Gypsophila 3

2045 คำ
Gypsophila 3 ที่จริง เหตุผลที่เราสองพี่น้องออกมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ต้องบอกว่าเกิดจากความสัมพันธ์ภายในครอบครัวที่มันไม่ได้อบอุ่นหรือน่าประทับใจ เพราะพ่อและแม่โดนผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงานกัน แม้จะมีฉันและน้องสาวเป็นลูกแต่พวกเขาก็ยังคงไม่เคยรักกันเลยสักนิด พอโตขึ้นก็เห็นข่าวที่ทั้งพ่อและแม่ต่างมีคนอื่นเข้ามาอยู่ในความสัมพันธ์ นั่นจึงทำให้ทั้งฉันและน้องตั้งแต่เกิดและจำความได้ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากคนเป็นพ่อหรือแม่ กระทั่งเข้าสู่มัธยมศึกษาตอนปลาย พ่อกับแม่เริ่มทะเลาะกันหนักขึ้นเรื่อย ๆ มีการกระทำที่ทำลายข้าวของและเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งคุณน้าที่เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของแม่สงสารเลยขอพาฉันและน้องสาวออกมาอยู่ด้วย และช่วยสนับสนุนในสิ่งที่ฉันและน้องสาวรัก ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงเรียนจบฉันไม่เคยกลับไปที่นั่นอีกเลยน้องสาวฉันเองก็ด้วย พอเรียนจบช่วงมหาวิทยาลัยก็พวกเขาทั้งสองคนก็เริ่มที่จะติดต่อกลับมาทั้งยังเกลี้ยกล่อมให้ฉันและน้องกลับเข้าไปทำงานหรือไปอยู่ที่บ้าน ซึ่งฉันก็ปฏิเสธตลอดเพราะไม่ได้อยากกลับเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาแล้ว ในวันที่พวกเขาทะเลาะกัน แล้วเอาแต่ผลักไสว่าฉันและน้องเป็นตัวขัดความสุขหรือตัวถ่วงยังกึกก้องอยู่ภายในความทรงจำฉัน หรือแม้กระทั่งตอนที่แม่บอกว่าน่าจะฆ่าให้ทั้งฉันและน้องตายไปตั้งแต่เกิดพวกเขาจะได้ไม่ต้องมาทนเห็นพวกฉันแบบนี้ เพราะแบบนี้ฉันเลยตั้งใจที่จะเลี้ยงดูน้องสาวอย่างดีและจะไม่มีวันปล่อยให้น้องโดดเดี่ยวเพราะตอนนี้เราทั้งสองคนเป็นครอบครัวให้กันและกัน ไม่มีคนอื่นเลยสักคนเดียว “ทำหน้าเครียดจัง” มายด์ที่กินข้าวเสร็จแล้วเดินกลับเข้ามาภายในร้านทั้งยังเอ่ยแซวพร้อมกับหรี่ตามองอย่างจับสังเกตอาการ “คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ” “ที่บ้านเหรอ?” มายด์รีบถามออกมาอย่างรู้ทัน พอเห็นว่าฉันพยักหน้าส่งให้ เพื่อนถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ยากเลยเรื่องบ้านแก” “อื้อ ยากมาก แกรู้ไหมตอนนี้หว่านล้อมให้ฉันแต่งงานเพื่อธุรกิจด้วยนะ” ฉันเล่าให้เพื่อนฟัง แต่บอกเลยว่าฉันไม่มีทางยอมทำตามสิ่งที่พวกเขาต้องการแน่ และอย่าได้หวังว่าจะเอาเรื่องนี้มาบังคับน้องสาวของฉันเหมือนกัน เพราะครั้งนี้ฉันไม่ยอมและจะสู้จนถึงที่สุด “บ้าไปแล้วนะ นี่มันยุคไหนแล้ว” “นั่นสิยุคไหนแล้ว เอาเถอะ ถ้าพวกเขาไม่หยุดคงจะสู้กันสักตั้ง” ฉันบอกเพื่อนอย่างปลงตก “เอางั้นก็ได้ ไปล้างมือกินข้าวเถอะ ยำทะเลยังไม่ได้แกะเด็ก ๆ นั่งมองตาเป็นมันละ” มายด์บอกกับฉันทั้งยังหลุดขำเบา ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าของเด็ก ๆ ทั้งสามคนที่ฉันเองก็พอจะนึกออกว่ากำลังทำหน้ายังไงอยู่เมื่อมีของอร่อยวางอยู่ตรงหน้าแต่ไม่สามารถกินได้ในตอนนี้ “แกะถุงยำหน่อยเด็ก ๆ” เมื่อเดินออกจากโต๊ะและเปิดประตูออกไปหลังร้านก็เห็นว่าเด็ก ๆ ทั้งสามคนนั่งมองอาหารกันอยู่ เมื่อได้ยินแบบนั้นก็รีบเปิดถุงยำทะเลกันทันที “กินกันก่อนเลยนะ พี่ล้างมือก่อน” เอ่ยบอกเด็ก ๆ ทั้งสามคน จากนั้นถึงได้เดินไปยังห้องน้ำ เรานั่งกินข้าวด้วยกันอยู่สักพัก เมื่อเด็ก ๆ อิ่มก็เก็บกล่องขยะไปทิ้งจากนั้นก็ทำธุระส่วนตัวก่อนจะออกไปทำงานกันต่อ ส่วนน้องสาวฉันอย่างพิมพ์ขวัญหลังจากที่กินข้าวเสร็จก็เตรียมตัวออกไปส่งดอกไม้ตามรายการที่ลูกค้าสั่งเข้ามา เหมือนจะมีห้ารายการนะ และเวลาใช้งานแตกต่างกันออกไป นั่นจึงทำให้เราต้องวางแผนและวิธีการจัดส่งให้รอบคอบที่สุด และรถของน้องสาวฉันน่ะ จะขึ้นรถของน้องสาวทีไรฉันแทบจะหาเสื้อแขนยาวหนา ๆ มาสวมเพราะน้องชอบเปิดแอร์เย็นจัดและเจ้าของรถคงจะรู้สึกชินที่จะเปิดแบบนั้นเพราะต้องไปส่งดอกไม้ กลัวว่าหากภายในรถร้อนเกินไปดอกไม้จะเฉาเอาได้ “ไปส่งดอกไม้แล้วนะคะ” ก่อนออกจากร้านน้องสาวก็ไม่ลืมที่จะเปิดประตูออกมาบอกฉันที่ยังคงนั่งกินข้าวอยู่ที่โซนหลังร้าน "ขับรถระวังด้วยนะ” เงยหน้ามองน้องสาวและเอ่ยบอกอย่างที่ควรจะเป็น “รับทราบค่ะ” สิ้นคำขานรับพิมพ์ขวัญก็กลับเข้าไปภายในร้านเพื่อเตรียมดอกไม้ออกไปส่ง ฉันนั่งกินข้าวไปได้สักพักก็รู้สึกอิ่มจึงจัดการเก็บและทำความสะอาดโต๊ะเก้าอี้จากนั้นถึงได้เดินกลับเข้ามาภายในร้าน ดอกไม้ที่ลูกค้าสั่งเข้ามาถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้วและมีมาลีคอยทยอยนำไปเก็บไว้ที่ตู้กระจกที่มีไว้เพื่อแช่ดอกไม้ซึ่งตู้กระจกในร้านจะมีแอร์คอยเปิดให้ความเย็นอยู่ตลอด และแบ่งตู้แช่เป็นดอกไม้สดที่ยังไม่ได้จัดจะมีถังแช่น้ำที่มีดอกไม้วางอยู่แยกตามประเภทดอกไม้ ส่วนอีกหนึ่งตู้ใหญ่จะเป็นตู้แช่ที่มีรายการของลูกค้าที่เราจัดเสร็จแล้ววางไว้อยู่ มีชื่อลูกค้าและรหัสรายการติดไว้ ก่อนส่งมอบค่อยดึงออก มองสำรวจดอกไม้ในตู้เสร็จก็เดินไปเปลี่ยนก้านไม้หอมภายในร้านก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้หลังเคาน์เตอร์คิดเงินของร้าน ส่วนน้องเหมยไปช่วยมาลียกดอกไม้ไปแช่ที่ตู้อยู่น่ะ เด็กเล็กขยันทำงานมากเลยน้องเหมยเหมยของพวกเรา “พิมพ์” “ว่ายังไง” ขานรับเสียงเรียกของเพื่อนอย่างมายด์ แต่สายตายังจับจ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของร้าน มือก็บังคับเมาส์เลื่อนดูข้อมูลลูกค้าที่สั่งดอกไม้เข้ามาในวันนี้ “มีลูกค้าอยากให้ไปจัดหน้างานให้หน่อย เดี๋ยวจะเข้ามาคุยรายละเอียด” “แกนัดมาแล้วใช่ไหม?” ผมถามเพื่อนกลับไป “นัดมาแล้ว คุยรายละเอียดคร่าว ๆ ลูกค้าบอกว่าอยากให้แกออกไปจัดให้แต่เดี๋ยวรอดูหน้างานที่เขาจะใช้ว่าไหวไหม” มายด์รีบอธิบายให้ฟังมือก็ยื่นไปหยิบดอกไม้ที่ตู้แช่ออกมาเตรียมจัด “ได้ นัดกี่โมง” “ห้าโมงเย็น” “โอเค น้องเหมยลูก” ท้ายประโยคฉันเอ่ยเรียกน้องคนเล็กของร้านอย่างน้องเหมย ที่วันนี้ยังคงขยันขันแข็งที่จะคอยช่วยภายในร้าน น้องเข้ามาสมัครงานที่ร้านได้สักพักใหญ่เลยล่ะจนตอนนี้เรียกได้ว่าฉันมองน้องเหมยและน้องมาลีเป็นน้องสาวไปแล้วด้วย เด็ก ๆ น่ารักและสดใสกันมาก แต่ในบางครั้งฉันก็รู้สึกว่าน้องเหมยมีอะไรภายในใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะละลาบละล้วง ได้แต่คอยมองและสังเกตเท่านั้น “จ๋าพี่พิมพ์” น้องสาวตัวเล็กขานรับด้วยรอยยิ้มสดใสดังที่เคยมีมา “ช่วยเช็กดอกไม้ให้พี่หน่อยได้ไหม พี่จะได้สั่งดอกไม้เข้ามา” “ได้เลยค่ะ หนูจัดการให้เอง” ความกระตือรือร้นของน้องทำให้ฉันยิ้มตามได้ในทันที ระหว่างที่เช็กออเดอร์ในร้านและมีน้องเหมยเช็กดอกไม้ฉัน จู่ ๆ ประตูร้านก็ถูกเปิดเข้ามา หันไปมองก็เห็นว่าเป็นลูกค้าคนหนึ่งที่พักหลัง ๆ มาเรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นลูกค้าประจำของที่ร้านเราเลยก็ว่าได้ “สวัสดีค่ะ วันนี้รับดอกอะไรดีคะ” ฉันส่งเสียงทักทายลูกค้าที่เพิ่งเดินเข้ามาทั้งยังมองด้วยรอยยิ้มอยู่ดังเช่นเคย งานบริการจะไม่ให้ยิ้มให้ลูกค้าเลยก็ไม่ใช่ "สวัสดีครับ” ลูกค้าส่งยิ้มกว้างมาให้พร้อมกับเดินเข้ามาใกล้จุดที่ฉันนั่งอยู่เรื่อย ๆ “วันนี้อยากได้ดอกลิลลี่จัดแจกันครับ” “มีแบบในใจไหมคะ?” ฉันทวนถามมือก็ยื่นไปหยิบแบบดอกไม้ที่ถูกจัดใส่แจกันมาเพื่อที่จะให้ลูกค้าได้ดูประกอบการตัดสินใจ “ไม่มีเลยครับ ให้คุณพิมพ์ช่วยจัดเลยแล้วกันนะครับ” คุณลูกค้าบอกมาแบบนั้น “ถ้าอย่างนั้น ทางร้านขออนุญาตออกแบบให้เลยนะคะ แล้วจะมอบหรือใช้ในโอกาสไหนเหรอคะ?” ฉันถามข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อง่ายต่อการทำงานของตัวเอง “วางตกแต่งที่โต๊ะครับ” “ได้ค่ะ รบกวนคุณลูกค้านั่งรอสักครู่นะคะ” ฉันเอ่ยบอกและออกใบรายการให้ลูกค้ารวมถึงเลือกแบบการจัดช่อแจกันที่เหมาะกับวัตถุประสงค์ให้กับลูกค้า “ได้ครับ” คุณลูกค้านั่งที่เก้าอี้รับรองแต่สายตายังจับจ้องมายังฉันไม่หยุด จนเริ่มที่จะกดดันแล้วเช่นเดียวกัน “มาลี” ฉันตัดสินใจเอ่ยเรียกน้องมาลีที่กำลังเก็บเศษใบไม้สดที่ไม่ได้ใช้แล้วลงถังขยะเพื่อเคลียร์หน้าโต๊ะจัดดอกไม้ให้สะอาด “จ๋าพี่พิมพ์” “มีออเดอร์เข้าจ้ะ” “รับทราบค่ะ” มาลีขานรับก่อนจะเดินเข้ามาใกล้เพื่อรับรายการจากฉันไป ระหว่างที่มาลีเริ่มจัดแจกัน ก็มีลูกค้าเข้ามารับดอกไม้ที่ร้าน ฉันเองก็แจ้งให้มายด์เอาดอกไม้มาส่งมอบให้ลูกค้า ถามว่าทำไมไม่ลุกไปหยิบเอง ก็เพราะว่าฉันติดดิลงานกับลูกค้าในร้านอยู่ยังไงล่ะ “น้องเหมย เลยเวลาเลิกงานหนูแล้วนะลูก” ระหว่างที่คุยงานกับลูกค้าสายตาก็พบว่าตอนนี้เลยเวลาน้องเหมยมาสักพักแล้วแต่คนตัวเล็กก็ยังไม่ได้กลับบ้าน “ใกล้เสร็จแล้วค่ะพี่” “โอเคจ้า” “คุณพิมพ์นี่น่ารักจังเลยนะครับ” “ขา?” แต่ประโยคนั้นที่คุณลูกค้าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยบอกมานั้นทำให้ฉันถึงกับรู้สึกฉงน ก็ไม่คิดว่าจู่ ๆ อีกฝ่ายจะเอ่ยชมมาแบบนั้นนี่นา “ผมบอกว่าคุณพิมพ์น่ารักครับ” คุณลูกค้าเอ่ยชมอย่างตรงไปตรงมา “อ้อ ขอบคุณค่ะ” “ผมพูดจริง ๆ ครับ ว่าแต่คุณพิมพ์เย็นนี้พอจะว่างไหมครับ” คุณลูกค้าเอ่ยถามอย่างสนใจ แววตาที่อีกฝ่ายกำลังใช้มองฉันอยู่นั้น ดูชัดเจนมากถึงความต้องการที่จะเข้าหา “ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าเย็นนี้มีนัดแล้วค่ะ” ฉันเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมาไม่อยากจะเล่นตัวหรือให้ความหวังใคร เลยต้องเอ่ยปฏิเสธอย่างชัดเจน “ไม่เป็นอะไรครับ เอาไว้หากว่างตรงกันแล้วเราไปกินข้าวด้วยกันนะครับ” คุณลูกค้าเอ่ยชวน ทั้งที่ฉันเองก็ยังไม่ได้บอกว่าจะไปกับเขาเลยสักนิด “เอาไว้ให้เป็นเรื่องของวันข้างหน้าแล้วกันนะคะ ดอกลิลลี่จัดแจกันของคุณลูกค้าทั้งหมดหนึ่งพันสี่ร้อยเก้าสิบบาทค่ะ” “สแกนจ่ายนะครับ” “ได้ค่ะ สแกนคิวอาร์โค้ดด้านหน้าเลยค่ะ” ผายมือบอก พร้อมกับพรินต์ใบเสร็จออกมาเพื่อที่จะใช้เป็นหลักฐานให้แก่ลูกค้าและเก็บไว้ทำบัญชีของทางร้าน “เรียบร้อยครับ” “ขออนุญาตถ่ายหน้าสลิปโอนเงินหน่อยนะคะ” เอ่ยบอกลูกค้ามือก็หยิบโทรศัพท์ของร้านขึ้นมากดถ่ายรูป เมื่อส่งลูกค้าเสร็จมายด์ก็เดินมากระซิบแซวทันที เพราะลูกค้าคนนี้มาทีไรก็ชอบชวนฉันไปกินข้าวด้วยทุกที แต่ฉันเองก็ขยันปฏิเสธพอ ๆ กับที่อีกฝ่ายขยันชวน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม