กลางดึกหลังจากนอนร้องไห้จนหลับไป กณิศาตื่นมาด้วยความหิว แต่ก่อนหาอะไรเข้าปาก สิ่งที่ทำคือชำระล้างสิ่งสกปรก ในที่นี้ไม่ใช่เหงื่อไคลหรือฝุ่นใดๆ แต่เป็นสัมผัสจากบาสเตียนที่อยู่บนทุกส่วนของร่างกาย จับตรงไหนก็สะเทือนใจ แต่ไม่มีแล้วน้ำตาเช่นก่อนหน้า เพราะมันไหลรินจนหมดไปแล้ว
เธอแต่งตัวด้วยชุดนอนธรรมดาๆ อย่างกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดตัวโคร่งก่อนเดินออกมาที่ห้องครัว แอบเปิดตู้เย็นเพื่อหาอาหารประทังชีวิต และโชคดีที่มีอาหารแช่แข็งสำเร็จรูปอยู่ในช่องฟรีซ แต่กำลังจะแกะพลาสติกเพื่อนำมันใส่เข้าไปในไมโครเวฟก็เปลี่ยนใจซะก่อน เพราะไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณคนใจร้ายมากไปกว่านี้ ว่าแล้วก็กลับไปเปลี่ยนชุดในห้อง ตั้งใจว่าจะออกไปหาอะไรกินที่ร้านสะดวกซื้อด้านล่างเพ้นท์เฮ้าส์ของเขา แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นประตู เสียงสุดโหดก็ดังจนตัวสะดุ้ง
“จะหนีหนี้ฉันเหรอ!” บาสเตียนในชุดกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวถามเสียงเข้ม เขาเปิดไฟโถงทางเดินจนสว่างจ้า อีกฝ่ายตัวแข็งทื่อ รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นขโมยและถูกเจ้าของบ้านจับได้เข้าให้แล้ว
“ฉันถามทำไมไม่ตอบ” คนที่ไม่ชอบถูกเมินตะคอกใส่กณิศาเสียงดังลั่น เธอตัวสั่นเทิ้มและค่อยๆ หันกลับมาสู้หน้ากับเขา ที่เมื่อครู่เธอไม่ตอบเพราะกำลังตกใจก็เท่านั้น
“ฉันไม่ได้จะหนีหนี้”
“แล้วจะไปไหน แอบนัดแฟนไว้หรือไง” เขารู้ว่าเธอไม่ได้โกหก เพราะถ้าเธอจะหนีไปจริงๆ เธอคงไม่ไปตัวเปล่าแบบนี้
“เปล่า... ฉันแค่จะออกไปหาอะไรกิน”
“ตอนตีสองเนี่ยนะ”
“ค่ะ... ฉันจำได้ว่ามีร้านสะดวกซื้อข้างล่าง เดี๋ยวฉันมา... ได้ไหม” เธอเพิ่มเติมคำขอร้องลงไป เพราะกลัวว่าเขาจะอาละวาดอีก
“ไม่ได้”
“คุณ... ฉันขอไปแป๊บเดียวเอง ฉันไม่ได้คิดจะหนีไปไหนเลย ฉันแค่หิว”
“แล้วทำไมไม่กินของในตู้เย็น เมื่อกี้แอบเปิดดูแล้วไม่ใช่เหรอ เป็นขโมยกลับใจหรือไง”
“เอ่อ...”
“ไม่ต้องคิดจะแก้ตัว! คิดว่าฉันหูหนวกหรือไง!”
“เปล่าค่ะ ฉันแค่คิดว่าคุณน่าจะหลับไปแล้ว”
“ฉันจะหลับหรือไม่หลับ เธอก็ไม่มีสิทธิ์ทำตัวลับๆ ล่อๆ ในบ้านฉัน กินแล้วเก็บกวาดให้สะอาดด้วย!”
“ฉันต้องจ่ายเงินค่าอาหารด้วยหรือเปล่าคะ” เธอถามอย่างใสซื่อทำเอาคนที่กำลังจะเดินกลับห้องตัวเองรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ ที่ดุเกินจำเป็น
“สะสมเศษเงินไว้ใช้หนี้ฉันดีกว่า จะกินก็กิน ไม่คิดเงิน” เขาตอบกลับโดยไม่หันมามองเธอเลยสักนิด
กณิศากลอกตาอย่างหมั่นไส้ ใจจริงอยากจะด่าเขากลับ แต่สถานะของผู้แพ้อย่างเธอ มีโอกาสทำลับหลังแค่นี้ก็พอใจแล้ว
“อุ้ย!”
เช้าวันต่อมากณิศาเดินออกมาจากห้องตอนแปดโมงครึ่งก็ตกใจ เพราะบาสเตียนยืนยกเวทอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น มีเครื่องออกกำลังกายสองสามอย่างวางอยู่บริเวณนั้นด้วย เขาเองก็มองเธอที่ยืนเก้ๆ กังๆ ทำตัวไม่ถูกอย่างจับผิด อยากรู้นักว่าจะทำยังไงต่อที่เห็นเขาตื่นเช้าแบบนี้
“เอ่อ...”
