สถานที่อีกแห่งที่เป็นที่ประจำของสมรคือ คฤหาสห์หลังใหญ่ ของคุณหญิงศศิ ที่เป็นทั้งพี่และเพื่อน
สมรนั่งดูเด็กแฝดชายหญิงวิ่งเล่นกันที่สนามหญ้าโดยมีมายาอยู่ใกล้ไม่ห่าง แต่สายตาเธอดันโฟกัสที่ร่างสูงเพรียว ใบหน้ายิ้มแย้มของมายามากกว่าความชุลมุนของเด็กๆ จนคนที่นั่งตรงข้ามรู้สึกได้
"ฮะแฮ่ม" คุณหญิงศศิมีเรด้าเรื่องนี้เสมอ "ทำไมมองมายาแบบนั้น นั่นสามีฉันนะ" ทุนเดิมเป็นคนขี้หึงอยู่แล้ว และยิ่งสมรแสดงออกว่าสนใจจนออกนอกหน้าแบบนั้น เธอยิ่งระแวง
"อุ้ย! ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ฉันไม่ได้คิดอะไรจริงจริ๊ง" ปากบอกไปแบบนั้น แต่ก็ไม่วายหันกลับไปมองอีก จนคุณหญิงศศิต้องย้ายที่นั่งมาขวางระยะสายตาของสมรไว้
"ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ ค่ะ"
"งั้นก็เลิกมอง! "
"ค่ะๆ " สมรบอกออกไปอย่างเสียดาย แต่จู่ๆ ก็หันไปหาคุณหญิงศศิอีกรอบ ทั้งยังทำหน้าตาหนักใจ "คือว่า.. ฉันมีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ"
"ฉันคิดไว้อยู่แล้วล่ะ เพราะเธอจะมาก็ต่อเมื่อมีเรื่อง"
"โธ่.. อย่าพูดแบบนั้นสิคะ" บอกออกมาพร้อมส่งยิ้มแหยๆ ให้ เพราะคนตรงหน้าดันรู้ทัน
"มีอะไรก็พูดมาเถอะ ยังไงเราก็มีกันแค่นี้" คุณหญิงศศิจึงต้องรีบตัดบท เธอรู้นิสัยสมรดีว่าหล่อนเป็นคนพูดโอเว่อร์แถมยังชอบชักแม่น้ำทั้งห้าอีก จึงต้องพาเข้าเรื่อง
"ฉันคิดว่า ฉันอาจจะ ชอบ ผู้หญิงน่ะค่ะ" สมรอ้อมแอ้มตอบออกมา
"ห๊า! " คุณหญิงตาเบิกโพลงทันที ก่อนจะหันไปหามายาที่ยืนอยู่ไกลๆ "อย่าบอกนะ ว่าเธอชอบมายา! " ทั้งยังแว้ดใส่อีก ก็คิดถึงใครไม่ได้เลยตอนนี้ แถมพฤติกรรมของสมรยังฟ้องอีก
"ไม่ใช่ค่ะ! " สมรปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด "ใครจะไปชอบคนที่ซ้อมฉันในห้องน้ำกันล่ะคะ ฉันไม่ใช่โสรยาในสวรรค์เบี่ยงนะคะ"
"นั่นจำเลยรักหรือเปล่า"
"แฮ่ๆ ใช่ค่ะ"
"ช่างเถอะ เล่ามาซิว่าใครที่เธอชอบ"
จู่ๆ สมรก็ยิ้มเขินราวกับเด็กจนคนตรงหน้ารู้สึกหมั่นไส้ จึงต้องฟาดมือไปที่แขนของสมรอย่างต้องการจะเรียกสติ "อย่าลีลาได้มั้ย รีบๆ บอกมา"
"ค่ะๆ แต่ฉันจะไม่บอกชื่อนะ แค่เธอคนนั้นเป็นคนที่น่ารักมากๆ ใจดี ห่วงใยฉันตลอด และก็.. เป็นคนที่ไม่คิดว่าจะมาได้เสียกัน"
"ห๊า! " คุณหญิงศศิยกมือขึ้นปิดปากตัวเองด้วยความตกใจ "นี่เธอกับน้องมิ้นท์ได้กันแล้วเหรอ"
