“ปรางค์ มีคนพูดกับฉันหลายคนนะว่าเจ้าของบริษัทที่เธอจะไปฝึกงานด้วย ชื่อเสือ ชื่อดุน่าดูเลย ปรางค์ว่าเขาจะหน้าตาเป็นยังไง”
เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตสะดุดชื่อเล่นที่สองสาวกล่าวถึง เพราะชื่อเสือ เป็นชื่อเล่นของเขาเช่นกัน คราแรกเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่ตนเองหรือไม่ แต่พอมาวิเคราะห์อะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชั้นที่คนถูกถามไปนั้นก็เป็นชั้นที่ตั้งบริษัทของตน เขาคิดว่า เสือ ที่ทั้งคู่พูดถึงนั้นคือตนแน่นอน
วิตโตริโอเลือกที่จะเงียบและโบกมือให้รังสรรค์ที่กำลังจะอ้าปากพูดให้หุบปาก เพราะต้องการรู้ว่า คำตอบที่กำลังจะถูกขับออกมาจากปากของสาวสวยร่างเล็กว่าเป็นอย่างไร
ปรางค์รวีทำท่าคิดได้น่ารัก ใสซื่อจนคนที่มองดูเธออยู่ถึงกับเคลิ้ม เขาไม่เคยพบผู้หญิงคนไหนยิ้มได้สวยอย่างนี้มาก่อนเลย เวลาเธอยิ้มทำให้ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา คืนชีพได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“อืม อายุก็คงหกสิบกว่าๆ อ้วนลงพุง หน้าตาดุๆ เหมือนกับชื่อกระมัง อ้อ...มีเขี้ยวสองข้างด้วย เอาไว้คอยขย้ำลูกน้องที่ทำงานไม่ได้ดั่งใจ” ปรางค์รวีตอบเพื่อนด้วยการคาดเดา เธอคาดคะเนจากหลายประการ บริษัทแห่งนี้เติบโตมากกว่า 34 ปี เพราะฉะนั้นเจ้าของบริษัทน่าจะอายุประมาณหกสิบปีอย่างแน่นอน ส่วนลักษณะท่าทางและองค์ประกอบต่างๆ เธอพูดโดยไม่ได้ทันคิด พูดเล่นๆ สนุกปาก หากแต่เจ้าของชื่อกับไม่ตลกด้วย เขาถึงกับลมออกหู กัดกรามแน่นเมื่อได้ยินถ้อยคำที่ดูถูกเขาอย่างหนัก ไม่เคยมีใครกล้าหยามเขามากขนาดนี้มาก่อนเลย
“แก่ขนาดนั้นเลยเหรอปรางค์ แต่ก็น่าจะใช้เนอะ”
“ปรางค์ว่าน่าจะใช่นะ ชื่อเสือก็ต้องหน้าดุเสียงเข้มสมกับชื่อ ถ้าชื่อแมวหรือหนูก็ว่าไปอย่าง ไม่ต้องปั้นหน้าดุ คอยแต่วิ่งหนีเสืออย่างเดียว” สองสาวหัวเราะอย่างชอบใจ
ต่างจากคนรอบข้างที่เริ่มร้อนๆ หนาว ๆ แทนปรางค์รวีที่สาธยายรูปร่างหน้าตาของเจ้านายหนุ่มมากอารมณ์ ที่ไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้างหากได้พบกับคุณเสือ ตัวจริงเสียงจริง
ปรางค์รวีและภัทราก้าวออกมาจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นที่ 46 พอก้าวออกมาทั้งสองก็ตกเป็นเป้าสายตาของพนักงานที่อยู่ด้านนอกลิฟต์ เนื่องจากลิฟต์ตัวนี้ไม่มีพนักงานคนไหนหรือว่าบุคคลอื่นกล้าใช้ รู้ดีว่าเป็นของผู้บริหารระดับสูง แล้วสองนักศึกษาสองคนนี้ใช้บริการลิฟต์ตัวนี้ได้อย่างไร
“ปรางค์ ฉันไปก่อนนะ เจอกันตอนเที่ยงนะเพื่อน”
ปรางค์รวีและเพื่อนสนิทแยกกันที่หน้าลิฟต์ ปรางค์รวีเดินตรงไปที่แผนกบุคคลเพื่อรายงานตัว ส่วนภัทราก็ไปยังลิฟต์อีกตัว
ภายในลิฟต์
“เสก ไปสืบมาสิว่าผู้หญิงที่วิจารณ์ฉันฝึกงานที่แผนกไหน ถ้าจะให้ดีย้ายมาฝึกงานเป็นผู้ช่วยเลขาของฉัน”
น้ำเสียงทรงอำนาจของวิตโตริโอสั่งการรังสรรค์ คนรับคำสั่งรีบทำตามคำสั่งทันที นึกหวาดหวั่นกับสาวน้อยแสนสวยคนนี้ยิ่งนัก สงสัยงานนี้เจออ่วมแน่
ปรางค์รวีออกมานั่งรออยู่หน้าห้องแผนกบุคคล หลังจากที่เข้าไปรายงานตัวเมื่อห้านาทีที่แล้ว ระหว่างที่รายงานตัวอยู่นั้น มีชายคนหนึ่งเข้ามาในห้องที่เธอจำได้ดีว่าเจอกันในลิฟต์ ก่อนจะสั่งให้เธอออกไปคอยข้างนอก ราวกับว่าเรื่องที่สนทนากับเจ้าของห้องเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเธอก็ปฏิบัติตามแต่โดยดี
“ต้องขอโทษหนูด้วยที่ทำให้คอยนาน พอดีว่ามีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย หนูต้องไปฝึกงานเป็นผู้ช่วยเลขาท่านประธานแทนตำแหน่งเดิม”
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเดินมาบอกปรางค์รวีหน้าห้อง โดยมีร่างขอรังสรรค์เดินตามมาติดๆ ปรางค์รวีทำสีหน้าฉงนเล็กน้อยแต่เมื่อเป็นคำสั่งเธอเองต้องปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะให้เธอฝึกงานในตำแหน่งใดเธอก็ต้องทำ ไม่เช่นนั้นเธอจะเรียนไม่จบ
“ค่ะ ได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นตามผมมาเลยครับ ผมจะพาไปพบท่านประธาน”
ปรางค์รวีเดินตามรังสรรค์ไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปที่ชั้น 48 ซึ่งเป็นชั้นของผู้บริหาร ระหว่างที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัว มือเล็กทั้งสองข้างชื้นไปด้วยเหงื่อ หัวใจเต้นผิดแปลก มีความหวาดกลัวเข้าแทรกจิตใจ หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่า ตนเองกำลังเดินเข้าสู่หลักประหารก็ไม่ปาน
ไม่นานนักทั้งสองก็เดินมาหยุดที่หน้าห้องประธานกรรมการใหญ่ รังสรรค์เคาะประตูสามครั้ง ก่อนที่ประตูจะเปิดออกกว้างจากการกดปุ่มสวิตช์เปิดปิดจากด้านใน
“ท่านประธานรออยู่ เชิญครับ”
รังสรรค์พูดอย่างสุภาพ ปรางค์รวียิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเป็นมิตร เท้าเล็กเดินเข้าไปภายในห้อง ด้วยความรู้สึกไม่สู้ดีนัก ความรู้สึกที่มีก่อนหน้า เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จนอยากจะชักเท้ากลับ
ปรางค์รวีหยุดยืนกลางห้อง มองร่างของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่ยืนหันหลังให้จน เรือนร่างที่มองจากด้านหลัง ช่างสมส่วน บ่ากว้าง ท่อนแขนกำยำ เรือนร่างของเขาช่างคุ้นตายิ่งนัก เส้นผมสีนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหน สะดุดใจกับเสื้อสูทของเขา มันเหมือนกับชุดที่ชายหนุ่มที่อยู่ในลิฟต์ใส่ไม่ผิดเพี้ยน
“สวัสดีค่ะท่านประธาน” ปรางค์รวีทักทายเสียงสุภาพ แม้หัวใจจะเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ อย่าให้สิ่งที่เธอคิดเป็นเรื่องจริงเลย วิตโตริโอหันมามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างเชื่องช้า วินาทีแรกที่ปรางค์รวีเห็นใบหน้าของท่านประธานบริษัท ร่างกายเธอนิ่งราวกับท่อนไม้ หัวใจกระตุกไหวอย่างแรง
ใช่...เขาคือผู้ชายที่ยืนอยู่ในลิฟต์ เป็นเจ้าของดวงตามหาเสน่ห์ แค่มองสบตายังหลงใหลหากได้ชิดใกล้ หัวใจของเธอคงกระดอนออกมานอกอกเป็นแน่ แสดงว่าที่เธอวิจารณ์เขาในลิฟต์ เขาคงได้ยินหมดแล้ว
‘ตายแน่เลยยัยปรางค์งานนี้ต้องตายหยังเขียดแน่’
ปรางค์รวีพึมพำในใจ