มินตราเดินเข้ากองถ่ายในฐานะนักแสดงรับเชิญ เพื่อเพิ่มเรตติ้งในช่วงกลางของละครที่ตอนนี้ผู้ชมต่างพากันเปลี่ยนช่องหนีเพราะนางเอกไม่ดังมากพอ ผู้จัดจึงเทียบเชิญมินตราให้ร่วมแจม
เธอเพิ่งจะย้ายกลับมาประเทศบ้านเกิดเพียงไม่กี่เดือนเพราะรับงานพรีเซนเตอร์แบรนด์หนึ่งไว้ มินตราจึงถือโอกาสย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แบบถาวร เพราะมีเรื่องอื่นที่อยากจะทำ
"เชิญทางนี้เลยค่ะน้องมิ้นท์" เพียงก้าวเท้าลงจากรถ ก็มีเหล่าทีมงานมาต้อนรับถึงที่ ทั้งยังเชิญเธอเข้าไปพักในห้องส่วนตัว
มินตราเหลียวมองซ้ายขวาอย่างสำรวจ "ให้มิ้นท์พักในห้องนี้เลยเหรอคะ" จากการทำงานในวงการต่างประเทศ เธอไม่เคยมีห้องพักสำหรับนักแสดงใหญ่ขนาดนี้ ทั้งยังเป็นส่วนตัวอีก นั่นเพราะเธอไม่ได้โด่งดังมากนัก
"ค่ะ เพราะคุณมิ้นท์เป็นดาราโกอินเตอร์นี่คะ" บอกแค่นั้นก็ดันร่างนักแสดงรับเชิญ ไปยังเบาะนุ่มๆ เพื่อให้ได้นั่งพัก
มินตราเองก็ยอมตามง่ายๆ
"อีกสักพัก ช่างแต่งหน้ากับช่างทำผมจะเข้ามาจัดการแปลงโฉมน้องมิ้นท์นะคะ"
มินตราพยักหน้าน้อยๆ ให้อย่างเข้าใจ เธอไม่อยากมีปัญหา หรือทำให้คนรอบข้างลำบากใจ
วงการบันเทิงไทยยังใหม่สำหรับมินตรา ทุกคนที่นี่ดูรีบร้อนแบบลนลาน บางคนก็แสนจะทำตัวสบาย ไม่มีอะไรพอดีสักอย่าง แถมบางคนหรือแทบจะทุกคนมักจะนินทา รวมถึงสองคนที่อยู่ภายในห้องเดียวกับเธอด้วย
ช่างแต่งหน้าและช่างทำผม ตั้งแต่ทั้งคู่เข้ามาก็พากันชวนมินตราคุยไม่หยุด และพอเธอเงียบ ทั้งคู่ก็เริ่มคุยกันเอง และเรื่องที่คุยก็เป็นเรื่องของคนอื่น
"ยัยคุณสมร มาให้น้องหยาดชำระแค้นชัดๆ " ช่างผมจีบปากจีบคอทำทีเป็นกระซิบกระซาบกับเพื่อนช่างแต่งหน้า
"วันนี้คงหน้าช้ำบวมฉึ่ง หมอไม่รับฉีดต่อแน่"
"แต่นางก็ใจเด็ดนะ เมื่อยี่สิบปีก่อนเล่นเป็นนางร้ายตบน้องหยาดตอนยังเป็นวัยรุ่น แต่ตอนนี้กลายมาเป็นตัวประกอบให้น้องหยาดตบ"
"แถมน้องหยาดยังเป็นนางเอกเหมือนเดิม ต่างกันก็ตรงที่ยัยคุณสมรตกกระป๋อง"
"ยอมให้ตบจริง ตบคว่ำไปหลายต่อหลายรอบ แต่ก็ยังไม่ได้ใจผู้กำกับ"
"เค้าถึงบอกไง แก้แค้นยี่สิบปียังไงก็ไม่สาย"
"เค้าว่ากันว่าน้องหยาดเป็นกิ๊กกับผู้กำกับ งานนี้คงเละ"
"ยี่สิบปีก่อนตาผู้กำกับก็เคยขายขนมจีบยัยคุณสมรนะ แต่นางไม่เล่นด้วย"
"สงสัยทั้งคู่คงรุมแก้แค้นแหละ" ทั้งคู่มองตากันอย่างเลิ่กลั่ก นั่นก็เพราะได้ข่าวใหม่ไปเม้าต่อ
เรื่องในอดีตที่อื้อฉาวของดาราชื่อสมรช่างเยอะแยะมากมายที่ออกจากปากเหล่าพนักงานทั้งคู่ จนคนนอกอย่างมินตราที่ต้องการจะพักสายตาต้องแอบเงี่ยหูฟังสิ่งที่ทั้งคู่แอบซุบซิบนินทา
ไม่คิดว่าจะมีคนที่ร้ายกาจมากเท่าสิ่งที่ได้ยินคงเป็นเรื่องใหม่ แปลกใหม่สำหรับมินตรา ที่ทุกคนเอาแต่พูดถึงแต่เรื่องแย่ๆ ของคนอื่น มากกว่าเรื่องผลงาน
มินตราเงยหน้ามองนาฬิกาบนฝาผนัง ล่วงเลยเวลาเข้าฉากมาเป็นชั่วโมง หลังจากแต่งหน้าทำผมเรียบร้อย เธอรักความตรงต่อเวลา การทำงานที่ต่างประเทศทำให้เธอเป็นคนแบบนี้
เธอนั่งไม่ติดจนต้องลุกขึ้นเดินเพื่อยืดเส้นยืดสาย
'ก๊อก ก๊อก'
เสียงเคาะประตู ก่อนคนมาใหม่จะเปิดเข้ามา
"ขอโทษด้วยนะคะน้องมิ้นท์ คงต้องพักกองสักสองชั่วโมง" บอกแค่นั้นก่อนจะลดเสียงต่ำทำท่ากระซิบกระซาบ "ตัวประกอบมีปัญหาน่ะ"
มินตราทำได้เพียงยอมแบบไม่มีเงื่อนไข แม้จะไม่พอใจมากก็เถอะ
"เดี๋ยวพี่ให้ทีมงานเอาอาหารเข้ามาเสิร์ฟนะคะ" หล่อนบอกแบบนั้นก่อนจะรีบร้อนปิดประตูลง เพราะเสียงอุปกรณ์สื่อสารดังเรียกตัว
'ออกไปข้างนอกเสียหน่อยคงดี' คิดกับตัวเองแบบนั้นหลังจากมื้ออาหารก็เปิดประตูออกจากห้องพักนักแสดงบ้าง การอยู่เฉยๆ นั่งๆ นอนๆ รอเข้าฉาก เป็นเวลาหลายชั่วโมงทำเอาเธอเบื่อ
'นะนะ ขอแม่อีกเรื่องเดียว จบเรื่องนี้ แม่จะอยู่เฉยๆ นั่งกินนอนกิน ให้ลูกเลี้ยงอย่างเดียว'
เสียงนี้แว่วดังขึ้นมาระหว่างทางที่มินตรากำลังจะเดินผ่าน จนต้องหยุดเท้าและให้ความสนใจ
'แต่มีอีกเรื่องติดต่อเข้ามานะ แม่ก็ยังคิดๆ อยู่ อุ้ย! '
คนที่กำลังคุยโทรศัพท์สะดุ้งโหยง นั่นเพราะเผลอพูดความจริงออกมา ส่วนคนแอบฟังก็เผลอยิ้ม คำพูดของหล่อนช่างกลับกลอก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนรู้สึกสงสารปลายสาย
'ลูกก็รู้ว่าแม่รักอาชีพนักแสดง จะให้อยู่เฉยๆ แม่คงเป็นโรคซึมเศร้าแน่ๆ '
มินตราคิ้วขมวด ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน หล่อนช่างโอเวอร์เกินจริง
'อุ้ย! แค่นี้นะยัยตรี พอดีผู้กำกับเรียกแล้ว' คนที่ถือโทรศัพท์เอามันออกจากหู ทั้งยังตะโกนใส่อีก "ค่ะ ค่ะ กำลังไปค่ะ"
"เก่งจัง" มินตราเปรยออกมาเสียงไม่ดังนัก ไม่ใช่เพราะการแสดง เพราะเธอมั่นใจว่าปลายสายคงไม่เชื่อกับมุกๆ เก่านี้ได้แน่นอน แต่ชมเพราะหล่อนยังกล้าที่จะใช้มันในแบบที่เป็นตุเป็นตะ มินตราชื่นชมในความกล้านี้
"สาธุ! ขอให้ดังเปรี้ยงสักเรื่องเถอะ ไม่งั้นลูกสาวฉันเอาตายแน่"
มินตราได้ยินเสียงแว่วของคนที่เคยยืนหันหลังอยู่ข้างกำแพงอีกครั้งหลังจากเงียบไปนาน จนต้องหันไปสนใจ แต่ตอนนี้ไม่มีคนคนนั้นอยู่ที่เดิมแล้ว เพราะหล่อนดันลงไปนั่งยองๆ ที่พื้น มินตราเห็นควันลอยขโมงอยู่ตรงหน้าหล่อน และแน่ใจว่านั่นคือธูปกำใหญ่ ทั้งเสียงของหล่อนก็พึมพำราวกับกำลังท่องมนต์ สักพักก็ลุกขึ้นยืน จัดเพ้าผมทำเหมือนเรื่องเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น
"เมื่อกี้ทำอะไรเหรอคะ"
"ว้าย! " สมรสะดุ้งโหยง กับคำทักทายของคนด้านหลัง จึงต้องหันไปสนใจ
"ขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าจะทำให้คุณตกใจ" มินตรารีบขอโทษขอโพย
แต่จู่ๆ ใบหน้าเอาเรื่องของสมรก็เปลี่ยนไป "หนูคือ น้องมิ้นท์ใช่มั้ย! " เธอยิ้มกว้างแทบจะถึงใบหู ก็อยากจะเจอเพื่อตีสนิทอยู่แล้ว แต่สักพักก็ร้องโอ้ยและยกมือขึ้นมาลูบที่ริมฝีปาก วันนี้เธอถูกตบไปหลายยก การยิ้มเยอะทำให้สะเทือนถึงรอยแผลเล็กๆ
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" มินตราไม่สนใจกับคำถามของสมรเท่าไหร่ แต่เปลี่ยนเป็นเป็นห่วงหล่อนมากกว่าตามมารยาท
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่นี้สบายมาก" สมรยังคงปฏิเสธเสียงใสเพราะไม่อยากจะโฟกัสตรงนั้น
"แต่หน้าคุณ มีรอยแดงเต็มไปหมดเลยนะคะ ทายาแล้วหรือยัง" เพราะมั่นใจว่ารอยที่หน้านั้น ไม่ได้มาจากการแต่งหน้าแน่นอน
"ไม่เป็นไรจริงๆ นี่ก็แค่ส่วนหนึ่งของการแสดงน่ะ พี่ทุ่มเทมาก ขนาดผู้กำกับอยากจะใช้มุมกล้อง พี่ยังบอกให้ตบจริง นี่ก็เอาซะหลายเทค จบซีนนี้คงออกจากบ้านไม่ได้หลายวัน ค่าจ้างก็ไม่รู้จะพอค่ายาหรือเปล่า" สมรแสร้งพูดจาติดตลก แต่อีกนัยหนึ่งก็เพื่อบอกให้คนตรงหน้ารู้ว่าเธอทุ่มเทกับงานมากเพียงใด
"รักงานแสดงมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ"
"พี่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้น่ะ" ได้ทีโอ้อวดอย่างภูมิใจ
"คุณสมรคะ" ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้พูดจากันต่อ ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามา "ผู้กำกับให้มาตามค่ะ" แต่ไม่วายหันไปสนใจกับบางอย่างด้านหลังสมรและมินตรา "เอ๊ะ! นั่นใครมาจุดธูปแถวนี้เนี่ย" เสียงบ่นของทีมงานดังขึ้น ทั้งยังเดินไปตามควันธูปที่ลอยออกมา จนสมรต้องฉุดแขนหล่อนเอาไว้
"คงพวกเด็กมือบอนล่ะมั้ง อย่าไปสนใจเลย" มินตราแอบยิ้มกับคำของสมรที่ปฏิเสธแบบเข้าเนื้อตัวเอง
"ต้องสนสิคะ" ไม่ว่าเปล่า ยังยกอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาวอถึงทีมงานคนอื่น "ให้ไอ้เปี้ยกมาเคลียร์สถานที่ข้างห้องคุณมินตราที ไม่รู้คนบ้าที่ไหนมาจุดธูปเล่น ถ้าเกิดไฟไหม้ขึ้นมาจะซวยกันหมด"
สมรกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก็ไอ้คนบ้ามือบอนที่ทีมงานเอ่ยถึงนั่นคือเธอนั่นแหละ
"น้องปิ๊งจ้ะ พี่ว่ารีบไปกันเถอะ ให้ผู้กำกับรอนานจะไม่ดีนะ" ก็เพราะไม่อยากถูกด่าแบบลอยๆ จึงต้องแสร้งชวนเปลี่ยนเรื่อง
"อ๋อค่ะ เชิญค่ะ" ไม่วายหันไปหามินตรา ทั้งทำท่าทางนอบน้อม "คุณมิ้นท์รอเดี๋ยวนะคะ ถ้าถ่ายซีนนี้เสร็จแล้ว ก็ถึงคิวคุณมิ้นท์แล้วล่ะค่ะ"
คนฟังอย่างสมรถึงกับเบะปาก ก็ทีกลับเธอให้ตักอาหารทานเอง ทั้งยังไม่มีห้องส่วนตัวอีก ทั้งหมดนี้มาจากความน้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อก่อนตอนสมัยดังๆ เธอก็เคยได้รับการปฏิบัติอย่างดี แต่ไม่วายหันไปหามินตรา "พี่ไปทำงานที่รักก่อนนะ ไว้สักวันเราคงได้ร่วมงานกัน" ก็อย่างน้อยก็ต้องเสนอหน้าเสียหน่อย เผื่อจะเป็นตัวเลือกให้มินตราในการคัดเลือกนักแสดงนำคู่
มินตราไม่ได้กลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองตามที่ทีมงานบอก เธอกลับเดินไปดูการถ่ายทำแทน เธอถูกเชิญให้นั่งข้างผู้กำกับ
สมร คนที่ทุกคนเอาแต่นินทาว่าร้าย กำลังอยู่หน้ากล้อง พร้อมกับผู้หญิงอีกคนที่ชื่อหยาดพิรุณนางเอกของละครเรื่องนี้
การปฏิบัติและคำพูดลับหลังของทุกคน ที่มีต่อดาราทั้งสองช่างแตกต่างกัน มีแต่คนพูดจาว่าร้ายสมรไม่หยุดปากราวกับโกรธเกลียดกันมา
"คัท! "
"คัท! "
"คัท! "
"คัท! "
"คัททททท! " เสียงคัทออกจากปากผู้กำกับหลายต่อหลายครั้ง จนมินตราต้องขมวดคิ้ว เพราะไม่เห็นว่าการแสดงตรงหน้าจะมีข้อบกพร่องตรงไหน ซึ่งรอบนี้เขาขยับลุกจากที่นั่งเดินไปหน้ากล้อง และดูเหมือนเพื่อจงใจไปต่อว่าสมร
"ผมบอกแล้วไง ให้เอาหน้ารับ ไม่ใช่เอาสันจมูกกับใบหูรับ และรอให้มือถึงหน้าก่อนค่อยหัน!" เขาตวาดใส่สมรเสียงดังลั่นทั้งยังชี้ไปที่สเลทคัทฉาก "เห็นมั้ย! กี่เทคแล้ว เขาเดือดร้อนกันทั้งกองก็เพราะคุณ หัดทำตัวเป็นมืออาชีพหน่อยสิ อยากจะได้งานมั้ย ถ้าอยากก็ตั้งใจเล่นหน่อย" สมรเงียบกริบทำได้เพียงก้มหน้าก้มตารับคำด่า แต่ก็แอบเจ็บใจที่เห็นหยาดพิรุณลอยหน้าลอยตาราวกับเย้ยหยันที่เธอถูกด่า
"ส่วนน้องหยาด หนูทำดีมาก ไหนขอดูมือหน่อยซิ เจ็บมากหรือเปล่า"
หยาดพิรุณส่งมือให้เขาดูด้วยท่าทางออดอ้อน "เจ็บมากเลยค่ะพี่เป๊บ ตบไปตั้งหลายสิบที น้องหยาดมือด้านชาไปหมดแล้ว"
"โอ๋ๆ น้องพี่" เขาโผเข้าโอบกอดนางเอกของเรื่อง ก่อนจะตะโกนเสียงดัง "ใครก็ได้มาทางนี้ที เอาน้ำแข็ง เอายา หรืออะไรก็ได้ มาดูแลนางเอกด้วย"
สมรทำได้เพียงเบะปากใส่เหตุการณ์ตรงหน้า ก่อนจะใช้มือตัวเองลูบคลำที่แก้มเพราะรู้สึกถึงความเจ็บจนชาไปทั่วทั้งหน้า
คนที่ควรจะเจ็บหนักและเจ็บที่สุดควรจะเป็นสมรมากกว่า เพราะเป็นผู้ถูกตบแบบไม่ยั้งและไม่ออมมือ วันนี้เธอเหมือนมาเป็นกระสอบทราบให้หยาดพิรุณมากกว่ามาเป็นตัวประกอบ ซึ่งสาเหตุคงมาจากเรื่องในอดีต ที่เธอเองก็เคยทำแบบนี้กับหยาดพิรุณไว้ คงถึงเวลาที่ต้องชดใช้กรรม
ผู้กำกับเดินมานั่งประจำที่ข้างมินตรา
"นักแสดงเก่าๆ คงคิดว่าตัวเองเก่ง ไม่ยอมเปิดรับความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ก็แบบนี้แหละครับ" เขาบอกกับมินตราอย่างอารมณ์ดี ซึ่งคำพูดของเขานั้นจงใจต่อว่าสมร
"เหรอคะ แต่ทำไมมิ้นท์รู้สึกว่าคุณสมรทำได้ดีกว่านางเอกคนนั้น" มินตราบอกเสียงแข็ง แต่ก็แสดงออกมาอย่างสุภาพ
"เอ่ออ ไม่จริงมั้ง ในมุมมองของผู้กำกับคุณสมรยังเล่นได้แข็งมาก"
"ที่มุมมองคุณเป็นแบบนั้นก็เพราะคุณเลือกที่จะมองแต่เรื่องในอดีตของเธอมากกว่าค่ะ" มินตราบอกออกมาอย่างเหลืออด ก็เพราะทนดูและทนฟังมานาน กองละครนี้มีบุคคลากรที่น่าขยะแขยง "พวกคุณไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลยค่ะ ทำไมไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว"
"ผมว่าน้องมิ้นท์ก็พูดเกินไปนะ" เพราะเป็นผู้กำกับที่มีคนนับหน้าถือตามากมาย พอถูกต่อว่า แม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ก็ยอมไม่ได้
"แล้วมิ้นท์พูดผิดตรงไหนเหรอคะ ช่วยอธิบายที มิ้นท์จะได้เข้าใจเสียใหม่"
เขากัดฟันกรอด "เหอะ.. ผมว่าถ้าเรายังมีความคิดเห็นแตกต่างกันแบบนี้ คงจะร่วมงานกันลำบาก"
"ถ้ามิ้นท์ต้องมีความคิดเห็นเหมือนคุณ เพื่อให้ทุกคนยอมรับ มิ้นท์ขอเห็นต่างดีกว่าค่ะ" บรรยากาศที่มีแต่คนคอยจ้องจะซุบซิบนินทาในทุกย่างก้าวแบบนี้ ช่างเป็นมลพิษ "ขอตัวนะคะ" บอกแค่นั้นก็ลุกออกจากที่นั่ง เดินตรงเข้าไปในฉาก เป้าหมายคือสมร
"ไปกันเถอะค่ะ" ไม่พูดพร่ำทำเพลงหรืออธิบายอะไรให้กระจ่าง มินตราถือวิสาสะจับมือคนตรงหน้า และพาออกมาจากหน้ากล้อง
"เดี๋ยวสิ จะพาพี่ไปไหน" สมรที่ไม่รู้อะไรสักอย่าง ก็เอาแต่ส่งคำถามให้มินตราตลอดทาง เพราะมันทำให้เธอเข้าใจผิดไปต่างๆ นาๆ คิดว่าตัวเองอาจจะทำอะไรผิดพลาดไปอีก จนต้องให้คนมาดึงออกจากฉากที่กำลังจะเริ่มทำการแสดงอีกครั้ง และตอนนี้เธอเข้ามาหยุดอยู่ภายในห้องพักนักแสดงของมินตรา
"มีของที่จะต้องเอาไปด้วยมั้ยคะ มิ้นท์จะพาไปเก็บของ" มินตราที่กำลังเก็บกระเป๋าหันมาหาสมร
"เดี๋ยวก่อนนะหนูมิ้นท์ ช่วยอธิบายอะไรก็ได้สักนิดให้พี่เข้าใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
มินตราจึงจำเป็นต้องหยุดการกระทำ เพราะใบหน้าเอาเรื่องของสมร
"งั้นนั่งก่อนได้มั้ยคะ" บอกก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาหนังอย่างดีตรงหน้าสมรที่กำลังยืนกอดอก
เธอเองก็ไม่มีทางให้เลือกมากนักในตอนนี้ ยอมนั่งลงข้างมินตราบ้าง
คนอายุน้อยกว่ารวบรวมความกล้าที่มี ก่อนจะบอกออกไป "คือว่า.. เลิกเล่นละครเรื่องนี้ได้มั้ยคะ" ซึ่งสิ่งที่ได้รับตอบกลับมาดันผิดคาด เธอคิดว่าสมรจะโวยวายหรือต่อว่าที่เธอมาสั่งห้ามทำในสิ่งที่รัก แต่หล่อนดันหัวเราะออกมาเสียอย่างงั้น
ซึ่งคนที่เป็นเดือดเป็นร้อนก็น่าจะเป็นมินตรา "มิ้นท์พูดจริงๆ นะคะ เลิกเล่นละคนเรื่องนี้เถอะค่ะ" จนโวยวายเหมือนเด็ก
"จ้ะๆ ถ้าจะให้พี่เลิก ก็บอกเหตุผลดีๆ มาสักข้อสิจ๊ะ" สมรจึงต้องบอกออกมาเพื่อไม่ให้มินตราตีหน้ายุ่งกว่าเก่า
"คือ ทุกคนในกอง ไม่จริงใจค่ะ" แม้จะเป็นเรื่องจริง แต่เธอก็บออกมาได้อย่างยากลำบากเพราะกลัวว่าสมรจะรู้สึกแย่
สมรเพียงพยักหน้าให้น้อยๆ อย่างเข้าใจ "นั่นเป็นเรื่องปกตินะ"
"แค่นี้เหรอคะ ไม่ถามต่อเหรอคะ" ก็เพราะหล่อนดูสบายใจเกินกว่าที่คิดไว้ "ทุกคนพูดจาไม่ดีลับหลังคุณตลอด"
"ก็เรื่องปกติอีกนั่นแหละ"
"ผู้กำกับจงใจสั่งคัทหลายครั้ง ทั้งๆ ที่คุณแสดงดีแล้ว เพื่อให้นางเอกคนนั้นตบคุณนะคะ"
"อันนี้พี่ก็พอเดาออก แต่ไม่คิดว่าจะคัทเยอะขนาดนี้ แถมนางยังมือหนักมากอีกนะ เอาแรงมาจากไหนนักก็ไม่รู้ตัวก็เล็กแค่นั้น" สมรบอกออกมาอย่างไม่ยี่หระ
"คุณรับงานทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วเหรอคะ ว่าจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้"
"วงการบันเทิงก็แบบนี้แหละ ดารายุคเก่าอย่างพี่น่ะ ไม่มีใครสนเท่ากับหน้าใหม่ๆ แบบหนูหรอกนะ มีงานทำก็ดีมากแค่ไหนแล้ว พี่ไม่กล้าเรื่องมากหรอกจ้ะ"
มินตราขมวดคิ้วทันที จนสมรต้องส่งมือไปจิ้มอย่างเอ็นดู "ทำคิ้วขมวดแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สวยหรอกจ้ะ" เอ่ยทีเล่นทีจริง
"มิ้นท์ขอโทษนะคะ ที่เข้ามายุ่ง ทั้งที่อยากจะช่วยแท้ๆ "
"ไม่เป็นไร ดีซะอีก อย่างน้อยพี่ก็มีพวกตั้งหนึ่งคน" บอกพร้อมยกนิ้วชี้ให้มินตราดูหนึ่งนิ้วอย่างภูมิใจ
"งั้นเดี๋ยวมิ้นท์จะออกไปขอโทษผู้กำกับและทีมงานให้นะคะ ไม่น่าวู่วามเลย"
สมรยกยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างเจ้าเล่ห์ "หนูเนี่ย หน้าเหมือนลูกสาวพี่เลยนะ" ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า หยิบมือถือ เปิดไปที่คลังรูปภาพ และส่งให้มินตราดูรูปลูกสาว
"ลูกพี่น่ะ ทั้งสวย เก่ง และก็รวยมาก เป็นเจ้าของโรงแรมดิโอเชี่ยนวัน แถมยังเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย" ได้ทีโอ้อวดลูกสาวไม่หยุด ก็เวลาพูดถึงตรีประดับทีไร เธอจะไม่หยุดปากง่ายๆ
"นี่พี่ตรีเหรอคะ! " ทันทีที่มินตราเห็นรูปในมือถือของสมรก็ถามออกมาอย่างแปลกใจ
"ใช่จ้ะ นี่ลูกสาวพี่เอง" สมรเองก็ตกใจที่อยู่ๆ มินตราดันเปลี่ยนอารมณ์ได้ไวขนาดนั้น
"โลกกลมจังเลยนะคะ"
"เคยรู้จักกันมาก่อนเหรอ"
"ไม่เชิงค่ะ แต่คุณ ช่วยนัดให้เราเจอกันได้มั้ยคะ มิ้นท์อยากแต่งงานกับพี่ตรี"
"โอ้วว" สมรเพียงอุทานออกมา ก่อนหน้าเธอเองก็ยืนหนึ่งเรื่องจัดหาคู่เดทให้ลูกสาว แต่ไม่คิดว่าจะมีสาวสวยที่แสดงความต้องการชัดเจนออกมามากขนาดนี้ "ได้สิ เรื่องแค่นี้เอง พี่จัดให้ได้อยู่แล้ว" ก็ไหนๆ ชอบจับคู่ให้ลูกสาวอยู่แล้ว และมินตราก็คือหนึ่งในสาวที่เธอหมายปอง แถมหล่อนดันแสดงออกชัดเจนแบบนั้น มีหรือที่เธอจะไม่รีบสนอง
ซึ่ง สมรไม่ได้คิดเพียงเรื่องนั้นเรื่องเดียว เธอยังต้องใช้มินตราในเรื่องหน้าที่การงานด้วย
และจากพี่สมร ก็กลายเป็น ป้าสมร ทั้งคู่เปลี่ยนคำเรียกเพื่อความสนิทสนม
แต่ตอนนี้ มินตราอยากจะกลับไปใช้คำว่าพี่สมรอีกครั้ง เธอไม่อยากได้ตรีประดับแบบที่ตั้งใจไว้แต่แรกแล้ว เพราะหลงใหลและต้องการสมรมากกว่า
หลังจากเรื่องคืนนั้น ระหว่างเธอและสมร เซ็กซ์อันเร่าร้อน เธอก็เอาแต่คลั่ง
มินตราสรรหาผลงานละครและละครของสมรแทบจะทุกเรื่อง มาดูอย่างตั้งใจ ก็อยากจะรู้จักหล่อนมากขึ้น ผ่านผลงานละคร