“อย่าอ้ำๆ อึ้งๆ รำคาญ” บาสเตียนทำหน้าหงุดหงิดเกินเหตุ
“ไม้กวาดอยู่ตรงไหนคะ” เธอตัดสินใจถามถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่การทำงานของตัวเอง
“ไม่รู้”
“ไม่รู้? หมายความว่ายังไงคะ”
“ฉันไม่ใช่คนกวาดบ้าน ฉันจำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอว่าไม้กวาดอยู่ตรงไหน”
“จำเป็นค่ะ”
“แต่สำหรับฉัน มันไม่จำเป็น”
“อย่าหาว่าฉันสอนหรือทำตัวไม่มีมารยาทกับเจ้าหนี้เลยนะคะ แต่ที่นี่เป็นบ้านของคุณ คุณควรจะรู้ว่าอะไรวางอยู่ตรงไหน เผื่อว่าของอะไรหายไป คุณจะได้รู้ แล้วยิ่งคุณจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาด เค้าเข้ามาทำงานแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็กลับ คุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าเค้าไม่หยิบอะไรติดไม้ติดมือไปบ้าง”
“นี่จ้างให้มาเป็นแม่บ้าน ทำงานบ้าน ไม่ได้จ้างให้มาเป็นแม่ ไม่ต้องบ่น ยิ่งเธอพูดมาก ฉันยิ่งรำคาญ” เขาแอบคิดตามที่เธอพูด เพราะเคยถูกแม่บ้านขโมยของมาแล้วเหมือนกัน แต่กว่าจะรู้ตัว แม่บ้านพวกนั้นก็ลาออกไปเป็นเดือนๆ แล้ว
“ดีค่ะ ฉันจะได้พูดเยอะๆ จนคุณไล่ฉันออกไปจากที่นี่”
“จะลองดีกับฉันแต่เช้าหรือไง”
“ใช่ค่ะ คนใจร้ายอย่างคุณสมควรอยู่คนเดียว คนอย่างคุณน่ะไม่มีความอดทน ใจแคบ บ้าอำนาจ”
“ถ้าฉันใจแคบ ป่านนี้พี่เธอถูกเผาไปกับยางรถยนต์แล้ว!”
“ใจกว้างมากกกกกกกกก ฉันซึ้งใจจริงๆ ค่ะที่คุณเมตตาพี่ชายฉัน แต่มันก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่เหรอคะ ในเมื่อคุณเลือกที่จะทำร้ายฉันแทน คุณก็ไม่สิทธิ์เอาเรื่องพี่ฉันมาขู่ฉันอีก”
“งั้นฉันต้องขู่เธอใช่ไหม ไอ้ปากดีๆ แบบนี้เนี่ย อยากรู้นักถ้าโดนฉันจูบ จะมีแรงพูดอีกสักกี่คำ”
“อย่านะ!” กณิศามองหาทางหนีทีไล่ ตอนแรกเธอคิดว่าเขาจะโยนเวทปาใส่เธอ แต่เขากลับวางมันลงเดินตรงมาหาพร้อมสีหน้าที่มีแต่ความโกรธ
“อื้อ! หยุดนะ!” และนี่คือจูบจากบาสเตียนที่ใช้ปิดปากคนพูดมากอย่างกณิศา เรียบร้อยได้ไม่ถึงหนึ่งวันก็ออกฤทธิ์ซะแล้ว
“ไอ้ฝรั่งทุเรศ!”
“ยังไม่หยุดใช่ไหม! ได้...” เขาขู่เธอเสียงต่ำ และจูบเธออีกครั้ง สองมือของเขาประคองดวงหน้าของเธอเอาไว้ไม่ให้ขยับหนีไปไหน
“ไอ้... อื้อ...” เธอยังต่อว่าเขาไม่จำคำ เขาก็จูบเธออีกครา
“จะเลิกปากดีหรือได้หรือยัง!” เขาปล่อยเธอให้อิสระ หลังจากเห็นว่าเธอไม่ต่อสู้อะไรเขาแล้ว กณิศาไม่ตอบ ทำเพียงเช็ดปากที่เลอะเทอะและหันหลังกลับเข้าห้อง แต่มือหนาของบาสเตียนคว้าข้อมือของเธอไว้และดึงมาเธอจูบอีกครั้ง...
