ตอนที่ 3... ทำงานใช้หนี้

1904 คำ
“ถ้าฉันเป็นตำรวจ โจรกระจอกๆ อย่างเธอคงจะลืมตาอีกทีตอนอยู่ในคุกสินะ” บาสเตียนเหล่ตามองกณิศาที่ขยับตัวตื่น ตอนนี้เธอนอนอยู่บนโซฟาในห้องทำงานของเขา ส่วนเขานั่งกดโทรศัพท์อยู่ที่เก้าอี้ข้างๆ เธอยังอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือใส่เสื้อผ้าแล้ว แต่เสื้อที่เธอใส่อยู่ เป็นเชิ้ตแขนยาวของเขา แล้วเขาใส่เสื้อตัวใหม่เหรอ... “ฉันกลับได้หรือยัง” เธอค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งและหันไปสังเกตเสื้อของเขา เธอจำไม่ได้ว่าเขาใส่เสื้อตัวเดิมหรือเปล่า แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก ในเมื่อเขาเป็นคนฉีกเสื้อเธอจนขาด เขาก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบหาเสื้อตัวใหม่มาให้ใส่อยู่แล้ว “นี่คิดว่ายอมเสียตัวให้ฉันแค่ครั้งเดียวแล้วหนี้ของพี่ชาย มันจะหมดงั้นเหรอ” เขาย้ายมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกับกณิศา และก็เธอขยับหนีเขาจนตัวชิดกับพนักพิง “ฉันรู้ว่าฉันไม่มีค่าขนาดนั้นหรอก ไม่งั้นคุณคงไม่ทำกับฉันแบบเมื่อกี้ แล้วฉันก็ไม่ได้จะหนีไปไหน ฉันจะกลับไปหาเงินมาคืน” “กล้าหาญ มุ่งมั่น รักครอบครัว ฉันประทับใจมากนะ แต่เหลือเวลาอีกแค่สองวัน รวมวันนี้อีกครึ่งวันก็เป็นสองวันครึ่ง เธอจะมีปัญญาหาเงินจากไหนมาใช้หนี้ให้พี่ชาย” “ในเมื่อคุณได้ตัวฉันขัดดอกไปแล้ว คุณก็ต้องให้เวลาฉัน” “ฉันตกลงกับเธอไว้อย่างนั้นเหรอ ก่อนที่ฉันจะทำให้เธอเสียว ฉันพูดแบบนั้นเหรอ เอ... ฉันจำไม่ได้เลย จำได้แต่นมนิ่มๆ กับตรงนั้นที่มันฟิตสุดๆ” เพี้ยะ! กณิศาทนไม่ได้ที่เขาพูดจาแบบนี้ จะย่ำยีกันไปถึงไหน “แค่เธอชี้หน้าฉัน เธอยังโดนฉันเอาไม่ยั้ง คิดเหรอว่าตบหน้าฉัน แล้วฉันจะทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงขี้โกงอย่างเธอ” บาสเตียนแสบแก้มไปหมด แต่เขายังพอทนได้ เขาอยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะต่อสู้ด้วยวิธีไหนอีก “ฉันไม่ได้โกง ฉันไม่ได้โกหก ฉันไม่รู้ว่าลอตเตอรี่เป็นของปลอม” “ช่างหัวเรื่องเศษกระดาษนั่น จะปฏิเสธยังไง มันก็ไม่กลายเป็นเงินอยู่ดี” “คุณจะให้เวลาฉันใช่ไหม” กณิศาเห็นเขาดูใจเย็นลงก็ถามอย่างมีความหวัง “ฉันไม่ได้จะให้เวลา แต่ฉันจะยืดอิสรภาพให้พี่ชายเธอต่างหาก” “ฉันไม่ยอมให้คุณใช้ร่างกายฉันเป็นตัวขัดดอกอีก ถ้าจะให้ฉันชดใช้ ให้ฉันทำอย่างอื่นเถอะ” “ได้” บาสเตียนหยักไหล่ตอบตกลงคำขอสบายๆ ก่อนจะกอดอกและมองเธอเจ้าเล่ห์ “แต่เธอต้องทำตามที่ฉันสั่ง” “อะไร...” “เธอต้องมาเป็นแม่บ้านให้ฉัน” “แม่บ้าน!” “ใช่” “ถ้าฉันตกลงทำงานนี้ ฉันต้องทำอะไร และฉันจะได้อะไรบ้าง” กณิศาไม่คิดว่าจะได้ยินข้อเสนอที่ฟังดูง่ายดายแบบนี้ แต่ก็ระแวงจนต้องถามให้แน่ใจว่าการเป็นแม่บ้านของเขานั้น ครอบคลุมและมีขอบเขตถึงหน้าที่ใดบ้าง “ฉันจะให้เวลาพี่ชายเธอเพิ่มอีกสามเดือน ระหว่างนั้นเธอก็ทำงานบ้านให้ฉัน งานง่ายๆ ทำงานบ้านเป็นหรือเปล่า” “เป็น... แต่ไม่ค่อยสะอาด” เธอบอกเสียงเบา ไม่มั่นใจในความสามารถ มันไม่ได้ยากอะไร ก็แค่ปัด กวาด เช็ด ถู แต่คงทำให้สะอาดเนี้ยบไร้ฝุ่นละอองหมดจดคงทำไม่ได้ ส่วนบาสเตียนได้ยินก็ถอนหายใจ เขาอยู่ในที่ที่ฝุ่นเยอะมากไม่ได้ ผิวหนังไวต่อความสกปรก “ใช้เครื่องซักผ้าเป็นไหม” “เป็น” “เครื่องดูดฝุ่น” “ก็ไม่น่าใช้ยาก” “ฉันขอถามอีกที เธอทำงานบ้านเป็นหรือเปล่า” “คุณไม่ต้องถามฉันหรอก ฉันทำได้แล้วกัน แค่กวาดบ้าน ถูบ้าน เช็ดโต๊ะ ใครๆ ก็ทำได้ ที่ฉันอยากรู้คือ งานฉันมีแค่นี้จริงๆ ใช่ไหม แล้วพี่ชายฉันจะปลอดภัยหรือเปล่า” “พี่ชายเธอจะปลอดภัย ตราบเท่าที่เธอทำงานให้ฉัน และมีข้อแม้ว่าเธอจะต้องย้ายไปอยู่กับฉันด้วย” “ทำไมฉันต้องไปอยู่กับคุณด้วย ฉันไปกลับได้ แม่บ้านสมัยนี้เค้าทำเสร็จแล้วกลับกันทั้งนั้นแหละ” “จะไป... หรือไม่ไป?” บาสเตียนมองเธออย่างวางอำนาจ และเปิดรูปคลิปวิดีโอในโทรศัพท์ให้กณิศาดู “พี่ปั้น...” เธอน้ำตาคลออย่างห้ามไม่อยู่ ใบหน้าของเขามีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด แถมตัวของเขาถูกมัดไว้กับเก้าอี้ “อย่า!” เสียงสั่นเครือ เผลอร้องห้ามเมื่อลูกน้องของเขากำหมัดชูขึ้นเพื่อจะทำร้ายปวริศ แต่คำขอก็ไม่เป็นผล เพราะวิดีโอยังคงเล่นต่อไปพร้อมๆ กับที่พี่ชายของเธอถูกรุมทำร้ายร่างกาย “คุณมันใจร้าย” กณิศามองหน้าบาสเตียนด้วยความโกรธแค้น “ใจร้ายเหรอ... ถ้าฉันใจร้าย ป่านนี้พี่เธอโดนฝังจมดินจนเธอต้องประกาศหาคนหายสักสิบปี แต่เธอจะไม่มีวันเจอ หรือถ้าเจอ ก็คงเจอแต่ซากกระถูกที่ต้องเอาไปตรวจดีเอ็นเอ ถึงจะรู้ว่าเป็นของคนหรือหมา” “มันจะมากเกินไปแล้วนะคุณ! พี่ฉันเป็นคนนะ มีสองแขน สองขาเหมือนคุณ!” “แล้วฉันไม่ใช่คนหรือไง ฉันให้โอกาสคนไม่มีอนาคตอย่างพี่คุณทำงาน แต่ดูสิ่งที่ฉันได้รับ ฉันไม่เคยทำร้ายใครก่อน พี่เธอมันโกง