นีรชาได้ยินคนสองคนคุยกันอยู่ไม่ไกล แต่ไม่ใช่ภาษาบ้านเกิดของเธอ แม้อยากจะลืมตาขึ้นมาแต่ก็ลืมไม่ขึ้น อาจจะเพราะร่างกายนี้ยังไม่หายดี
จึงได้นอนฟังหญิงต่างวัยสองคนนี้พูดคุยกันต่อ
“นั่นสิคะ พี่สะใภ้มักจะไม่ค่อยยอมใครเสียด้วย ต่อให้ไปหาความจริง ก็คงจะไม่มีใครยอมออกหน้ามาเป็นพยานให้ หมู่บ้านนี้มีใครชอบพี่สะใภ้บ้างคะ ว่าแต่บ้านเราถูกให้แยกครัวออกมาแล้ว ทำไมปู่กับย่าถึงไม่ยอมให้พวกเราแยกบ้านค่ะ หรือหวังเงินที่พี่ใหญ่ส่งมาให้”
หลี่เหว่ยเหลียนเอ่ยขึ้นมา เนื่องจากพี่ชายของเธอนั้นทำงานต่างเมือง และเงินเดือนที่ได้รับจะต้องแบ่งเข้ากองกลางครึ่งหนึ่ง แต่ตั้งแต่พี่ใหญ่แต่งงานมา พี่สะใภ้ก็ไม่ยอมแบ่งให้เหมือนเดิม โดยอ้างว่าไม่ต้องกตัญญูขนาดนั้นเพราะพ่อของเราได้ตายไปแล้ว จึงให้เพียงไม่กี่หยวนเท่านั้น
ทำให้ย่าไม่พอใจอย่างมาก จึงให้บ้านสามทุกคนย้ายมาอยู่ห้องเก็บของนี้ และให้แยกกันทำอาหาร แต่ยังให้บ้านสามรับผิดชอบซื้อเนื้อมาให้เดือนละหนึ่งครั้ง
เรื่องนี้ตอนแรกฟางเจียวเหมยไม่ยอม แต่เพราะแม่สามีขอไว้จึงยังไว้หน้าแม่สามี เลยซื้อเนื้อมาให้เดือนละครั้ง!!
“เรื่องนี้แม่ก็จนปัญญา เพราะพี่ชายของลูกก็พูดทุกครั้งที่กลับมาบ้าน แต่ย่าไม่ยินยอม เรื่องการแยกบ้านถ้าผู้เฒ่าของบ้านไม่ยินยอม เราก็ไม่สามารถแยกได้ นอกจากมีข้อหักล้างที่มีเหตุผล”
สองแม่ลูกยังคงพูดคุยเรื่องนี้กันต่อ โดยมีนีรชาที่อยู่ในร่างของ
ฟางเจียวเหมยนอนฟัง เวลานี้หญิงสาวเริ่มกลับมาปกติ แต่ยังไม่อยากลืมตาขึ้นมา แต่แล้วอยู่ ๆ ในหัวกลับมีภาพและเรื่องราวต่าง ๆ ฉายชัดเข้ามาไม่ต่างจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง
ร่างนี้มีชื่อว่า ‘ฟางเจียวเหมย’ ลูกสาวบ้านฟาง มีนิสัยร้ายกาจ
เธอมีพี่ชายคนหนึ่ง ที่พ่อแม่เดียวกัน ทว่าเมื่อแม่ตายไป พ่อของเธอจึงแต่งแม่ม่ายลูกติดคนหนึ่งเข้ามา ซึ่งตัวของฟางเจียวเหมยนั้นไม่ถูกกับแม่เลี้ยงและลูกของเธอ
ตั้งแต่พ่อแต่งภรรยาใหม่เข้ามา นิสัยของหญิงสาวกลับร้ายกาจขึ้นมากกว่าเดิม ทำให้ทุกคนเอือมระอา รวมถึงชาวบ้านด้วยเหมือนกัน
ที่ฟางเจียวเหมยสามารถหาเรื่องทะเลาะตบตีกับคนในหมู่บ้านได้ไม่เว้นวันจนทำให้ไม่มีใครอยากคุยด้วย และเบือนหน้าหนีทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน
จนวันหนึ่งหญิงสาวได้พบกับลูกชายของบ้านสามหลี่ชื่อ ‘หลี่อี้ข่าย’ เธอจึงหลงรักอีกฝ่ายจนหัวปักหัวปำ แต่เพราะชายหนุ่มทำงานต่างเมืองทั้งสองคนเลยไม่ค่อยได้พบกัน และแล้ววันหนึ่งเมื่อเขากลับมาบ้าน ฟางเจียวเหมยจึงวางแผนเพื่อจะแต่งงานกับเขา โดยการแอบตามไปที่ลำธารตอนที่ชายหนุ่มมาอาบน้ำแล้วเข้าไปกอดเขาไว้ ก่อนจะร้องโวยวายเสียงดัง จนมีชาวบ้าน
มาเห็น และแม่เลี้ยงของเธอสบโอกาสที่จะไล่ลูกเลี้ยงคนนี้ออกจากบ้าน
จึงโวยวายและเรียกร้องให้บ้านสามหลี่รับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับเธอ
หลี่อี้ข่ายไม่อยากมีปัญหา เลยตบแต่งเธอเข้ามา ชายหนุ่มลางานได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ก็ต้องกลับไปทำงาน จากนั้นจึงรู้ว่าภรรยาท้อง เขาจึงทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อหวังจะหาเงินส่งกลับมาเพื่อบำรุงภรรยาและลูกในท้องของเธอ เพราะรู้นิสัยของบ้านใหญ่ดี อีกอย่าง แม่กับน้องสาวของเขาจะได้กินด้วย
ชายหนุ่มรู้ว่าภรรยานั้นไม่ยอมแบ่งเงินให้บ้านใหญ่ครึ่งหนึ่งเหมือนอย่างที่เคยทำมา คนบ้านสามทั้งหมดจึงถูกไล่ให้มาอยู่ในห้องเก็บของ เมื่อลางานกลับมาได้จึงเอ่ยปากขอย้ายบ้าน แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อย่าหลี่ค้านหัวชนฝา
เมื่อชีวิตความเป็นอยู่ของบ้านสามแย่ลง หลี่อี้ข่ายจึงไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่นัก เพราะชายหนุ่มฝันว่าหากกลับมาครั้งนี้จะทำทุกอย่างเพื่อพาครอบครัวย้ายออกมา และแน่นอนว่าเขาต้องหาเงินมากกว่าเดิม จนแทบไม่มีเวลาพัก และเรื่องที่ทำงานเยอะนั้นเขากลับไม่ยอมบอกใครเลยแม้แต่แม่ตนเอง
เมื่อรับรู้เรื่องราวของฟางเจียวเหมย นีรชาอยากจะตายอีกครั้ง
แต่อยู่ ๆ กลับได้ยินเสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อยสองคน
“อาหมิง กับหนิงหนิงของย่าหิวแล้วใช่ไหม เดี๋ยวย่าไปหาอะไรมาให้กินนะ ตอนนี้แม่เจียวเหมยยังหลับอยู่” หนิงหงชุนเอ่ยกับหลานตัวน้อยที่อยู่ในตักและมองไปยังหลานชายอีกคนที่อยู่กับลูกสาว
ทันทีที่รับรู้ว่าเสียงเด็กทั้งสองคนนั้นคือลูกของร่างนี้ นีรชาเกิดความรู้สึกประหลาดขึ้นมา แถมยังดูเป็นห่วงเด็กน้อยทั้งสองคนไม่น้อย
‘ฟางเจียวเหมย หากเธอยังอยู่แถวนี้ฉันขอสัญญาเลยว่าจะดูแลลูกของเธอทั้งสองคนให้เป็นอย่างดี รวมถึงคนที่เธอรักอีกด้วย และขอบใจมากที่ให้ฉันได้มาอาศัยร่างนี้เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อ ขอบใจจริง ๆ’
หลังจากที่พูดจบ อยู่ ๆ ก็มีลมพัดจนบานหน้าต่างเกิดเสียงดัง
และนั่นหมายความว่า ฟางเจียวเหมยรับรู้คำพูดของนีรชาแล้ว และพร้อมจากไปอย่างสงบ
สุดท้ายแล้ว นีรชาก็ยอมและเต็มใจอยู่ในร่างนี้ เพื่อที่จะมีชีวิตต่อไป แต่ก็ต้องกลุ้มใจเมื่อรู้ว่า ฟางเจียวเหมยคนก่อนสร้างศัตรูไว้ทั่วทุกทิศ
‘ท่านพญายม ท่านรู้หรือไม่ว่าคนของท่านได้ทำผิดซ้ำซ้อนเหลือเกิน แทนที่จะส่งมาเกิดดี ๆ กลับมีความผิดพลาดอีกแล้วจนทำให้ฉันอยากจะตายอีกสักครั้ง แต่เพราะชะตากรรมของฟางเจียวเหมยคนนี้ที่ยังมีห่วงลูกน้อยทั้งสองคน ฉันยินดีที่จะมีชีวิตต่อในร่างนี้ก็แล้วกัน แต่หวังว่าท่านจะตรวจทานการทำงานของลูกน้องดี ๆ หน่อย จะได้ไม่เกิดความผิดพลาดแบบนี้อีก!!’
คิดในใจจบ หญิงสาวก็ลืมตาตื่นขึ้นมาทันที โดยไม่ได้ยินเสียงโมโหของยมทูตตนนั้น
“พี่สะใภ้ฟื้นแล้วค่ะแม่” หลี่เหว่ยเหลียนเอ่ยออกมา พร้อมกับมีรอยยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อเห็นพี่สะใภ้ลืมตาขึ้นมา
“เป็นอย่างไรบ้างเจียวเหมย ยังมีอาการอะไรหรือเปล่า” หนิงหงชุนเอ่ยถามลูกสะใภ้ด้วยความเป็นห่วง ทว่าใบหน้ากลับเปื้อนรอยยิ้มไม่ต่างจากลูกสาวตนเองที่เห็นลูกสะใภ้นั้นฟื้นแล้ว
“ฉันดีขึ้นแล้วค่ะ ส่งอาหมิงมาก่อนเถอะค่ะ ป่านนี้คงหิวนมแย่แล้ว” หญิงสาวตอบกลับเพียงเล็กน้อย ก่อนจะบอกให้แม่สามีนั้นส่งลูกชายคนโตมาให้ก่อน เพราะเวลานี้เขาเริ่มแผดเสียงร้องแล้ว
“ได้ ได้จ้ะ” แม้จะแปลกใจแต่นางก็ส่งหลานชายให้กับลูกสะใภ้โดยดี
ฟางเจียวเหมยเมื่อรับลูกชายมาแล้ว สายตาก็มองหาผ้าเพื่อเอามาบดบังไว้ จะให้เธอเปิดนมต่อหน้าคนอื่นมันดูขัดเขินอย่างไรไม่รู้ ต่อให้ทั้งสองคนจะเป็นแม่และน้องสามีก็ตาม
หนิงหงชุนและหลี่เหว่ยเหลียน สองแม่ลูกต่างก็มองหน้ากันที่เห็นฟางเจียวเหมยไม่มีทีท่าจะไปเอาเรื่องบ้านใหญ่ แต่ทั้งสองรู้ดีว่าต่อให้หญิงสาวจะร้ายกาจและเป็นอันตรายต่อคนอื่นมาแค่ไหน แต่ฟางเจียวเหมยนั้นรักลูกทั้งสองคนมาก รวมถึงสามีของเธอด้วย จึงไม่แปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวรีบเอาลูกเข้าเต้าเมื่อได้ยินเสียงตัวน้อยร้องไห้เพราะความหิว
แม้จะรู้สึกแปลก ๆ เมื่อมีเด็กคนหนึ่งมาดื่มนมจากเต้าตัวเอง แต่ก็มีความรู้สึกอบอุ่นและรักเด็กน้อยในอ้อมกอดคนนี้ “อาหมิงอิ่มแล้ว
ถ้าอย่างนั้นไปอยู่กับย่าก่อนนะลูก แม่จะให้น้องดื่มนมก่อน”
เมื่อลูกชายดื่มนมจนอิ่มแล้ว หญิงสาวจึงส่งลูกให้กับแม่สามีและรับลูกสาวมาเข้าเต้าต่อ
หลี่ลี่หนิงเมื่อเข้าเต้าได้ก็รีบดูดด้วยความหิว ไม่นานเด็กน้อยคนนี้ก็ผล็อยหลับ ในขณะที่ฟางเจียวเหมยกำลังวางลูกสาวลงนอนอย่างระมัดระวัง กลับได้ยินเสียงทุบประตูห้องจนเด็กน้อยทั้งสองสะดุ้งตื่น
ปัง ปัง ปัง
“สะใภ้สาม หล่อนมัวแต่ทำอะไรอยู่ วันนี้ไม่คิดจะทำงานหรือยังไง”
“ทำยังกับชีวิตใหม่มันจะดีอย่างนั้นแหละ เกิดมากว่าจะโตฉันต้องเสียเวลาไปอีกตั้งเท่าไหร่”