ฉันตั้งใจอธิบายให้เขาเข้าใจฉันใหม่ ฉันไม่ได้เดินเข้าห้องกับเขาเพื่อทำกิจกรรมในร่มที่ผู้ชายรักสนุกชอบหรอกนะ ฉันแค่ไม่อยากให้เขาเสียหน้าหากใครก็ตามผ่านมาได้ยินฉันปฏิเสธเขา เท่าที่ตามข่าวเขามาสักพัก ผู้ชายมีดีอย่างเขาคงไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไม่สนใจข้อเสนอของเขาเลย
แต่นั่น...ไม่ใช่ฉัน
“อ้อ...ลืมไป พอดีฉันชอบเธอเป็นพิเศษ เธอยังไม่ได้ตกลงกับเอเย่น ของเธอมาก่อนใช่ไหม”
เขาพึมพำ เดินเลยไปที่เก้าอี้ตัวเดิมที่มีเสื้อสูทของเขาพาดเอาไว้หมิ่นๆ เขาล้วงอะไรบางอย่างออกมาขีดเขียนอะไรบางอย่างลงไปและวางบางอย่างลงบนโต๊ะ “ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่เคยเอาเปรียบผู้หญิง ทีนี้เริ่มงานของเธอสักทีเถอะ ฉันมีเวลาเหลือไม่มากแล้ว”
เพราะงานที่เพิ่มมากขึ้นหลังรับตำแหน่งที่บิดาผลักดันให้ เวลาส่วนตัวของผมเหลือน้อยลงไปทุกที อย่างเดียวที่ช่วยให้ผมลดความเคร่งเครียดลงได้ คือการระบายความอึดอัดในร่างกายไปกับสรีระที่แสนเย้ายวนของผู้หญิง
วันนี้มีเลี้ยงฉลองความสำเร็จครั้งใหญ่ บริษัทที่อนาคตน่าจะทำกำไรได้อย่างมาก หลังวนเวียนเจรจากับเจ้าของเดิมในที่สุดก็ใจอ่อน หากเป็นไปตามเป้าผลกำไรไตรมาสสุดท้ายน่าจะเพิ่มขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ นั่นเป็นที่มาของการพบสาวถูกใจตรงหน้า งานเลี้ยงหนุ่มโสดที่ไม่ได้จัดขึ้นบ่อยๆ กับบัตรเชิญที่เลขาฯ คนสนิทยัดเยียดให้ ผมไม่ได้ตั้งใจมาหรอก แต่เพราะเบื่อๆ เซ็งๆ เลยตัดสินใจเลือกที่นี่ ผมรู้ระเบียบที่นี่ดี ดังนั้นเมื่อเหยียบย่างเข้ามา ผมก็เปิดห้องชั้นบนรอไว้เลย
เกือบสามสิบนาทีที่กวาดตามองหาคนที่ตัวเองพึงใจ
ในที่สุดก็เจอ ผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้สวยซึ้งจนต้องมองเหลียวหลัง แต่ทุกสิ่งในร่างกายเธอคือธรรมชาติ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็แน่ใจแน่ๆ ว่าสวยด้วยตัวเอง ไม่ใช่การผ่านมือแพทย์ผู้ชำนาญ ผมไม่ได้อะไรกับเรื่องการทำศัลยกรรมหรอกนะ แต่สวยด้วยมือหมอผมเจอมาจนเบื่อ ตั้งแต่ระดับนางงามเวทีใหญ่ จนถึงสาวไซไลน์ที่ทำเฉพาะกิจ มีตั้งแต่ราคาเลขห้าหลัก หรือที่อัพราคาหนักๆ เพราะเป็นคนมีชื่อเสียงก็ผ่านมาแล้วแทบทั้งนั้น
วงหน้าเล็กๆ จมูกโด่งพอประมาณ ดวงตายาวรีและพวงแก้มอิ่ม หล่อนแตกต่างจากผู้หญิงที่เคยผ่านมาทุกคน ดูเรียบร้อยและเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน
“มานี่สิ ฉันทำให้เธอลืมผู้ชายทุกคนได้หมดเลยนะ” ผมไม่ได้ขี้อวด
ผมมั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถ และทำได้อย่างที่ปากพูด ผมกระดิกนิ้วเรียกเธอ ท่าทางเธอลังเลเล็กน้อย ผมสำรวจเธออีกครั้ง สองมือนั่นกำแน่นที่ชายเสื้อ เรียวปากจิ้มลิ้มที่ผมติดใจตั้งแต่เห็นครั้งแรกเม้มแน่น ผมส่ายหน้าจิปาก ตัดสินใจเดินเข้าหาหลังปลดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายสำเร็จ
“โอ๊วะ!”
ฉันตกใจแทบสิ้นสติ...เงาดำทะมึนกับกลิ่นน้ำหอมผู้ชายผสมกลิ่นบุหรี่อ่อนๆ โชยเข้าจมูกเต็มลัก ฉันขยับถอยหลังหนี แต่พื้นที่ที่ฉันปักหลักไม่อำนวยให้ฉันหนีพ้นเงื้อมมือของเขาเลย
ห้องพักในสถานที่แบบนี้ไม่เน้นพื้นที่กว้างๆ นอกจากโซฟาแล้วจะมีอะไรได้อีกล่ะ นอกจาก...เตียง
ฉันถอยมาสะดุดเตียงนอนขนาดใหญ่จนได้ ฉันหันไปมองเตียงแล้วก็เงยหน้ายิ้มแหยๆ ให้เขา “ฉัน...” ฉันพูดได้แค่นั้นแหละ คำพูดทั้งหมดของฉันถูกกลืนลงไปในลำคอ ฉันเผลอมองสบตาเขาในระยะประชิด เขาโน้มหน้ามาเสียใกล้ ลมหายใจร้อนๆ ของเขาเป่ารดผิวแก้มของฉันจนร้อนฉ่า ปลายนิ้วเรียวสวยขาวสะอาดแตะริมฝีปากฉันเบาๆ แต่เหมือนกับว่า พื้นดินตรงหน้าถล่มลงมาพร้อมกับประจุความร้อนมากมายที่พุ่งใส่ร่างกายของฉัน
“อย่าทำแบบนี้สิ มันเจ็บไม่ใช่เหรอ”
เสียงของเขาเหมือนลอยมาจากที่ไกลๆ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เขาอยู่ตรงหน้าและกำลังมองสบตาฉันอยู่ ในแววตาของเขามีอำนาจบางอย่างที่ดึงดูดฉันเข้าไปใกล้ๆ
ปลายนิ้วของเขากำลังปั่นป่วนฉัน ฉันคิดอะไรไม่ออก ทุกอย่างรอบตัวเหมือนหยุดนิ่งสนิท
“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว คุณกำลังเข้าใจผิด” ฉันพยายามหยุดแล้วนะ ทำไมเขาไม่ฟังฉันเลยล่ะ
ฉันทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เลย แค่เผลอสบตาเขา ความคิดของฉันก็หยุดนิ่ง ฉันควรต่อต้านเขาไหม หรือควรอธิบายให้เขาเข้าใจเรื่องเข้าใจผิดที่อาจจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ต่อให้เขาเพอร์เฟคหรือโดนใจฉันมากเท่าไหร่ สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันอยากหยุด คือฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ชื่นชอบการมีความสัมพันธ์ทางกายแค่...ชั่วคราว
ฉันคิดช้าไปสินะ ฉันถึงได้ถูกลวงล่อจนถลำลึกแบบนี้ ฉันเบิกตากว้าง!! รีบขืนตัวสุดฤทธิ์ พยายามต้านแรงดันจากเขา แต่มือของเขาไม่เปิดโอกาสให้ฉันทำแบบนั้น เขาจับรวบข้อมือฉันไว้ และโถมทับฉันไว้ทั้งตัว จนฉันเสียหลักล้มลงไปบนที่นอนติดสปริง
เรียวปากเปียกชื้นแนบตามลงมาติดๆ ฉันสะดุ้งเฮือก!! มันเหมือนมีไฟฟ้าช็อต ฉันพยายามเกร็งตัวหนี แต่เขาหาได้ยอมไม่ เขารุกไล่ตามติด บดเรียวปากร้อนชื้นลงมาบนกลีบปากฉันแรงๆ ในที่สุดเขาก็แย้มกลีบปากฉันได้ หลังจากเลาะเล็มอยู่ไม่นาน ฉันหัวหมุน สมองเบลอและสับสน ฉันควรดิ้นหนีไม่ใช่เหรอ? ฉันเฝ้าถามตัวเอง แต่การกระทำของฉันคือตรงกันข้าม ฉันแหงนหน้าขึ้นยอมรับรสหวานละมุนจากปลายลิ้นเปียกที่กวาดต้อนอยู่ในอุ้งปาก ฉันอยากตายเสียตอนนี้ ฉันมันคนหน้าด้าน.. ฉันกระหายบางอย่างที่มากกว่านี้
“ไงคนสวย...เธอชอบไหม ฉันยังมีความสนุกมากกว่านี้จะสอนให้เธอรู้จักอีกนะ หากเธอสนใจ”
เขาถอนปากออกห่าง และกระเซ้าฉันเสียงแหบๆ
“ไม่!! ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันไม่อยากรู้อะไรเลย”
ฉันส่ายหน้าปฏิเสธแรงๆ พยายามรวบรวมสติหลังมันหลุดกระจัดกระจายเพราะฤทธิ์จุมพิต
“สักนิดก็ไม่เหรอ...”
ผมถามเพราะไม่อยากเชื่อ ปฏิกิริยาตอบรับมันตรงกันข้ามกับการปฏิเสธ ผมสนุกทุกครั้ง หลังจากเย้าหยอกเธอ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของหล่อนนี่ มันใสสะอาด เสียจนผมแอบอิจฉา ผู้หญิงหลายคนที่ผมเคยผ่านการมีความสัมพันธ์ขั้นลึกซึ้งมาแล้วด้วย ส่วนมากถูกฉาบไว้ด้วยเครื่องสำอางอย่างหนา หนาแบบมองไม่เห็นเนื้อแท้ เหมือนพวกหล่อนต้องการปกปิดริ้วรอยต่างๆ ให้แนบเนียนที่สุด แต่ผิวนุ่มชุ่มชื่นของเธอ ผมแน่ใจว่ามันคือเนื้อแท้ หล่อนสวยจนน่าตื่นตาตื่นใจ และอาจจะสวยเสียกว่าบรรดาผู้หญิงที่ผมเคยผ่านมาทั้งหมด
ผมพรมจุมพิตไปทั่ว มัวเมากับกลิ่นกายหอมหวานสดชื่น ยิ่งดมยิ่งรู้สึกชอบใจ
ฉันส่ายใบหน้าหนีพยายามสลัดความรุ่มร้อนที่เกิดขึ้นทีละนิดทิ้ง ด้วยความทรมาน เขาทรงอำนาจ มือใหญ่เคลื่อนที่แตะต้องตรงไหน ส่วนนั้นก็แทบลุกเป็นไฟ ฉันสะท้านเยือก...เรือนกายสั่นเทา ผิวกายเหมือนระเบิดเวลา ร้อน และหนาวในคราวเดียวกัน
ผมเริ่มปลดชุดเดรสสีอ่อนทิ้งทีละชิ้น โดยที่เจ้าหล่อนไม่ทันได้รู้สึกตัว หล่อนกำลังมัวเมากับความหวามไหวที่ผมปรนเปรอให้ ผมรู้ตัวดีว่าจะหลอกล่อแม่สาวอ่อนหัดนี่แบบไหนดี หล่อนพยายามต่อต้านแทบเป็นแทบตายก็ไม่อาจทานลูกล่อลูกชนของผมได้หรอก
ผิวกายเธอเนียนละเอียดเหมือนที่คะเนไว้ ผิวของเธอเรียบลื่น นุ่มเนียนจนผมหลงเพลิด!! ทรวงอกตรึงเต่งใต้ฝ่ามือครัดเคร่งจนผมใจสั่น ผมหยอกเย้าแผ่วๆ ก่อนจะขยำขยี้หนักขึ้นเมื่ออารมณ์หนุ่มลุกโพลง เรียวขาเธอยาวเหมือนลำเทียน ยิ่งเธอขยับตัวบิดเสียดส่ายไปมา ผมก็ใกล้คลั่ง!! ผมไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมควบคุมตัวเองได้เสมอ แต่ครั้งนี้ไม่ ผมเหมือนหลุดเข้าไปในวังวนเสน่หาของแม่สาวแปลกหน้าที่ผมหิ้วเธอขึ้นมา ผมดมดอมเธอทุกตารางนิ้ว สัมผัสเหมือนไม่เคยเจอะเคยเจอ...ตะกรุมตะกรามเหมือนไม่ใช่ตัวเอง และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เหมือนเดิม...
“อือออ...”
เสียงครางเบาๆ ผิวหน้าหวานเห่อร้อน ฉันพยายามกลั้นความหวามไหวที่โถมใส่ทุกทิศทาง แต่ไม่สำเร็จ ฉันครางกระเส่า ร่างกายบิดส่ายด้วยความเสียดสยิวฉันพยายามห้ามตัวเองให้มีสติ มีเสียงใครบางคนตะโกนอยู่ในหัว คนคนนั้นพยายามเตือนให้ฉันต่อสู้ แต่เวลานี้ฉันสูญสิ้นการควบคุมร่างกายตัวเองไปเสียแล้ว... ร่างกายของฉันไม่เชื่อฟังคำสั่ง สมองของฉันว่างเปล่า ร่างกายของฉันโอนอ่อนตามเขา แม้จะรู้เต็มอกว่าเขากำลังจะทำอะไรต่อไป...