มันเป็นคนทุจริต!” “แต่คุณทำร้ายฉัน...” เธอบอกเขาพร้อมกับน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาจากหัวตา เธอเจ็บปวดกับการกระทำของผู้ชายคนนี้ คนที่เธอไม่เคยรู้จัก เธอไม่คิดเลยว่าจะมีคนจิตใจโหดเหี้ยมแบบนี้อยู่บนโลก “เธอทำร้ายฉันก่อน!” บาสเตียนไม่มีความปราณีให้กับกณิศาเลยสักนิด เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าน้ำตาที่ไหลออกมานั้นเป็นเพราะเขา “ถ้าฉันไปอยู่กับคุณ คุณจะไม่ทำอะไรพี่ชายฉันอีกใช่ไหม” “เลิกซ้อมมัน แล้วตั้งแต่นี้ไป ไม่ต้องคอยตามดูพวกมัน จนกว่าฉันจะสั่ง” บาสเตียนตอบคำถามของกณิศา ด้วยการโทรศัพท์ไปสั่งลูกน้องให้ปล่อยตัวปวริศไป “กลับบ้านไปเก็บของของเธอ แล้วกลับมาหาฉันที่นี่ก่อนหกโมงเย็น” “ค่ะ” กณิศาปาดน้ำตาและมองนาฬิกาข้อมือ อย่างน้อยเธอก็มีเวลาอีกสามชั่วโมง ก่อนที่จะต้องตกนรกไปอีกสามเดือน แต่เมื่อเธอลุกขึ้นยืนและพยายามก้าวขาไปข้างหน้า ความเจ็บปวดก็เกิดขึ้นตรงหว่างขา “ฉันจะให้คนของฉันไปส่งเธอที่บ้านแล้วกัน ถือซะว่าเป็นการต้อนรับแม่บ้านคนใหม่” บาสเตียนกระตุกยิ้มมุมปากและมองหน้ากณิศาด้วยสายตาหื่นๆ ก่อนจะเลื่อนมองต่ำไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ตรงนั้น “น้ำใจจากคุณมันชดเชยความทุเรศของคุณไม่ได้หรอกนะ แต่ฉันก็ขอบคุณมากที่มีเมตตา” แม้จะไม่อยากรับความช่วยเหลือของเขา แต่เธอก็ไม่สามารถกลับบ้านในสภาพนี้ได้จริงๆ ตลอดทางกลับบ้านกณิศาพยายามไม่ร้องไห้ต่อหน้าคนไม่รู้จัก แต่ความเงียบและความเจ็บปวดก็ยากเกินกว่าจะเก็บเอาไว้ได้ เธอคิดไม่ออกว่าจะบอกพ่อกับแม่ของเธอยังไงดีว่าเธอจะไม่อยู่บ้านสามเดือน แล้วภายในสามเดือน เธอจะหาเงินมาคืนเขาได้ยังไง ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ยิ่งคิดก็ยิ่งมืดแปดด้าน สุดท้ายก็ปล่อยโฮเหมือนฝนที่ตกลงมาจากฟ้าครื้ม จนลูกน้องของบาสเตียนหันมามองดูเธอเล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงรถเข้าเลนซ้ายและจอดที่ข้างทาง “นายให้ผมบอกคุณว่า นายบอกพี่ชายคุณแล้วนะครับว่าคุณเอาลอตเตอรี่มาใช้หนี้ และนายก็ให้ผมแจ้งคุณว่า นายไม่ได้บอกพี่ชายคุณว่าคุณจะไปทำงานกับนาย” เขารายงานสิ่งที่เจ้านายสั่ง และต้องรอจนกระทั่งกณิศาหยุดร้องไห้ เพราะบาสเตียนกำชับว่าไม่อยากให้เธอน้ำตานองหน้าเข้าบ้านจนพ่อแม่สงสัย “ลอตเตอรี่มันเป็นของปลอมจริงๆ เหรอคะ” เธอจำหน้าเขาได้ ผู้ชายคนนี้เป็นคนนำลอตเตอรี่ไปขึ้นรางวัล “ครับ” เขาตอบเธอสั้นๆ และปล่อยให้เธอร้องไห้เงียบ ๆ อยู่ครึ่งชั่วโมง “พ่อ! แม่!” กณิศาวิ่งเข้าบ้านมากอดพวกเขาไว้แน่น “กะทิ! หายไปไหนมา แล้วที่ส่งข้อความมาบอกว่าถูกรางวัลที่หนึ่งน่ะเรื่องจริงหรือเปล่า” “จริงสิแม่! เราโชคดีมากๆ เลยนะแม่ กะทิเอาลอตเตอรี่ไปขึ้นรางวัลมาแล้ว แล้วกะทิกับพี่ปั้นก็เอาเงินไปใช้หนี้เค้าแล้วด้วย” “จริงเหรอลูก ลูกสาวพ่อทำไมดวงเฮงขนาดนี้!” “พ่อกับแม่ยังไม่ได้เอาบ้านไปจำนองใช่ไหม” “ยังสิ พอเข้าไปในธนาคารก็เห็นข้อความ เลยรีบกลับบ้านมารอกะทิไงลูก แล้วพี่ปั้นอยู่ไหน พี่ปั้นไม่ต้องติดคุกแล้วใช่ไหม” “ใช่ค่ะ เจ้านายพี่ปั้นไม่เอาเรื่องพี่ปั้นแล้ว พ่อกับแม่สบายใจได้เลยนะ” “แล้วพี่ปั้นอยู่ไหนกะทิ” “พี่ปั้น... พี่ปั้นโดนเค้าต่อยนิดหน่อยน่ะแม่ แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก คงรอแผลหายก่อนล่ะมั้ง ถึงจะกลับบ้าน” กณิศาบอกไปตามความจริง แต่ก็ไม่ทั้งหมด “เค้าไม่เอาปืนมายิงลูกชายเราก็ดีแค่ไหนแล้วแม่ เดี๋ยวมันหายดี มันคงกลับบ้าน” ผู้เป็นพ่อมองโลกในแง่ดี คนมีเงิน มีอำนาจแบบนั้น ลงโทษลูกชายที่ทำผิดมหันต์เพียงเท่านี้ก็ดีพอแล้ว “หนูลืมบอกพ่อกับแม่ไปเลย เมื่อวานมัวแต่เครียด กะทิต้องไปตรวจบัญชีที่ต่างจังหวัดสามเดือนนะแม่” ปกติกณิศาจะต้องไปทำงานต่างจังหวัดเป็นประจำ เธอจึงคิดว่าเรื่องนี้น่าจะนำมาเป็นเหตุผลบังหน้าได้ดีที่สุด “ทำไมครั้งนี้ไปนานจังล่ะลูก ปกติไปอย่างมากก็สองอาทิตย์” “งานใหญ่น่ะแม่ บริษัทเค้ามีสาขาอยู่หลายจังหวัด” “แล้วต้องไปวันไหน” “คืนนี้เลยค่ะ มีรถตู้ของบริษัทไปส่ง” “แล้วเก็บของหรือยัง” “ยังเลยค่ะ” “งั้นไปเก็บของเถอะลูก” “พ่อ... แม่... ฟังกะทิดีๆ นะ... ไม่ต้องเครียดเรื่องพี่ปั้นแล้ว นับตั้งแต่นาทีนี้ไป พ่อกับแม่ใช้ชีวิตเหมือนปกติได้เลย” กณิศาบอกพ่อกับแม่ให้สบายใจ แม้เธอจะรู้ว่าสภาพจิตใจของทั้งคู่ตอนนี้มันอาจจะต้องใช้เวลาเยียวยาก็ตาม “แม่ก็ได้แต่หวังว่าปั้นจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีก ขอบใจมากนะลูก” ทั้งสามโอบกันอย่างเข้าอกเข้าใจและส่งกำลังใจให้แก่กัน แต่กณิศาก็รีบคลายอ้อมกอดก่อนที่น้ำตาจะไหลริน “กะทิไปเก็บของก่อนนะ” เธอส่งยิ้มให้พ่อกับแม่ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้องนอนด้วยท่าทีปกติที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม