัฒน์ปฏิเสธจะไปไหนมาไหนกับรินทร์" อุณารินทร์ยืนกอดอกท่าทางเอาเรื่อง
"รินทร์" ทั้งธนาวัฒน์และภัทรทิมาอุทานแทบจะพร้อมกัน
"วัฒน์กับภัทรแอบคบกันหรือ ตั้งแต่เมื่อไร ยังไง" น้ำเสียงอุณารินทร์ดุดัน
"ใช่ เราคบกัน แล้วก็นานมาแล้วด้วย วัฒน์รักภัทร" ธนาวัฒน์ตอบอย่างลูกผู้ชาย
"วัฒน์!แล้วรินทร์ล่ะ" อุณารินทร์ตวาดเสียงแหลมใส่
"วัฒน์ไม่เคยคิดอะไรกับรินทร์เลย รินทร์เป็นลูกของผู้มีพระคุณของวัฒน์"
"นี่อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาวัฒน์แค่อยากตอบแทนบุญคุณของพ่อรินทร์เท่านั้น" อุณารินทร์น้ำตาคลอเบ้า
"วัฒน์รักรินทร์เหมือนเพื่อน เหมือนน้องสาว ต่อให้เราฐานะเท่าเทียมกันวัฒน์ก็คิดกับรินทร์แค่นั้น" ธนาวัฒน์ยืนยันหนักแน่น
"เพราะมันใช่ไหม ถ้าไม่มีมัน วัฒน์ก็จะรักรินทร์ แกมันอีเพื่อนทรยศ" อุณารินทร์ชี้หน้าด่ากราดใส่ภัทรทิมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งเข้าไปตบหน้าเธอ
"โอ้ย รินทร์ ฟังภัทรก่อน" ภัทรทิมาหน้าหันไปตามแรงตบ
เมื่ออุณารินทร์จะเข้าไปตบซ้ำอีกครั้งธนาวัฒน์ก็โผเข้าโอบกอดภัทรทิมาและมืออีกข้างก็ปัดป้องอุณารินทร์ให้ออกไปจากคนรัก
"นี่วัฒน์ปกป้องมันหรือ อีภัทรมึงอย่าอยู่เลย" ยิ่งธนาวัฒน์ปกป้องภัทรทิมามากเท่าไรยิ่งทำให้อุณารินทร์คลั่งมากเท่านั้น
ธนาวัฒน์รีบพาภัทรทิมาออกไปจากพื้นที่นั้นโดยเร็วปล่อยให้อุณารินทร์อาละวาดแผดเสียงอยู่คนเดียวแบบไม่อายชาวบ้านแถวนั้น
...........................................................................
เมื่อมาถึงบ้านลูกคุณหนูเอาแต่ใจอย่างอุณารินทร์ไม่รอช้าที่จะไปฟ้องพ่อของเธอ จนพ่อเธอเองก็อยากทราบความจริงจากปากทั้งสองฝ่ายจึงได้เรียกทั้งธนาวัฒน์ พร้อมชัยและเนืองผู้เป็นพ่อแม่ให้มาคุยกันต่อหน้า
"รินทร์กับวัฒน์รักกันค่ะพ่อเราคบกันอยู่ แต่นังภัทรมันมายุ่งกับวัฒน์ เมื่อก่อนวัฒน์ดูแลและดีกับรินทร์ทุกอย่างแต่ตอนนี้ไม่ใช่เลย" อุณารินทร์ไม่รอโอกาสรีบใส่ไฟทันที
ชัยคนขับรถของบ้านและเนืองแม่บ้าน พ่อกับแม่ของวัฒน์ได้ฟังดังนั้นก็หันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าวิตกกังวลและหันไปถามลูกชาย
"ว่าไงเจ้าวัฒน์ มีอะไรจะอธิบายไหม" ชัยผู้เป็นพ่อเอ่ย
"พ่อครับ แม่ครับ คุณท่านครับผมกับคุณรินทร์ไม่ได้มีอะไรเกินเลยนอกจากความเป็นเพื่อนและความเป็นลูกของผู้มีพระคุณเลยครับ ตลอดเวลาที่ผมดูแลคุณรินทร์มาผมเห็นเธอเป็นเพื่อน เป็นน้องสาวและที่สำคัญผมอยากดูแลเธอเพื่อตอบแทนบุญคุณของคุณท่านครับ ผมมิอาจเอื้อมจะคิดเป็นอย่างอื่นได้เลย" ธนาวัฒน์พูดพร้อมพนมมือไหว้ต่อหน้าทัศนัย
"แล้วถ้าไม่คิดเรื่องบุญคุณกันล่ะเธอจะดูแลลูกสาวฉันในฐานะคนที่รักได้ไหม" ทัศนัยหยั่งเชิงถาม
"คุณพ่อ" อุณารินทร์ร้องเรียกพ่อเสียงดังขึ้นราวกับว่าสิ่งที่พ่อถามมันช่างถูกอกถูกใจเธอเสียยิ่งนัก
"ผมมีคนรักอยู่แล้วครับ ชื่อภัทรทิมา เธอเป็นเพื่อนเรียนกลุ่มเดียวกันที่มหาวิทยาลัยกันครับ เรารักกันและคุยกันถึงเรื่องอนาคตหลังจากที่เรียนจบพวกเราจะช่วยกันสร้างอนาคตและพาพ่อกับแม่ไปอยู่ด้วยกันครับ"
"หมายความว่าเธอไม่ได้รักลูกสาวฉันเลยงั้นหรือ" ทัศนัย เป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผลพยายามถามอย่างเข้าใจ
"ครับ" ธนาวัฒน์ตอบหนักแน่น
"เมื่อเขาไม่ได้รักก็ฝืนใจกันไม่ได้นะลูก" ทัศนัยหันไปคุยกับลูกสาวถึงแม้จะตามใจกันมากเพียงไรแต่มิอาจฝืนหัวใจคนอื่นเพื่อลูกของตนเองได้
"ไม่ได้ รินทร์ไม่ยอม คุณพ่อต้องบังคับวัฒน์ให้เลิกคบกับภัทรให้ได้ ไม่งั้นก็ไล่มันออกทั้งพ่อทั้งแม่เลย ไปเลยไปให้หมด"เวลานี้อุณารินทร์พาลไม่ฟังใคร
ธนาวัฒน์เองรู้สึกเสียใจที่พลอยทำให้พ่อกับแม่ต้องลำบากไปด้วยแต่ชัยและเนืองรู้นิสัยคุณหนูเอาแต่ใจคนนี้ดีและไม่อยากให้ลำบากใจกันในภายหลัง สามคนพ่อแม่ลูกจึง
มากราบลาทัศนัยขอออกไปอยู่กันเองข้างนอกเพราะไหนๆเขาสองคนก็วัยใกล้เกษียณเต็มทีแล้วเหมือนกัน
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาอุณารินทร์ก็ผูกใจเจ็บธนาวัฒน์และภัทรทิมาเป็นอย่างมากกินไม่ได้นอนไม่หลับนานเป็นเดือนเสียการเรียนเอาแต่เที่ยวเตร่กับแก๊งไฮโซ ยิ่งได้รับคำพูดเหน็บจากคนในกลุ่มยิ่งเจ็บใจ
"ยัยรินทร์มันถูกลูกคนขับรถหักอกมาว่ะ ฮ่าๆๆๆ" เสียงเยาะเย้ยของเพื่อนในกลุ่มหัวเราะลั่นเมื่อกำลังนั่งจิบไวน์กันอยู่
"ยัยภัทรลูกแม่ค้าร้านข้าวตามสั่งนี่ก็เจ๋งว่ะเอาชนะคุณหนูไฮโซเพียบพร้อมอย่างยัยรินทร์ได้" เสียงหัวเราะดังขึ้นกว่าเก่า เรื่องที่อุณารินทร์ไม่สมหวังกับธนาวัฒน์เป็นที่โจษขานและพูดแขวะเล่นอย่างสนุกปากยิ่งทำให้อุณารินทร์อับอายเป็นอย่างมาก
เมื่อเจอกันที่มหาวิทยาลัยอุณารินทร์ก็จะหาเรื่องแกล้งภัทรทิมากับธนาวัฒน์เสมอๆ จงใจแกล้งสะดุดทำน้ำแดงหกใส่ หรือแกล้งขับรถปาดหน้าให้น้ำฝนที่ท่วมขังบนพื้นถนนกระเด็นใส่ เธอทำแบบนี้ประจำแต่ธนาวัฒน์และภัทรทิมาก็อดทนไม่ตอบโต้เพราะชัยกับเนืองเคยขอร้องไว้และอีกอย่างก็ใกล้จะจบการศึกษากันแล้ว ออกไปแล้วก็คงไม่ต้องเจอหน้ากันอีก
................................................................