“ฉันไม่ได้ว่าอะไรคุณแล้วนะ จูบทำไม” เธอผลักอกล่ำของเขาออกห่าง
“เดี๋ยวป้าเข้ามาใหม่นะคะ” หญิงวัยกลางคนหน้าตาตื่น เพราะได้เห็นอะไรที่ไม่ควรได้เห็น และได้ยินอะไรที่ไม่ควรได้ยิน
“ไม่เป็นไรครับป้า... นี่แม่บ้านคนใหม่ สอนงานเธอได้เลยครับ” บาสเตียนสั่งงานเสร็จก็กลับเข้าไปในห้องตัวเอง เขาทำตัวเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกินขึ้น ส่วนกณิศานั้นยืนหน้าแดง ทั้งโกรธ ทั้งอาย
“สวัสดีค่ะ” เธอตั้งสติและยกมือไหว้ป้าแม่บ้านอย่างเสียไม่ได้ จะทำไงได้ล่ะ ก็ป้าเห็นเธอโดนจูบไปแล้วนี่... แล้วเมื่อกี้สงสัยจะหูฝาด คล้ายจะได้ยินเขาพูดจามีหางเสียง แถมยังให้เกียรติผู้อาวุโส
“มีอะไรสงสัยอีกไหมจ๊ะหนู” ป้าแม่บ้านถามอย่างเอ็นดู เพราะหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา กณิศาตั้งใจฟังสิ่งที่สอนเป็นอย่างดี
“ไม่มีค่ะ เท่าที่คุณป้าบอก ไม่มีอะไรยาก แค่ต้องทำให้ถูกใจเจ้าของบ้านก็พอ”
“แหม... อย่างหนูเนี่ย ถึงจะทำอะไรสกปรกไปบ้าง คุณบาสเตียนก็คงไม่ว่าอะไรหรอกจ้ะ”
“ไม่ว่าหรอกค่ะ แต่ด่าเลย”
“จุ๊ๆ... อย่าเสียงดังสิหนู เดี๋ยวคุณเค้าได้ยินเข้า ยังไงเค้าก็เป็นนายจ้างเรา”
“ดีครับ... สั่งสอนให้รู้จักยอมรับสถานภาพของตัวเองซะบ้าง”
“แล้วห้องสุดท้ายล่ะคะ มีอะไรที่หนูต้องรู้บ้าง” กณิศาไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เธอจำได้หมดแล้วว่าแต่ละส่วนของบ้าน ตรงไหนมีอะไร ตรงไหนต้องทำความสะอาดยังไง เหลือก็แต่ห้องนอนของบาสเตียน
“เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง ขอบคุณป้ามากครับ”
“ค่ะ งั้นป้าขอตัวนะคะ ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวเชียงใหม่ก็แวะไปหาป้าได้นะคะคุณบาสเตียน”
“ครับ ขอให้รีสอร์ตมีคนพักเยอะๆ นะครับ นี่เงินเดือนเดือนสุดท้ายของป้า” บาสเตียนยื่นซองสีขาวให้ป้าแม่บ้าน
“ทำไมให้เยอะจังคะคุณ นี่มันเกินเงินเดือนป้ามาตั้งเยอะ”
“เก็บไว้เถอะป้า ถือซะว่าตอบแทบที่ป้าดูแลบ้านผมมาหลายเดือน... โดยที่ไม่มีของหายเลย” เขาพูดประโยคสุดท้าย พร้อมกับหันไปมองหน้ากณิศาด้วย
“ขอบคุณนะพ่อคุณ ขอให้เจริญๆ นะ”
“ครับ”
“ตามเข้ามาสิ ยืนทำหน้างงอยู่นั่นแหละ” เมื่อป้าแม่บ้านกลับไป บาสเตียนก็มองเธอตาขวาง กณิศาจึงเดินตามเขาไปต้อยๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้
“ห้องนอนฉันไม่ต้องทำอะไรมาก แค่อย่าให้มีฝุ่นก็พอ แล้วใต้เตียงเธอก็ต้องก้มไปกวาดพวกฝุ่นออกมาให้หมด ล้างห้องน้ำวันเว้นวัน ส่วนโต๊ะทำงานตรงนี้ อย่าเคลื่อนย้ายแฟ้มต่างๆ ไปที่อื่น แค่ยกมันขึ้นมา เช็ดฝุ่นแล้ววางไว้ที่เดิม เสื้อผ้าเอาลงไปให้ร้านข้างล่างซัก เสร็จแล้วเอามาเก็บเข้าตู้ แยกตามประเภท อย่าปนกันมั่ว ส่วนกางเกงในกับบ็อกเซอร์ เธอต้องซักด้วยมือและใช้น้ำยาซักชุดชั้นในโดยเฉพาะเท่านั้น ห้ามเอาผงซักฟอกมาซักเด็ดขาด”
“ค่ะ”
“ดี... คิดว่าจะมีปัญหากับการซักกางเกงในให้ผัว” บาสเตียนอารมณ์ดีที่เธอว่านอนสอนง่าย