"ฉันไม่ได้บอกนะคะว่าเป็นหนูมิ้นท์ ทำไมถึงรู้ อุ้ย! "
"ก็เธอเก็บความลับเก่งเสียที่ไหนล่ะ แถมมากี่ที เธอก็เอาแต่พูดถึงน้องมิ้นท์ ถ้าไม่ใช่แล้วจะเป็นใคร"
"ฉันนี่แย่จริงๆ นิสัยแบบนี้ทำไมแก้ไม่หายสักที" ก็เรื่องปากโป้งเป็นสิ่งที่ติดมากับตัวสมรตั้งแต่เด็กเห็นจะว่าได้
"แล้วเรื่องนี้มันเป็นปัญหายังไงล่ะ พวกเธอก็ทั้งสวยและก็รวยทั้งคู่ไม่เห็นจะแย่ตรงไหน"
"คุณพี่ก็รู้ว่าฉันไม่เคยชอบผู้หญิง แถมที่สำคัญ อายุห่างกันเป็นรอบ และที่สำคัญกว่านั้น หนูมิ้นท์กับยัยตรีเหมือนจะเริ่มชอบกันแล้ว"
"หืมม" คุณหญิงศศิคิ้วขมวดทันที "ไหนเธอเคยบอกว่าลูกสาวไม่สนใจน้องมิ้นท์และมีแฟนแล้วไง"
"ฉันก็คิดแบบนั้นค่ะ แต่เมื่อคืนนี้ สายตาหนูมิ้นท์มันบอกว่า ยังมีหวังกับยัยตรี และยัยตรีก็ไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่หนูมิ้นท์พยายาม"
"ทำไมมันพัวพันไปหมด"
"อีกย่างนะคะ เมื่อคืน หนูมิ้นท์ก็พยายามจะล่วงเกินฉันอีก" สมรถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ "คือฉันสับสนน่ะค่ะ ไม่รู้ว่าจะจบเรื่องนี้ยังไง อ้อ.. แล้วอีกอย่างนะคะ เวลาที่ฉันเห็นยัยตรีกับหนูมิ้นท์อยู่ด้วยกัน มันทำให้ฉันหึง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เป็น"
"ฉันว่า.. เธอคงตกหลุมรักนางเอกเข้าแล้วล่ะ"
มินตราเดินตามกรรชัยไม่ห่าง ก็ในฐานะลูกสาวคนเดียว เธอจึงต้องทำหน้าที่ตามที่คนพ่อต้องการ
"สวัสดีค่ะพี่ตรี" มินตราเอ่ยทักทายและยกมือไหว้ตรีประดับอย่างนอบน้อม
ไม่มีการพูดจาทักทายกันนอกเหนือจากนี้ เพราะเมื่ออยู่ในเวลางาน ทั้งกรรชัยและตรีประดับมักจริงจังเสมอ
วันนี้คณะบริหารเดินไปจนแทบทุกส่วนของโรงแรมโดยมีตรีประดับเป็นคนนำ
"ขอบคุณมากนะหนูตรี ที่ใจดีพาเราสองพ่อลูกชมโรงแรม"
"ตรียินดีค่ะ"
"ดีดี ไว้โอกาสหน้าลุงขอทานอาหารด้วยสักมื้อนะ"
"อ้าว แล้ววันนี้ล่ะคะ ตรีแจ้งเลขาคุณลุงไปแล้วนะคะ"
"ต้องขอโทษด้วยนะ แต่วันนี้ลุงไม่สะดวกจริงๆ "
มินตรายิ้มแป้นทันที ก็ถ้าหากพ่อไม่สะดวก เธอก็อาจจะได้กลับในทันทีในฐานะผู้ติดตาม ไม่ต้องอยู่ร่วมโต๊ะกับตรีประดับให้เสียเวลา เพราะมีเรื่องอื่นต้องทำ
"แต่ลุงขอฝากลูกสาวจอมกินจุไว้แทนได้มั้ย"
"ได้สิคะ นั่นเป็นความคิดที่ดีมาก" ตรีประดับเอ่ยออกมาด้วยความยินดี ต่างจากมินตราที่เห็นต่าง หน้าบูดบึ้งขึ้นมาเพียงแว้บหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆ ดังเดิม และจำต้องเดินตามตรีประดับไปที่ห้องอาหารอย่างเสียไม่ได้
