“อือ...”
บัวหวานหลับตาพริ้ม เงยหน้ารับจูบของเขาอย่างไร้สติ มือน้อยกำแขนเสื้อชายหนุ่มไว้แน่น ก่อนจะค่อยๆ คลาย ใบหน้าหวานละมุนเอียงรับจูบของเขาอย่างเข้าขา ผิวแก้มของเธอเห่อแดงซาบซ่าน ราวกับได้เติมแอลกอฮอล์เข้ากระแสเลือด
ลิฟต์ไม่ได้ขยับไปไหน เพราะเขาไม่ได้กดปุ่มตัวเลข และประตูก็ไม่เปิดออก เพราะชายหนุ่มไม่ได้สแกนลายนิ้วมือจากด้านในเพื่อออกคำสั่ง มันนานแค่ไหนไม่รู้ที่บัวหวานแหงนเงยใบหน้ายินยอมให้เขาบงการอย่างวาบหวาม กระทั่งที่ชายหนุ่มเริ่มคลายความอ่อนโยน อ่อนหวาน...
เขาหอบหายใจแรง กดริมฝีปากจาบจ้วงหยาบคาย ก่อนจะรั้งร่างบางขึ้นมาอุ้มไว้ ให้เธอตวัดเรียวขารอบสะโพกของเขา และดันตัวเธอจนแผ่นหลังบอบบางติดกับกระจกในลิฟต์
หัสดินหายใจหอบสั่น เขาลูบเลื่อนชายเสื้อขึ้นไปเหนือสะโพกกลมกลึง ลูบไล้ความหนั่นแน่นที่มีเพียงซับในบางๆ คั่นตามแรงอารมณ์
ความรู้สึกเต็มตึงขึงขังที่แนบมากับกึ่งกลางกายสาวเปียกปอน ทำให้บัวหวานได้สติลืมตา ก่อนที่หญิงสาวจะเบือนหน้าหนีแล้วซบหน้าลงกับบ่าของเขาทันที!
“...”
ไม่ใช่แค่บัวหวานที่ได้สติ... แต่อาการขัดขืนของเธอก็เรียกสติหัสดินได้ด้วย ชายหนุ่มอุ้มร่างบางไว้แนบกาย เขาก้มลงกดจมูกตรงกลางกระหม่อมของเธอ และกัดฟันกึก พยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ขาดสติจนเผลอกินเธอในลิฟต์เอาซะตอนนี้
เสียงกัดฟันด้วยความทรมานของเขาดังเข้ามาในโสตประสาทรับรู้ของบัวหวาน ดวงตากลมปิดแน่นด้วยความทรมานไม่ต่างกัน... ความปรารถนาแปลกประหลาดแห่งวัยสาวพรั่งพรูเข้ามาในหัวใจอย่างน่าอับอาย
“ปะ ปล่อยสิ”
หญิงสาวดิ้นให้เขาปล่อย แต่การกระทำของเธอกลับให้ผลตรงกันข้าม ความอวบอิ่มกลางกายที่เบียดชิดกับความขึงขังของเขายิ่งเสียดสีจนชายหนุ่มครางซี้ดในลำคอ เขาเกร็งมือที่โอบอุ้มสะโพกของเธอไว้มากขึ้นจนปลายนิ้วก้อยเรียวยาวสะกิดโดนอะไรบางอย่างตรงกลางกายสาว
“อ๊ะ! อา...”
บัวหวานสะดุ้ง ครางกระเส่า เธอหรี่ตาลงด้วยความเสียวซ่าน ผิวแก้มเห่อแดงระเรื่อน่ารัก
ไม่ไหว!
หัสดินคิดว่าเขาไม่ไหวแล้ว! ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เขาคงฉีกกระชากเสื้อที่เธอสวมนั่นจนขาดวิ่น แล้วกินเธอในลิฟต์อย่างที่ใจโคตรอยากเข้าจริงๆ !
ชายหนุ่มรีบปล่อยร่างบางลงกับพื้น หวังให้ตัวเองคลายความหื่นกระหายลง แต่ร่างกายของเธอก็อ่อนระทวยจนแทบจะยืนไม่ไหว บัวหวานยังเกาะแขนเขาไว้เพื่อทรงตัว ก่อนที่เธอจะผละมือออกไป แล้วใช้แขนเรียวกอดตัวเองด้วยความหวงแหน ทั้งที่ขาทั้งสองยังสั่นเทาเหมือนลูกนกเปียกฝน
“ถะ ถอยออกไปนะ”
อาการขู่ฟ่อเหมือนลูกแมวแบบนั้นไม่ได้ทำให้หัสดินรู้สึกกลัวเลย แต่เขารู้สึกขบขันปนเอ็นดูมากกว่า... อาจต้องขอบคุณที่อารมณ์ขันซึ่งไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าของเขาช่วยบั่นทอนเจ้าสิ่งที่ผงาดขึ้นมาในกางเกง ให้ค่อยๆ คลายกำหนัดลงได้บ้าง
ถึงจะแค่เล็กน้อยก็เถอะ...
หัสดินก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว นั่นทำให้บัวหวานรู้สึกสับสน เพราะเธอไม่คิดว่าเขาจะทำตามที่เธอบอก สำหรับที่นี่ เธออยู่ในสถานะที่ไม่สามารถต่อรองอะไรได้เลยด้วยซ้ำ เขาจะไม่ปล่อยเธอก็ได้ เขาจะไม่ถอยไปก็ได้ เขาจะบีบบังคับเธอแบบที่กายวุธทำก็ได้
“คะ คุณต้องการอะไรกันแน่”
คราวนี้ชายหนุ่มเผลอยกมุมปากด้วยความเอ็นดู เอากับเธอสิ
“ก็ทำตามที่คุณบอกไง”
“มันก็ใช่ แต่...” บัวหวานเริ่มสับสน เธอกอดตัวเองไว้แน่น มองเขาอย่างหวาดระแวง “คุณเป็นแมงดาหรือเปล่า”
ความหวังบางอย่างลุกโชนข้างในใจของหญิงสาว แม้จะเพียงน้อยนิดก็ตาม มันก็ใช่ที่เขาลวนลามเธอ แต่ที่มันเกินเลยมาขนาดนี้ก็เพราะเธอเผลอเคลิ้มตามเขา ทั้งที่พอเธอบอกให้หยุด เขาก็หยุดนี่นา
เขาอาจจะไม่ใช่คนเลวอย่างที่เธอเข้าใจ
จะว่าไปเขาไม่ได้ดูด้อยไปกว่ากายวุธเลย ถ้ากายวุธเป็นเจ้าของที่นี่ เขาก็อาจจะเป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย หรือใครสักคนที่รู้จักกายวุธ เขาอาจจะไม่ได้สนับสนุนเรื่องการค้าประเวณีก็ได้นี่ เขาถึงได้เลือกจะอุ้มเธอออกมา
บัวหวานปัดความสงสัยที่ว่าทำไมเขามีห้องพักอยู่ที่นี่ทิ้งไป เธอพยายามจะหวัง ทั้งที่ก็รู้ว่าความหวังของเธอช่างเล็กบางเหมือนแผ่นกระดาษสา
“ไม่ใช่...”
คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวคลี่รอยยิ้มออกมา ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะพลันเจื่อนจางไปเมื่อเขาพูดต่อประโยคจนจบ
“สำหรับที่นี่ ผมเป็นพ่อค้ามนุษย์”
บัวหวานยืนอึ้งอยู่นาน ก่อนจะได้สติเพราะน้ำตาหยดหนึ่งที่เผาะลงบนพวงแก้มด้วยความรู้สึกหมดหวัง
โคตรแย่...
นี่มันแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก!
หญิงสาวปาดน้ำตาทิ้ง มองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง โชคดีมีหนึ่งอย่างคือตอนนี้เธอหายสั่นแล้ว แม้ว่าหัวใจจะยังเต้นระรัวเหมือนกลองวันกีฬาสีอยู่เลยก็ตาม
“แล้วคุณจะเอายังไง”
หญิงสาวยืนเผชิญหน้ากับเขาอย่างตรงไปตรงมา ไหนๆ ก็หนีไม่ได้แล้ว ลองเจรจาดูดีกว่า เผื่อว่าจะมีหนทางให้ได้ออกไปจากที่นี่
“ก็ไม่เอายังไง” เสียงทุ้มตอบอย่างเย็นชา “ที่นี่เป็นซ่อง และคุณถูกไอ้กายมันซื้อมาเท่าไหร่ ผมไม่รู้ แต่ที่ผมรู้คือต่อให้ผมแย่งคุณมา ไม่ช้าก็เร็ว ผมก็ต้องหากำไรจากตัวคุณ”
บัวหวานรู้สึกชาไปทั้งใบหน้าลามลงคอ หญิงสาวเซถอยหลังไปพิงกระจกใสของกำแพงลิฟต์ด้วยความรู้สึกหนึบชาไปหมดทั้งร่างกายและความรู้สึก
มันเหมือนมืดแปดด้าน เหมือนต่อให้ตายก็ไม่มีทางออกจากที่นี่หรือสู้รบตบมือกับเขาได้
เธอก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เรี่ยวแรงก็ไม่มี เงินก็ไม่มี คนที่จะคอยปกป้องก็ไม่มี
หญิงสาวข่มกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เธอร้องไห้มามากพอแล้วกับการกระทำของคนเลวแบบพวกเขา และเธอไม่อยากร้องอีก!
“แล้วฉันจะได้ออกไปจากที่นี่มั้ย”
“ไม่”
คำตอบของเขายิ่งทำให้เธอใจหายวูบ ใบหน้าก้มลงต่ำเพื่อเก็บซ่อนความอ่อนแอ ถ้าเธอถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต หรือโดนฆ่าถ่วงน้ำเพราะไม่ยอมขายตัวแบบที่แหวนเพชรเล่าให้ฟัง... แล้วแม่ของเธอจะอยู่คนเดียวได้ยังไง
“ถ้าเป็นไอ้กาย มันจะขังคุณไว้จนกว่าคุณจะหมดประโยชน์ ได้เวลาเขี่ยทิ้ง”