“ถ้าสั่งงานเสร็จแล้ว ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“เชิญ” เขาหลีกทางให้เธอเดินออกไปจากห้องนอน ส่วนตัวเขาเองก็นอนดูทีวีสบายๆ อยู่ตรงห้องนั่งเล่น จนเวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมง การทำงานบ้านของกณิศาก็สิ้นสุดลง เธอใช้เวลาทำนานมากๆ เพราะไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองเลยสักนิด ย้ำคิดย้ำทำ กวาดแล้วกวาดอีก ถูแล้วถูเล่า เอาให้มั่นใจว่าสะอาดหมดจน เพราะท่าทางผิวหนังของคุณชายจะบอบบางซะเหลือเกิน
“อ้าว!” เจ้าของห้องรู้ว่าเธอทำงานเสร็จเรียบร้อยก็แกล้งให้เธอเหนื่อยขึ้นอีกด้วยการทำน้ำหก
“เอาผ้ามาเช็ดหน่อย” เขาหันไปบอกเธอที่เพิ่งจะล้างมือเสร็จไม่ถึงห้าวินาที กณิศาทำตามที่เขาสั่งโดยไม่ถกเถียงใดๆ เธอก้มเช็ดน้ำที่เจิ่งนองบนโต๊ะ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าคอเสื้อนั้นหย่อนลงจนเผยให้เห็นเนินอกเล็กน้อย และบาสเตียนก็จ้องอยู่อย่างนั้น แม้มันจะไม่เห็นอะไรชัดเจนเท่าไหร่ แต่ก็เร้าใจเป็นบ้า
“เฮ้ย!” กว่ากณิศาจะรู้ตัวก็เช็ดน้ำจนแห้งสนิท เธอรีบใช้สองมือที่ยังเปียกชื้นปิดคอเสื้อเอาไว้
“ทำเป็นตกใจ เธออ่อย ฉันดูออก”
“ฉันไม่ได้อ่อย อย่าพูดจามั่วๆ นะ”
“ไม่ได้อ่อย แต่แกล้งยั่ว”
“คุณนั่นแหละที่แกล้งทำน้ำหก”
“รู้ได้ยังไง แอบมองฉันเหรอ”
“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลยค่ะ”
“ยืนเถียงเจ้าหนี้คอเป็นเอ็น ถ้างานไม่ดี ฉันจะตัดเงินเดือนเธอ”
“ถ้าอยากตรวจงานของฉันก็เชิญ” กณิศาผายมือให้เขาเดินไปสำรวจส่วนต่างๆ เธอเดินตามเขาไปเรื่อยๆ ในใจก็ลุ้นว่าเขาจะไม่พอใจอะไรหรือเปล่า
“ใช้ได้... แต่ก็ไม่ถึงกับดีมาก” บาสเตียนประเมินผลงานของเธอตามความจริง ไม่มีจุดไหนที่สกปรกจนเขาสะดุดตา ทุกอย่างสะอาดเรียบร้อยในแบบที่ไม่ทำให้อารมณ์เสีย
“แล้วทำไมไม่ไปเก็บผ้าที่เปียกน้ำบนโต๊ะ”
“ค่ะ” เธอมัวแต่ลุ้นจนลืมไปสนิท เมื่อทำงานเสร็จอีกครั้งก็เอ่ยถามเจ้านายว่า...
“มีอะไรให้ฉันทำอีกไหมคะ”
“ตอนนี้ยัง”
“ถ้าอย่างนั้น... ฉันขออนุญาตออกไปข้างนอกนะคะ”
“จะไปไหน” บาสเตียนรู้สึกไม่พอใจ กลางคืนก็จะหนี กลางวันก็คิดจะหนีอีกงั้นเหรอ
“ไปซื้อของกินค่ะ”
“แล้งน้ำใจจริงๆ ตั้งแต่เธอโดนฉันจูบเมื่อเช้า เธอเห็นฉันมีอะไรตกถึงท้องหรือยัง?”
“ยังมั้งคะ” เธอไม่ได้จะกวนประสาท แต่ตอนทำงานใช้หนี้เมื่อกี้ เขาอาจจะแอบกินขนมอยู่ในห้องนอนก็เป็นได้
“ไปแต่งตัวใหม่ไป” บาสเตียนปัดมือไล่ ทำหน้ารำคาญที่เห็นเธอมอมแมม
“ทำไมคะ ฉันจะไปแค่เซเว่นนี่เอง”
“ไปแต่งตัวให้มันดีกว่านี้ นี่เป็นคำสั่ง!”
“จะเอาดีระดับไหนละคะ”
“ดีแบบที่เดินกับฉัน แล้วฉันจะไม่อายคน”
“ฉันคงทำให้ไม่ได้หรอกค่ะ คุณเป็นเจ้าหนี้ ฉันเป็นลูกหนี้ ฉันไม่กล้าเอาตัวเองไปตีเสมอกับคุณค่ะ”
“โอเค! งั้นก็จำเอาไว้ซะ ว่าเป็นบุญของเธอแค่ไหนที่มีโอกาสได้นอนกับผู้ชายสูงส่งอย่างฉัน แล้วยังมีสิทธิ์ได้เสนอหน้าอยู่ที่นี่ด้วย!” เขาตวาดเธอเสียงดังลั่น ส่วนกณิศาก็ยืนนิ่ง เธอคิดว่าเขาแปลกดีเหมือนกัน ที่ตีความหมายในคำพูดของเธอแบบนั้น แบบที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่คับฟ้าน่ะ
“จะไปไหนก็ไป! ยิ่งฉันเห็นหน้าเธอฉันยิ่งรำคาญ!”
“ขอตัวนะคะ” เธอก้มศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินผ่านเขาไป ไม่แน่ใจว่าเขาไล่เธอด้วยความประชดประชันหรือเปล่า แต่ใครจะแคร์ ดีใจสุดๆ ที่ถูกขับไล่ เพราะเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้ไปหาอะไรทาน ถึงชีวิตจะอับจนแค่ไหน แต่เธอก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองอดตาย เพราะเธอต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อหาเงินใช้หนี้ไงเล่า
“คุณบาสเตียนคะ...”
“อะไร!” บาสเตียนหันไปตามเสียงเรียกของเธออย่างหงุดหงิด
“คีย์การ์ดเข้าออกห้องที่ป้าแม่บ้านให้คืน ฉันเอาไปใช้นะคะ” เธอชูมันให้เขาดูอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“เออ!” บาสเตียนตอบเสร็จก็เป็นฝ่ายเดินหนีเธอเข้าห้องนอนไป ทิ้งไว้เพียงเสียงประตูดังลั่นไว้เป็นเพื่อนกณิศา แต่เธอก็แคร์ไม่ ซาบซึ้งประหนึ่งมันคือเสียงสวรรค์
“โอ้โห! ซื้อเยอะขนาดนี้ จะไม่ออกจากบ้านเลยเหรอครับพี่” พนักงานร้านสะดวกซื้อถามกณิศา หลังจากเธอวางตะกร้าซึ่งด้านในมีแต่อาหารแช่แข็งและขนมกับเครื่องดื่มมากมาย
“เอ่อ... พอดีติดซีรีส์เกาหลีน่ะ”
“เหมือนแฟนผมเลยพี่ ดูอยู่นั่นแหละ ดูทั้งวัน ไอ้เรื่องอะไรนะ ที่พระเอกชื่อคิมทัน คิมเทินอะไรสักอย่าง พี่ดูเรื่องนี้หรือเปล่าครับ” เขาพูดไปก็สแกนบาร์โค้ดสินค้าไปด้วย
“ใช่ๆ เรื่องนี้แหละ” เธอเออออห่อหมกไปอย่างนั้น จริงๆ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือเรื่องอะไร
“ทั้งหมดหกร้อยสองบาทครับ” กณิศายื่นแบงค์พันให้เขา
“พี่มีเศษสองบาทไหมครับ”
“ไม่มีค่ะ”
“ผมมีครับ” ผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนต่อแถวคิดเงินอยู่ข้างหลังยื่นเหรียญสองบาทให้พนักงาน
“อุ๊ย! ไม่เป็นไรค่ะ ฉันพกเงินมาแค่นี้ คงไม่มีเงินคืนคุณหรอกค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมมีเหรียญเต็มเลย” เขาแบมือให้เธอดู ในนั้นมีเหรียญมากมายที่เขาพยายามกำไว้ไม่ให้มันตกลงพื้น
“ขอบคุณมากนะคะ” กณิศาขอบคุณเขาอย่างซึ้งใจ อย่างน้อยในวันที่ห่อเหี่ยวก็ยังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นบ้าง
“ครับ” เขาส่งยิ้มให้ ก่อนจะมองเธอหอบหิ้วถุงออกไปจากร้าน สงสัยเธอคงจะติดซีรีส์มากจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ตุนอาหารไว้มากมายขนาดนี้
“คุณ! เดี๋ยวคุณ!” ชายแปลกหน้าตะโกนเรียกกณิศา เพราะมีบางอย่างตกลงมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังของเธอ
“ของพี่กี่บาทก็นับเอาเงินเอานะ” เขาหยิบขวดน้ำที่พนักงานยิงบาร์โคดแล้วออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว มีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ นั่นคือการเอาของสิ่งนั้นไปให้เธอ
“พี่! แล้วเงินที่เหลือล่ะ!”
“เอาไปเลย พี่ให้!”
“เดี๋ยวผมมัดใส่ถุงไว้ให้นะพี่! กลับมาเอาด้วยนะพี่!” พนักงานตะโกนตามหลัง เพราะเขาซื้อน้ำแค่สองขวด แต่ดันให้เหรียญกองใหญ่เท่าถ้วยน้ำพริก แถมยังหยิบน้ำไปไม่ครบอีก
“คุณครับ! คุณ!” เขาวิ่งตามกณิศามาทันจนได้ เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ เธอเดินเร็วมาก ทั้งๆ ที่มีถุงห้อยอยู่เต็มมือเต็มแขน
“คะ?” เธอหันไปหาเขาแบบงงๆ
“แป๊บนะครับ” เขาพูดจบก็อ้าปากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ วิ่งกลางแดดเปรี้ยงๆ มันทำให้แทบเป็นลม
“จะมาทวงเงินฉันเหรอคะ... คือตอนนี้ฉันไม่มีเหรียญติดตัวมาเลยค่ะ ฉันต้องกลับขึ้นไปเอาบนห้องก่อน คุณรอนั่งรอก่อนได้ไหมคะ”
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่” เขารีบโบกมือปฏิเสธ กลัวว่าเธอจะเข้าใจเจตนาผิดไป
“อ้าว... แล้วคุณ...”