"อาหารไม่อร่อยเหรอคะ" ตรีประดับทักขึ้นขณะมื้ออาหาร
"อร่อยค่ะ" มินตราบอกเสียงอ่อน เพราะไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ
"แต่น้องมิ้นท์ดูเหมือนคนอมทุกข์เลยนะคะ"
"ดูออกขนาดนั้นเลยเหรอคะ"
ตรีประดับจึงยื่นมือไปจิ้มที่หัวคิ้วมินตรา "ดูจากตรงนี้ไงคะ" มินตราที่หน้าบูดบึ้งเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นอมยิ้ม ทั้งใบหน้ายังขึ้นสีเพราะความเขิน จนต้องขยับออกห่าง เพราะสิ่งที่ตรีประดับทำ ทำให้มินตรานึกถึงวันแรกที่สมรทำกับเธอ
"พี่ตรีเหมือนคุณป้าจังเลยนะคะ" มินตราบอกออกมาตามที่คิด ทั้งใบหน้าก็ของสองแม่ลูกยังคล้ายคลึงกันอีก
"ก็เป็นแม่ลูกกันนี่คะ" ตรีประดับบอกออกมาก่อนจะตักอาหารใส่จานมินตรา "ว่าแต่.. มีเรื่องอะไรที่ต้องทำให้คิดตลอดเวลาล่ะคะ"
"อ๋อ.. ไม่มีอะไรหรอกค่ะ" มินตรารีบปฏิเสธทันที "ขอโทษนะคะที่ทำให้เสียบรรยากาศ" บอกแค่นั้นก่อนจะตักอาหารเข้าปากอย่างแก้เขิน
ตอนนี้มินตราไม่เป็นตัวของตัวเองนัก ทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับตรีประดับ ทั้งแบบสองต่อสองแบบนี้ เธอยิ่งทำตัวไม่ถูก
ก่อนหน้านี้ ตรีประดับไม่เคยสนใจเธอเลยสักนิด แต่ตอนนี้ คนพี่เปลี่ยนไป ราวกับเป็นคนละคน นั่นจึงทำให้มินตราใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
"ยังอยากแต่งงานกับพี่อยู่รึเปล่าคะ"
'เคล้ง' เสียงช้อนหล่นลงในจาน
"พี่ทำให้น้องมิ้นท์ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอคะ"
"ปะ เปล่าค่ะ มิ้นท์ซุ่มซ่ามเองต่างหากค่ะ" ปฏิเสธออกไปอย่างหน้าตาตื่น ความมั่นใจที่เคยมีหายวับ
ตรีประดับกำลังกุมมือคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม อย่างน้อยก็อยากทำให้มินตราใจเย็นขึ้น
"คบกันนะคะ"
มินตราเงยหน้ามองตรีประดับอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นี่มันรวดเร็วเกินไป เพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัว ตอนนี้ใบหน้ามินตราผ่าวร้อน เหงื่อตกทั้งที่หน้าและในอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องดีใจหรือต้องปฏิเสธ
ทั้งที่รอคอยเพื่อจะได้ยินคำๆ นี้จากปากตรีประดับมาเนิ่นนาน เธอควรจะตอบว่า 'คบค่ะ' ไม่ใช่ เอาแต่คิดหนักแบบนี้
"ยังไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ พี่ไม่รีบ พร้อมเมื่อไหร่ ค่อยให้คำตอบ"
'ฟู่ววว' มินตราลอบถอนหายใจ รู้สึกขอบคุณที่ตรีประดับยังให้เวลาเธอตัดสินใจ
การตัดสินใจครั้งนี้ คงไม่ได้มาจากมินตราเพียงคนเดียว เพราะเธอยังห่วงความรู้สึกของอีกคนหนึ่ง
รถยนต์ของมินตราจอดสนิทอยู่หน้ารั้วบ้านสมร ตั้งใจจะลงไปกดสัญญาณเรียก แต่สายตาก็พลันเห็นว่ารั้วถูกเปิดออก พร้อมกับรถเจ้าของบ้านกำลังเคลื่อนออก
มินตราไม่ลังเลรีบตรงไปกระโดดขวางหน้ารถทันที
"ว้ายยย.. หนูมิ้นท์! " เสียงสมรดังลั่นอยู่ภายในรถ ก็เพราะมาแบบไม่นัดล่วงหน้า แถมมาขวางแบบไม่กลัวตายอีก
เมื่อเห็นว่ารถจอดสนิท มินตราจึงเปลี่ยนจากยืนขวางหน้ามาเกาะข้างกระจกทันที "ขอคุยด้วยหน่อยได้มั้ยคะ มิ้นท์มีเรื่องสำคัญจริงๆ "
มินตราได้คุยกับสมรสมใจ โดยเข้ามานั่งข้างคนขับ
"พี่ตรีขอคบกับมิ้นท์ค่ะ"
"ห๊า! " สมรอุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน พร้อมกับหันมองไปอีกทาง เพราะสมองต้องการการประมวลผล
"มิ้นท์ มิ้นท์ มิ้นท์ต้องทำยังไงคะ" มินตราดูร้อนรนนั่งไม่ติด ต่างจากสมรที่ดูเหมือนกำลังใช้ความคิดและมีสติกว่า
"คบกับยัยตรีเถอะ" เธอตัดสินใจออกออกไปเสียงอ่อน
"อะไรนะคะ"
"คบกับยัยตรี" สมรบอกออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังต่างจากทีแรก "ไม่เห็นต้องคิดมากเลย" ทั้งยังทำเป็นอารมณ์ดีกลบเกลื่อน
"มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงคะ คุณป้าไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ทั้งที่เราสองคนมีอะไรกันแล้วนะ" มินตราไม่ยอมง่ายๆ ที่มาหาสมรครั้งนี้ เพราะอยากจะได้ยินคำตอบดีๆ และต้องไม่ใช่แบบนี้
แม้สมรจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่บอกออกไป แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ "อะไรกัน หนูมิ้นท์ยังไม่ลืมเรื่องคืนนั้นอีกเหรอ"
มินตราได้ยินแบบนั้นก็ทิ้งตัวลงพิงพนักอย่างหมดแรง "คุณป้าจะบอกว่าลืมเรื่องของเราหมดแล้วเหรอคะ"
"ไม่มีเรื่องของเราทั้งนั้น" เธอบอกก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสมินตรา อย่างน้อยก็อยากให้คนตรงหน้าไม่รู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ "อย่าลืมสิ่งที่ต้องการตั้งแต่แรกสิ หนูมิ้นท์เข้าหาป้าก็เพื่ออยากจะแต่งงานกับยัยตรีไม่ใช่เหรอ นี่เป็นโอกาสเดียวของหนูแล้วนะ"
ผิดหวัง ความรู้สึกเดียวตอนนี้ของมินตรา มีแต่คำว่าผิดหวังเต็มไปหมด ก็แล้วเธอจะหวังอะไรได้เล่า เพราะถ้าเธอใส่ใจสมรมากกว่านี้ ก็จะรับรู้ได้ว่า สมรไม่เคยมีความรู้สึกทางชู้สาวกับเธอสักนิด แถมยังเอาแต่หนี
ส่วนสมรเองก็ผิดหวังไม่ต่างจากมินตรา เธอผิดหวังในตัวเอง ที่ดันปล่อยตัวปล่อยใจ ปล่อยให้เรื่องระหว่างเธอและมินตราเลยเถิดไปมากถึงขนาดนั้น
ถ้ารู้แบบนี้แต่แรกว่าตรีประดับและมินตราจะได้คบกัน คงไม่ยอมง่ายๆ แม้จะมีเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกที่อาจชอบมินตรา แต่ก็ต้องทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด เพื่อลบปมด้อยในอดีต
สมรไม่เคยให้ความรักลูกสาว และไม่ได้ทำหน้าที่แม่ได้ดีมากพอในช่วงเวลาที่ควร แต่ตอนนี้คงถึงเวลา ที่จะต้องเสียสละความสุขของตนเอง
ในเมื่อตรีประดับเลือกมินตรา เธอก็ควรจะถอย
ในกองถ่ายละครที่แสนจะวุ่นวาย ทีมงานวิ่งขวักไขว่ เสียงเอะอะโวยวาย เพราะซีนใหญ่ที่กำลังจะถ่ายทำในวันนี้
มินตราและสมรมาก่อนเวลา ในฐานะนักแสดงนำ ละครเรื่องเดิมที่กำลังโด่งดังและเป็นกระแส จนผู้จัดเห็นว่าต้องเพิ่มฉากที่จะสามารถเรียกกระแสเข้าไปอีก
ดังนั้น วันนี้ มินตราและสมรจึงต้องโคจรมาเจอกันอีกครั้ง
ขนมจากร้านชื่อดังถูกแจกจ่ายไปจนทั่วทั้งกองถ่าย ด้วยผู้สนับสนุนใจดีอย่างสมร เธอก็เป็นแบบนี้ประจำ ในทีแรกเพียงหิ้วมาเพื่อเอาใจเหล่าทีมงานและอยากเป็นที่รัก แต่หลังๆ คือทำเพราะอยากให้นางเอกอีกคนได้ชิมของอร่อย สมรบังเอิญเห็นว่ามินตราแอบเอาขนมหลายชิ้นที่เธอหิ้วมา ยัดลงกระเป๋าหลายต่อหลายครั้งราวกับเด็กขโมยขนม ขนมในกองถ่ายจากสมรจึงไม่เคยเหลือทิ้ง
และซีนที่ใครๆ อยากเห็น ไม่ใช่ซีนอารมณ์แบบที่นักแสดงเข้าใจ แต่เป็นเลิฟซีน
สำหรับนักแสดงทั้งคู่ไม่ต้องห่วงเรื่องอารมณ์ พวกเธอทำได้ดีเหมือนเดิม ถ่ายทำไม่กี่เทคก็ผ่านฉลุย
"เลิฟซีน! ให้นักแสดงไปพัก" หลังจากเอ่ยปากชมนักแสดงแล้ว ผู้กำกับก็ให้สัญญาณทุกคนเพื่อจะได้เตรียมตัวเตรียมใจถ่ายซีนสำคัญ
สมรเดินวนอยู่ในห้องพักนักแสดงเพื่อทำสมาธิ เธองดรับงานหนึ่งเดือนเต็ม เพราะอยากพัก แถมไม่ได้เจอหน้ามินตราหลังจากวันที่ดาราสาวมาหาหน้าบ้านหลายเดือน
การทำงานของพวกเธอในวันนี้ เหมือนคนไม่รู้จักกัน จะพูดคุยก็เฉพาะเรื่องงาน ซึ่งมันทำให้สมรอึดอัดใจแต่ก็พูดหรือโวยวายไม่ได้
'ก๊อก ก๊อก' เสียงเคาะประตูทำลายความเครียดของสมร แต่พอเปิดออกก็ไม่พบใคร จะเห็นก็เพียงกระดาษแผ่นเล็กๆ วางอยู่ที่พื้น
'สู้สู้นะคะคุณป้า' ใจความในกระดาษบอกเธอแบบนั้น
"อะไรกัน ทำเป็นไม่อยากคุย แต่เอากระดาษมาหย่อนไว้หน้าห้องเนี่ยนะ" เธอบ่นออกมาไม่จริงจังนัก แต่การกระทำของมินตราก็ทำให้เธอเผลอยิ้มออกมา "เด็กแปลก! "
รวมถึงมินตราก็ด้วยที่แอบดูอยู่ แค่เห็นสมรยิ้มให้จดหมาย มินตราก็ยิ้มตามได้อย่างไม่มีเหตุผล
การเข้าฉากของนักแสดงนำเริ่มอีกครั้ง
"คุณสมรต้องไล่น้องมิ้นท์ให้ออกจากห้อง เพราะไปเห็นน้องจูบกับตัวร้าย แต่น้องไม่ยอม พยายามอธิบาย แต่คุณสมรไม่ฟัง โวยวายใส่ และเผลอเหวี่ยงมือไปโดนหน้าน้อง" ผู้ช่วยผู้กำกับช่วยอธิบายซีนนี้แบบย่อๆ "เอาแค่นี้ก่อนนะคะ แล้วจะต่อด้วย น้องมิ้นท์โมโห ปะทะอารมณ์ พูดจาต่อว่า คุณสมรโกรธ น้องมินท์ถูกตบอีกครั้ง โมโห และดึงคุณสมรมาจูบ คุณสมรขัดขืน สลัดออกได้ก็ตบหน้าน้องมิ้นท์อีก ตบจูบ ตบจูบ ตามด้วยน้ำตาของคุณสมรเพราะว่าผิดหวัง น้องมิ้นท์รู้สึกผิด ดึงคุณสมรมากอดและก็อธิบาย อธิบาย อธิบายออกมา บลา บลา บลา คุณสมรเข้าใจ มองตา แล้วก็จูบแบบดูดดื่ม จบปึ้ง! "
ทั้งคู่พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ เอาจริงๆ พวกเธอแม่นยำอยู่แล้ว แต่เพื่อความราบรื่นจึงต้องมีการทบทวนกันอีกครั้ง ซึ่งการทบทวนนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก
"ไม่ต้องเกร็งนะคะ ทำใจให้สบาย เหมือนเคยๆ " ผู้ช่วยผู้กำกับบอกทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินห่างออกไป และส่งสัญญาณให้ผู้กำกับ
'พารักคืนฝัน ซีนหนึ่ง เทคหนึ่ง แอคชั่น'
"กลับไปหาคุณแพรไหมเถอะค่ะ คุณหนูไม่ควรมาเกลือกกลั้วกับแม่นมชั้นต่ำแบบดิฉัน"
สมรบอกออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ทั้งยังหันหน้าหนี
สมรหรือกิ่งแก้ว ในบทบาทของแม่นมภายในคฤหาสห์หลังใหญ่ที่มีแต่คนนับหน้าถือตา แต่ฐานะของเธอก็เป็นเพียงแค่คนรับใช้
"หญิงรักคุณพี่กิ่งแก้วค่ะ สิ่งที่พี่เห็นมันไม่จริงเลย"
มินตราในบทบาท พราวฟ้า คุณหนูของบ้าน สารภาพกับกิ่งแก้ว แม่นมที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก
"คุณหนูก็รู้ว่าเรื่องของเราเป็นไปไม่ได้ แม้เราจะรักกัน แต่คุณแพรไหมเหมาะสมกับคุณหนูมากกว่าดิฉัน และคุณผู้หญิงท่านคงไม่ยอมแน่ๆ "
"หญิงก็ไม่ยอมให้ใครมาจับคลุมถุงชนเหมือนกันค่ะ" บอกออกไปก่อนจะดึงแขนสมรเพื่อให้หันมาหา
"เราหนีไปด้วยกันนะคะ"
กิ่งแก้วตาโตทันทีกับความคิดของคนตรงหน้า
"ไม่ได้ค่ะ ถ้าทำแบบนั้น คุณพ่อและคุณแม่ของคุณหนูต้องเสียใจมากแน่ๆ "
"แล้วจะให้หญิงทำยังไงคะ"
ตอนนี้คุณหนูของบ้านกำลังแสดงอารมณ์ไม่พอใจออกมา
ในละครเรื่องนี้ มินตราต้องรับบทเป็นสาวน้อยเอาแต่ใจแถมยังอารมณ์ร้อน ท่าทางและการแสดงออกจึงโอเว่อร์แบบสุดขีด
"ใจเย็นๆ นะคะ เราจะหาทางออกกับเรื่องนี้ด้วยกัน"
เพราะเสียงของคนตรงหน้าทำให้กิ่งแก้วสะดุ้ง เธอจึงจำต้องเอ่ยเตือน อย่างน้อยหากพวกเธอพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงปกติ คนข้างนอกห้องคงจะไม่รู้ว่าคุณหนูของบ้านแอบมาหาเธอถึงในห้องนอน
"ไม่ค่ะ"
ไม่เพียงแค่พูดเปล่า ยังคว้าข้อมือกิ่งแก้วไว้ด้วยความโมโห
"เราจะออกไปหาคุณแม่ด้วยกัน และหญิงจะสารภาพทุกอย่างและจะประกาศให้ทุกคนรู้ ว่าในใจของหญิงมีคุณพี่คนเดียว"
"ไม่ได้นะคะ"
กิ่งแก้วพยายามขืนตัวไม่ให้พราวฟ้าได้ลากจูง
"ถ้าทำแบบนี้มันจะยิ่งบานปลาย"
เพราะตั้งใจจะหนีเรื่องราวที่เจ็บปวดใจไปตั้งรกรากอยู่ที่อื่น หากเรื่องทุกอย่างได้ถูกถ่ายทอดออกไป คงจะเป็นเรื่องใหญ่โตแน่
กิ่งแก้วขัดขืนแบบสุดชีวิตแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สร้างความตกใจให้พราวฟ้า แต่เธอเองก็ไม่ยอมปล่อยให้กิ่งแก้วเป็นอิสระ
'เพี้ยะ'
มือของกิ่งแก้วเหวี่ยงหวือไปถูกใบหน้าขาวๆ ของพราวฟ้าด้วยความไม่ตั้งใจ
"ดิฉันขอโทษค่ะ"
กิ่งแก้วเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด นี่เป็นครั้งแรกที่กิ่งแก้วทำรุนแรงกับคุณหนูของบ้าน
"ต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอคะ หรือจริงๆ แล้วคุณพี่มีใครในใจที่ไม่ใช่หญิงหรือเปล่า"
"ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ"
"หญิงเห็นหลวงปกรณ์มาหาคุณพี่บ่อยๆ คงแอบได้เสียกันแล้วล่ะสิ"
น้ำเสียงพราวฟ้าดูเย้ยหยัน
"คุณพี่คงอยากสบาย และอยากได้ผู้ชายจนตัวสั่น"
"เพี้ยะ"
พราวฟ้าหน้าหันทันที เพราะถูกตบจนเต็มแรง และครั้งนี้กิ่งแก้วตั้งใจ
"ดิฉันไม่เคยคิดเรื่องต่ำๆ แบบนั้น"
กิ่งแก้วต่อว่าพราวฟ้าอย่างเหลืออด แต่ก็พยายามตั้งสติ
"คุณหนูรีบออกไปเถอะค่ะ โกรธกันแบบนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่อง"
"มาตบกันแบบนี้ แล้วคิดว่าหญิงจะยอมออกไปง่ายๆ เหรอคะ"
บอกออกไปแค่นั้นก็ดึงหน้ากิ่งแก้วเข้ามาบดจูบทันทีอย่างเหลืออด
"อื้ออ"
ตามบทละคร ในซีนนี้ เป็นการถ่ายทำแบบต่อเนื่อง ไม่มีสั่งคัท
หลังจากมินตราถูกตบ มีการปะทะฝีปากกันครู่หนึ่ง และต่อด้วย สมรถูกจูบแบบไม่ยินยอม
สมรหรือกิ่งแก้วจะต้องขัดขืนแบบสุดกำลัง แต่ตอนนี้ สมรกำลังนอกบท กิ่งแก้วไม่ขัดขืน มือที่ต้องยกขึ้นมาทุบตีพราวฟ้ากลับกำไว้แน่น แถมยังอยู่นิ่ง ยอมให้มินตราจูบเธอ
ทีมงาน ตากล้อง ช่างไฟ ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ผู้ช่วยผู้กำกับ ผู้กำกับ และทุกคน เอาแต่จดจ่อสนใจซีนนี้แบบจริงจัง ยิ่งกว่าตอนสาดอารมณ์ใส่กันเสียอีก ไม่มีการขยับกาย ปล่อยให้ความเงียบล่องลอยไปในอากาศ
จนคนหนึ่งในกองคือผู้ช่วยผู้กำกับเริ่มมีสติ หล่อนไม่ลังเลที่จะสะกิดให้สัญญาณผู้กำกับ
"คัทททท! ปากซีด เติมปากนักแสดงหน่อย" เสียงนี้ที่ดังขึ้นเรียกสติคนทั้งกอง รวมถึงนักแสดงนำก็ด้วย
สมรเด้งตัวออกจากมินตราทันที เธอเองก็เพิ่งจะกลับมามีสติอีกครั้ง ไม่กล้าหันไปสบตามินตรา เพราะซีนเมื่อครู่ เธอดันเคลิบเคลิ้มกับจูบของมินตรา แทนที่จะเล่นตามบท
"ลืมเหรอคะ" มินตราถามออกมาอย่างแปลกใจ ทั้งยังพยายามเดินเข้ามาใกล้
"พักผ่อนน้อย กินน้อย สมองเลยตายชั่วขณะน่ะ" สมรตอบโดยไม่มองหน้า ซึ่งมันก็ทำให้มินตราใบหน้าฉงน คิ้วขมวด
ปกติแล้ว สมรเป๊ะทุกอย่างในเรื่องการแสดง ทั้งบท อารมณ์ และบล็อคกิ้ง เธอเป็นนักแสดงคุณภาพคนหนึ่งเลยทีเดียว มินตรารู้สึกแบบนั้น
ทีมงานเข้ามาเติมปากเติมหน้าให้นักแสดงทั้งคู่ตามคำสั่งของผู้กำกับ
ระหว่างนั้น ผู้กำกับก็มาบรีฟการแสดงด้วยตนเอง
"บทพูดดีแล้ว แต่เฮียขอ เลิฟซีนอย่างเดียว แค่อย่างเดียว" เขาหันไปหาสมร "เมื่อกี้ไม่เป็นไร เอาใหม่" เพราะไม่อยากจะกดดันจึงต้องให้กำลังใจนักแสดง ก่อนจะช่วยสรุปสิ่งที่ต้องการอีกครั้งแบบย่อๆ "ตบจูบขัดขืน ตบจูบขัดขืน ตบจูบขัดขืน และก็ขอน้ำตา ที่ตาซ้าย เอาแบบหยดแหมะ แหมะ แหมะ น้องมิ้นท์ค่อยหยุด แล้วก็ต่อด้วย บทพูด"
นักแสดงทั้งสองพยักหน้าเข้าใจ เขาจึงเดินกลับไปนั่งประจำที่
มินตราส่งแก้วน้ำหวานสีแดงให้สมร "ดื่มสักหน่อยสิคะ"
"ขอบใจจ้ะ" สมรรับมาดื่มแบบขอไปที
"ถ้าไม่ไหว.."
"ไหวสิ!" สมรรีบลุกขึ้นยืนทันที เพราะรู้ดีว่ามินตราจะพูดอะไรต่อ ทั้งยังแสร้งส่งเสียงดัง "ผู้กำกับ พี่พร้อมแล้วนะ! มาถ่ายกันต่อเถอะ"