“คุณทำคีย์การ์ดตกน่ะครับ” เขายื่นมันคืนให้เธอ กณิศารีบวางถุงลงกับพื้น ก่อนจะจับที่กระเป๋ากางเกงของตัวเองเพื่อตรวจสอบว่ามันเป็นของตัวเองจริงๆ หรือเปล่า
“ของฉันจริงๆ ด้วย... ขอบคุณนะคะ”
“คุณอยู่ที่นี่เหรอ” เขาถามเพราะคีย์การ์ดที่เธอมีนั้นเหมือนของเขาไม่มีผิดเพี้ยน มันเป็นคีย์การ์ดของผู้อาศัยระดับวีไอพี ที่มีไม่ถึงยี่สิบคนในคอนโดมิเนียมแห่งนี้ ถ้าใครมีไว้ในครอบครอง เท่ากับว่าคนคนนั้น อาศัยอยู่ในเพนท์เฮ้าส์ห้องใดห้องหนึ่ง ที่มีอยู่ทั้งหมดสิบห้อง
“ค่ะ” เธอตอบอย่างไม่ค่อยอยากตอบเท่าไหร่ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าอยู่ที่นี่เพราะอะไร
“เดี๋ยวผมช่วยถือนะครับ” เขาก้มลงไปหยิบถุงที่เธอวางไว้ที่พื้นเมื่อครู่ขึ้นมา
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร ฉันคือเองได้ค่ะ” เธอปฏิเสธและแย่งถุงจากเขาคืน
“ไม่เป็นไรได้ยังไงครับ ดูแขนคุณสิ เป็นรอยแดงหมดแล้ว ยังไงผมก็ไปทางเดียวกับคุณ ขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกับคุณ ถ้าถึงชั้นของคุณเมื่อไหร่ ผมจะคืนให้”
“คุณรู้ด้วยเหรอคะว่าฉันต้องขึ้นลิฟต์ตัวไหน” กณิศาเริ่มสงสัย เพราะเธอเรียนรู้มาจากป้าแม่บ้านว่า ลิฟต์สำหรับขึ้นไปที่ห้องของ บาสเตียนมีเพียงตัวเดียว ซึ่งเป็นลิฟต์ส่วนตัวสำหรับผู้พักอาศัยวีไอพี
“รู้สิ ก็ผมมีคีย์การ์ดแบบเดียวกับคุณ” เขาหยิบกระเป๋าสตางค์มาเปิดให้เธอดู ด้านในมีคีย์การ์ดแบบเดียวกันเป๊ะ แถมเธอยังแอบเห็นว่าเขามีบัตรเครดิตมากมาย ซึ่งมันคงไม่แปลกหรอก ถ้าเขาเป็นเจ้าของห้องที่นี่ได้ เขาก็ต้องรวยไม่เบา
“คงไม่ปฏิเสธแล้วนะครับ เพราะถ้าคุณปฏิเสธน้ำใจจากผม คุณอาจจะเสียเวลาดูซีรีส์เกาหลีก็ได้นะ” เขายิ้มให้เธออย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินนำหน้าเธอไป
ชายหนุ่มสนใจเธอตั้งแต่เจอในร้านสะดวกซื้อเมื่อครู่ เขากำลังจะขับรถไปทำงานที่ต่างจังหวัด จึงแวะซื้อน้ำกับขนมติดรถไว้สักหน่อย พอเข้าไปในร้านก็เห็นเธอกำลังเลือกอาหารแช่แข็ง พร้อมกับคำนวณราคาด้วยเครื่องคิดในเลขในโทรศัพท์มือถือไปด้วย แต่เหตุผลที่ทำให้เขาสนใจเธอจริงๆ คงเป็นเพราะว่าที่ร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ จะมีแต่คนที่พักอาศัยอยู่ที่นี่มาซื้อของ และการแต่งตัวที่ดูธรรมชาติถึงขึ้นที่เรียกว่าธรรมดานั้นไม่เข้ากับรสนิยมของผู้หญิงแถวนี้เลยสักนิด ส่วนมากที่เขาเคยเจอ แค่ออกมาซื้อของแค่นี้ ขนตาของเธอพวกเธอก็หนาเตอะ และที่ขาดไม่ได้ก็คงจะเป็นกระเป๋าสะพายหรูหราราคาแพงที่มีสายสะพาย แต่เอามาคล้องไว้ที่แขนให้ดูเก๋ไก๋และอวดยี่ห้อของมัน แต่กับเธอนั้น เธอมีเพียงกระเป๋าลายแมวเหมียวใบเล็กๆ คล้ายกระเป๋าใส่เหรียญติดมือมาเท่านั้น แถมใบหน้าของเธอยังดูเป็นธรรมชาติ น่ารักโดยไม่ต้องแต่งเติมอะไรมากมาย
“เพิ่งมาอยู่ใหม่เหรอครับ ผมไม่คุ้นหน้าคุณเลย” ระหว่างที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบ
“ค่ะ” กณิศาไม่อยากคุยกับเขาเลยให้ตายสิ เธอไม่อยากบอกใครจริงๆ นะว่าอยู่กับบาสเตียน
“ฉันไปก่อนนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยถือของ อันนี้ฉันให้คุณค่ะ ตอบแทนที่คุณช่วยออกเงินให้ฉัน เก็บคีย์การ์ดให้ฉัน แล้วก็ถือของมาส่งฉัน” เธอยื่นขวดขาเขียวให้เขา ก่อนจะรับถุงมาคืน
“ยินดีครับ ขอบคุณสำหรับชาเขียวนะครับ” เขาส่งยิ้มให้เธอ จนกระทั่งประตูลิฟต์ปิดลง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธออาศัยอยู่ชั้นไหน เพราะคีย์การ์ดอัจฉริยะ เพียงแค่แตะมันก็จะแสดงที่หน้าจอว่าเจ้าของอาศัยอยู่ชั้นที่เท่าไหร่
“มีอะไรไอ้นนท์” บาสเตียนรับสายชานนท์ เพื่อนสนิทที่คบหากันมากว่ายี่สิบปี ตั้งแต่เรียนด้วยกันที่โรงเรียนนานาชาติ
“บาสเตียน! ข้างห้องมึงมีคนมาอยู่แล้วเหรอวะ” ชานนท์ถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้ กูไม่ได้สนใจเรื่องชาวบ้าน”
“เป็นอะไรวะ โมโหใครมาก็อย่าลงกับกู กูเพื่อนนะครับ ไม่ใช่กระโถน!” ชานนท์รู้นิสัยของเขาดี อาการแบบนี้ต้องมีใครทำสร้างความไม่พอใจให้บาสเตียนแน่
“เออ กูไม่รู้ว่ามีคนมาอยู่หรือยัง”
“ดีเลย! งั้นมึงรู้ไว้ซะ แล้วก็ห้ามมาหว่านเสน่ห์ใส่เธอด้วย”
“เธอ? เธอไหน...” บาสเตียนลุกจากโต๊ะอาหารหลังจากสั่งให้ลูกน้องซื้ออาหารมาให้ แต่ยังไม่ทันจะได้กินให้หายหิว ความสงสัยก็ไหลเข้าท้องก่อนความอร่อยเสียแล้ว
“ชั้นที่มึงอยู่มีสองห้องใช่ไหม”
“เออ”
“ตอนนี้มีคนมาอยู่ข้างๆ ห้องมึงละ กูเจอเธอเมื่อกี้นี้ โคตรน่ารักเลยว่ะ”
“เหรอ แล้วไงอีก” บาสเตียนตะงิดๆ ในใจ จึงเริ่มเอ่ยถามชานนท์ไปเรื่อย ๆ
“กูเจอที่เซเว่นข้างล่างเนี่ย เธอกำลังยืนซื้อของอยู่ มึงคิดดูดิ ว่าสมัยนี้มึงจะหาผู้หญิงที่บวกเงินตอนซื้อของต่างๆ ก่อนเอาไปคิดเงินจริงๆ ได้จากไหน โคตรรอบคอบ”
“แล้วไงต่อ”
“แล้วเหมือนฟ้าจะเป็นใจเว้ย เธอทำคีย์การ์ดตก กูเลยใช้โอกาสนั้นแหละ ช่วยถือเธอของ แล้วก็มาส่งเธอถึงลิฟต์เลย”
“อ่อ แล้วเธอใส่เสื้อสีอะไร” บาสเตียนถามเพื่อความแน่ใจ หลังจากที่กณิศาเดินกลับเข้ามาพร้อมข้าวของมากมาย ส่วนเธอก็รู้สึกได้ถึงอันตรายบางอย่าง เพราะเขามองเธอด้วยสายตาจับผิด
“สีฟ้าว่ะ ฟ้าอ่อนๆ มึงถามทำไมวะ”
“แค่นี้ก่อนนะ กูมีงานต้องทำ” บาสเตียนได้ยินคำตอบก็แน่ใจแล้วว่าผู้หญิงที่เพื่อนรักของเขาหมายถึงคือกณิศานี่เอง
“ไปแรดอ่อยผู้ชายที่ไหนมา ถึงกลับมาป่านนี้!” เขาเดินไปบีบไหล่ของเธออย่างแรง กณิศาไม่ทันตั้งตัวก็ปล่อยถุงต่างๆ ตกลงพื้นด้วยความตกใจ
“ฉันยังไม่ออกไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเลยนะคุณ ครึ่งชั่วโมงยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ” เธอห่อตัวให้เล็กลงเพราะกลัวเขาแทบแย่
“นี่ขนาดออกไปไม่ถึงชั่วโมงยังขนาดนี้ ถ้าฉันปล่อยให้ออกไปนานกว่านี้ เธอคงอ่อยผู้ชายได้เป็นสิบคนแล้วใช่ไหม”
“อะไรของคุณ! อ่อยอะไร!”
“ทำเป็นตีหน้าซื่อ”
“เป็นอะไรของคุณเนี่ย ปล่อยฉันได้แล้ว! ฉันเจ็บนะ”
“นายครับ... โทรศัพท์จากโชว์รูมรถครับ” กณิศาตกใจอีกครั้ง ที่จู่ๆ ก็มีคนอยู่ห้อง เธอไม่ทันสังเกตจริงๆ แต่ก็จำได้ว่าเขาคือคนที่ขับรถไปส่งที่บ้าน คนที่รู้คนแรกว่าลอตเตอรี่ของเธอเป็นของปลอม
“มีอะไร!” บาสเตียนปล่อยมือจากกณิศา ก่อนจะรับโทรศัพท์หน้าเครียด และเธอไม่สนใจว่าเขาจะมีปัญหาอะไร สิ่งที่ทำคือรีบเก็บอาหารต่างๆ ไว้ในตู้เย็น
“เดี๋ยวฉันเข้าไป” เขาเงียบฟังรายงานต่างๆ อย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันไปออกคำสั่งกับณิศา
“ห้ามออกไปห้องไปไหนจนกว่าฉันจะกลับมา!” บาสเตียนหงุดหงิด มันเรื่องอะไรกันที่ยัยคนนี้ออกไปข้างนอกแป๊บเดียวก็มีผู้ชายมาชอบ สงสัยอยากจะหาผู้ชายรวยๆ มาช่วยใช้หนี้ เห็นใครดูมีเงินเข้าหน่อยก็ใช้มารยา แล้วก็คงคิดมาดีแล้วสินะว่าแถวนี้มีแต่คนรวยๆ คิดแล้วมันแค้นใจ กับผู้ชายคนอื่นเธอเสนอตัว แต่กับเขาทำท่ารังเกียจ ส่วนเธอเมื่อได้ยินก็เข้าใจ และหันไปรินน้ำเย็นๆ ดื่มให้ร่างกายและจิตใจสงบ
“คุณกณิศาครับ” ลูกน้องของเขาเดินมาคุยกับกณิศาด้วยเสียงที่เบามาก เหมือนกลัวว่าบาสเตียนที่เข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องจะได้ยิน
“คะ?” จริงๆ เธอไม่อยากคุยกับเขาเท่าไหร่หรอก แต่เขาพูดดีกับเธอก่อน เธอเลยไม่อยากเสียมารยาท
“ผมชื่อก้องเกียรตินะครับ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกผมได้นะครับ ถ้าผมช่วยได้ผมจะช่วย” เขาบอกเธออย่างมีน้ำใจ กณิศางงจนตั้งตัวไม่ทันว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากของเขา เจ้านายกับลูกน้อง... นิสัยไม่เหมือนกันหรอกเหรอ
“ขอบคุณค่ะ” เธอส่งยิ้มให้เขา แม้จะยังไม่แน่ใจในความหวังดี แต่ก็รับไมตรี ดีกว่าปฏิเสธน้ำใจ
“ทำอะไรกัน” บาสเตียนเดินออกมาจากห้องเห็นทั้งสองยืนมองหน้ากันก็สงสัย
“ผมขอน้ำเธอดื่มน่ะครับ” ก้องเกียรติหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะที่เธอวางไว้มาดื่มอย่างเนียนๆ ส่วนบาสเตียนก็พยายามไม่ใส่ใจ
“เธอไปเปลี่ยนชุด แล้วไปกับฉัน”
“เปลี่ยนชุดเหรอคะ?”
“สมองฝ่อเหรอ”
“เปล่าค่ะ”
“เปล่าก็ไปเปลี่ยนชุดสิ!” บาสเตียนตะคอกจนเธอทำตามคำสั่ง มันจะมีสักครั้งไหมที่ผู้หญิงคนนี้จะทำตามที่เขาต้องการ โดยไม่ต้องให้พูดถึงสองครั้งสองครา
กณิศาที่ไม่รับรู้ว่าต้องไปทำไม ไปทำอะไรก็ได้แต่เปลี่ยนชุดด้วยความสับสน ข้าวก็ยังไม่ได้กิน หิวจนไส้จะขาด แต่ก็ต้องทำตามที่เขาต้องการ